Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

เงินหรือตัวตนกันแน่ที่เราค้นหา ‘ซันนี่-มัจฉา’ ชวนตั้งคำถามในหนังล่าสมบัติ ‘The Adventures’

Interview / People

พระเอกลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสกับประสบการณ์แสดง 20 ปี ‘ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์’ แสดงมานานจนสาวลูกครึ่งไทย-สวิส ‘มัจฉา โมซิมันน์’ คนดูรุ่นหลานเติบโตมาเป็นนางเอกใหม่คู่กับเขาได้ใน ‘The Adventures(ผจญภัยล่าขุมทรัพย์หมื่นลี้)’ หนังที่ทั้งสองออกไปผจญภัยตามล่าหาขุมทรัพย์ที่เมืองจีน

เรื่องย่อ The Adventures(ผจญภัยล่าขุมทรัพย์หมื่นลี้)

‘จอย’ (มัจฉา) สาวจบใหม่ที่ได้งานทำเป็นเลขานุการบริษัทข้ามชาติเบอร์ใหญ่ หน้าที่การงานดี เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองชอบอะไร หมักหมมไปกับปัญหาการเงินที่เป็นหนี้บัตรเครดิตท่วมหัว จอยมักเสพนิยายผจญภัย ดูสารคดีท่องเที่ยวเพื่อหนีไปจากความจริงอันขึ้งเครียดของตัวเอง 

จอยต้องตามนายไปประชุมที่เซี่ยงไฮ้ และเจอ ‘ริคกี้’ (ซันนี่) ชายไทยวัยกลางคนที่เดินทางไปเรื่อย ไม่เคยลงหลักปักฐานที่ไหน และขายของโบราณไปหลอกขายเศรษฐีประทังชีวิต แต่ก็มักถูกจับได้ และติดหนี้จนถูกหมายหัว 

จอยกับริคกี้มีเหตุให้ไปพบกันที่เมืองจีน และเดชะบุญที่ไปเจอลายแทง สองคนที่มีจุดร่วมกันคือ เป็นคนหนีหนี้และเป็นคนหาตัวเองไม่เจอตัดสินใจออกผจญภัยตามหาขุมทรัพย์ ไปพร้อมๆกับออกเดินทางตามหาตัวเองซะที

LIPS: พอได้รู้ว่านักแสดงร่วมคือซันนี่ รู้สึกอย่างไร

มัจฉา: (ถอนใจ) ดีใจค่ะ เพราะชอบหนังพี่ซันนี่อยู่แล้ว

ซันนี่: เรื่องอะไร

มัจฉา: เคยดู๊วว (เสียงสูง) ก็ที่เล่นกับญาญ่า ที่เล่นเป็นพี่ชายไง (น้องพี่ที่รัก) และมีอีกหลายๆเรื่อง แต่ว่ามันนานแล้ว

LIPS: เขาเกิดไม่ทันยุคทองของคุณหรือเปล่า ทดสอบดูก็ได้ หนังเรื่องแรกของคุณคืออะไร

ซันนี่: เพื่อนสนิท 

มัจฉา: (เสียงอ่อย) ไม่เคยดูค่ะ

LIPS: มัจฉาเกิดปีอะไร 

มัจฉา: ปี 1999 ค่ะ

ซันนี่: อู้หูวววว เพื่อนสนิทฉายปี 2005 

LIPS: ตายแล้ว มัจฉากับซันนี่อายุเท่าไรน่ะ 

มัจฉา: 24 ค่ะ

ซันนี่: ของผม สี่สิบ…สอง

มัจฉา: แต่พี่ซันนี่ไม่เหมือนอายุ 42 นะ 

ซันนี่: เหมือนเท่าไหร่

มัจฉา: 35

ซันนี่: ปั้ดโธ่ ไม่ลดไปเยอะๆ หน่อยล่ะ ลดไปนิดเดียว 

LIPS: แล้วคุณล่ะ รู้จักมัจฉามาก่อนไหม

ซันนี่: รู้จักสิ ตอนเขามาแคสต์กับผู้กำกับ 

มัจฉา: นั่นนานมากแล้ว เพราะเราเริ่มถ่ายหนังเรื่องนี้กันเมื่อ 4 ปีก่อน แล้วก็ต้องหยุดไปกลางคันเพราะโควิด ทำให้ต้องปิดประเทศ ตอนแรกถ่ายไปแค่ 2 คิวเอง

ซันนี่: หนังไม่ได้ถูกดองนะ เรียกว่าถ่ายไม่ได้ บวงสรวงกันไปเรียบร้อย พอจะเดินทางไปถ่ายต่างประเทศ…ปิดประเทศ อด ระหว่างนั้นเขาก็ไปเฉิดฉายเป็นนักร้อง สมัยก่อนยังเล็บกุดๆอยู่ ตอนนี้เล็บยาวขนาดนี้ (ชี้ไปที่เล็บยาวเฟื้อยของนางเอก) แต่จริงๆแล้วเป็นเรื่องดี มันเป็นวาระที่เขาต้องไปเป็นนักร้องก่อน บางสิ่งบางอย่างมันเปลี่ยนไม่ได้ ต้องมาช่วงนี้เท่านั้น มัน meant to be มาถ่ายตอนนี้ดีกว่าเยอะ

LIPS: แปลว่าอะไร ก่อนหน้านั้นคือมัจฉาไม่ดีเหรอ

ซันนี่: ไม่ใช่! นี่ก็ใส่ร้าย หมายความว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือดีที่สุด 

LIPS: ในหนัง มัจฉารับบทเป็นสาวออฟฟิศพิชิตหนี้ 

มัจฉา: ติดหนี้บัตรเครดิตค่ะ ในเรื่องเป็นคนชอบซื้อของไร้สาระ ทำงานเป็นเลขาฯ คาแรกเตอร์เป็นคนที่ยังไม่รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิต ก็เลยไปทำงานเป็นเลขาฯไปก่อน 

ซันนี่: เขาไม่รู้ว่าชอบงานที่ทำอยู่หรือเปล่า แต่เหมือนทำไปก่อนเพื่อให้มีเงิน แต่การซื้อของด้วยบัตรเครดิตน่ะ เราไม่รู้ตัวหรอก จนมาเห็นบิลทีหลังถึงได้ตกใจว่าเราจ่ายไปเยอะมาก 

มัจฉา: และในเรื่องก็เป็นคนชอบอ่านหนังสือ รักการผจญภัย มองหาการผจญภัยในชีวิตแต่ว่ามันไม่มี 

ซันนี่: จริงๆอยากไปเที่ยว ไปผจญภัย แต่ด้วยหน้าที่การงานก็เลยไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ 

LIPS: ก็สะท้อนชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่อยากออกไปค้นหาตัวเอง อยากทำสิ่งที่อยากทำ แต่ก็ต้องเผชิญกับความเป็นจริงในชีวิตที่ว่าก็ต้องทำงาน ต้องหาเงิน 

ซันนี่: พูดอีกก็ถูกอีก 

LIPS: แล้วคุณล่ะ รับบทเป็นคนขั้วตรงข้ามกับมัจฉาเลยใช่ไหม

ซันนี่: ใช่สิ ผมเล่นเป็นเด็ก 18 มั้งเนี่ย

LIPS: เกลียด

ซันนี่: (เสียงจริงจัง) ผมรับบทเป็นคนที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นหลักแหล่ง เดินทางไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าจะลงหลักปักฐานที่ไหน ก็เหมือนคนหลงทางทั้งคู่แต่คนละแบบ เราผจญภัยอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป้าหมายคืออะไร เราไปของเราไปเรื่อย 

LIPS: ไม่ได้ตัดสินตัวละครว่าเป็นคนหลักลอย

ซันนี่: ไม่มีใครบอกว่าตัวเองไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้หรอก เรามีเหตุผลของเราในการที่จะเป็นคนคนหนึ่ง เราไม่ได้คิดว่าเราทำอะไรผิด หาความชอบธรรมให้ตัวเอง ทีนี้สองคนนี้เลยมาเจอกันตอนที่เราต้มตุ๋นคนอื่นอยู่ แต่ก็ต้มไม่ค่อยสำเร็จนักนะ เขาก็หลงทางมาเหมือนกัน แต่ต้องมามีเป้าหมายเดียวกันโดยบังเอิญ ต้องไปดูในหนังว่าจะตามหาลายแทงเจอไหม 

มัจฉา: ถ้าพี่ซันนี่เจอแบบนี้จะไปไหม หรือจะกล้าไปไหม

ซันนี่: กล้าไปสิ แต่ต้องดูก่อนว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน ไม่ใช่มีคนส่งข้อความมาบอกว่าคุณถูกรางวัลเงิน 1 ล้าน มารับหน่อย แบบนี้ก็ไม่ไป แต่ในหนังเราไม่ได้เจอในสิ่งที่มิจฉาชีพหลอกไง เรารู้ได้จากสัญชาตญาณนักล่าของผม ในบทผมอยู่เมืองจีนอยู่แล้ว มัจฉาเดินทางตามเจ้านายมา ผมสู้ชีวิต หาเช้ากินค่ำโดยการหาของเก่าไปขายคน 

LIPS: ปกติซันนี่จะแสดงบทอะไร ต้องรีเสิร์ชทำการบ้านจริงจังมาก แล้วบท ‘นักค้าของเก่าหลงทาง’ ทำการบ้านอย่างไรบ้าง

ซันนี่: บางเรื่องก็ไม่ต้องรีเสิร์ชครับ มันไม่มีอะไรให้รีเสิร์ชนะเรื่องนี้ เพราะรอบตัวผมมีมิจฉาชีพเยอะ คนที่ผมรู้จักน่ะ

LIPS: บอกชื่อมา 5 คนแรก

ซันนี่: (พูดชื่อเพื่อนออกมาจริงๆ) แล้วก็ ‘แจ๊ค แฟนฉัน’ มิจฉาชีพเบอร์หนึ่งของประเทศ ในเรื่องมีพูดจีนด้วย ตอนแรกคุยกับผู้กำกับ เขาบอกว่าเราเป็นคนที่ไปอยู่จีน ก็ต้องพูดจีนได้บ้างสิ แล้วก็พูดภาษาอังกฤษสลับกันไป 

LIPS: อะไร นี่กลายเป็นว่าพูดจีนได้ แต่ภาษาฝรั่งเศสที่ตัวเองเป็นลูกครึ่งยังพูดไม่ได้เลย

ซันนี่: นั่นแม่ผมที่เป็นคนฝรั่งเศส แล้วผมไม่ใช่ลูกรัก 

มัจฉา: แล้วแม่ไม่พูดฝรั่งเศสด้วยเลยหรือคะ

ซันนี่: แม่ไม่พูดด้วยเลย พูดแต่ภาษาไทย เวลามาทำกิจกรรมที่บ้านกัน สักพักเขาหันไปคุยฝรั่งเศสกับพี่ชายกันสองคน! เขาลูกรัก…วนมาเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย กลับไปเรื่องหนังต่อ พอถ่ายไปสักพัก ผู้กำกับบอกว่าไม่เอาพูดอังกฤษละ พูดจีนล้วนๆไปเลยดีกว่า เราก็ อ๊าวววว ไม่รู้ภาษาจีนเลย แต่เรามีล่าม 4 คนในกอง ก็เรียนจากล่ามเอา แต่ผมมีปัญหาเพราะวิธีของผมในการแสดง 

LIPS: คุณไม่จำบท เป็นคนกลืนบทเข้าไปแล้วเล่นเลย

ซันนี่: ใช่ๆ ความจำเลยใช้กับเราไม่ได้ ผมก็เลยพูดไปเรื่อยๆ จนคิดว่าพูดคำนั้นได้จริงๆ 

LIPS: แต่นี่เป็นการเรียนภาษาต่างประเทศที่ถูกต้องนะ ตอนเราเรียนฝรั่งเศส ยังอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ แต่ครูให้พูดตามเป็นประโยค ซึ่งจำได้จนทุกวันนี้ 

ซันนี่: เราทำแบบนั้นเลย พูดตามล่าม ไม่รู้ด้วยว่าพูดถูกหรือเปล่า ถ้าล่ามพยักหน้าแปลว่าเราพูดถูกความหมาย

LIPS: ยังจำภาษาจีนได้บ้างไหม

ซันนี่: ชิงเฉาเถาเสอ หลิงไป่อู๋เสอเหนียน ‘นี่ของราชวงศ์ชิง อายุสองพันกว่าปี’ อย่ามาหัวเราะนะ เราพูดได้จริง คนที่หนักกว่าเราคือ ‘คงคิด’ (คงคิด วิเศษศิริ หนึ่งในนักแสดงในหนัง) ในเรื่องเขาอยู่จีนมานานกว่าผมเป็นสิบปี เขามีวิธีแสดงแบบเดียวกับผมคือไม่จำบท ไปยืนค้างอยู่หน้ากล้อง พูดอะไรไม่ออก เพราะจำประโยคภาษาจีนไม่ได้ การแสดงของเราไม่ใช่เรื่องการจำบทไง 

มัจฉา: (หัวเราะจนร้องไห้) วันท้ายๆ ฉากของพี่เขาถ่ายนานมาก เพราะจำบทไม่ได้เสียที 

ซันนี่: แล้วถ้าให้เขาจำแล้วพูดตามเลยก็จะทำได้ไง แต่นี่ผู้กำกับให้เขาเดินมาแต่ไกล ระหว่างที่เดินก็ลืมแล้วไง พอมาถึงจุดมาร์ก กล้องรับหน้า เขายืนตาแข็ง ต้องพูดว่าไงนะ (หัวเราะ) โดนเทคเยอะจนสงสารน่ะ ไม่งั้นก็ให้กล้องรับหน้าไปเลยสิ ไม่ใช่ให้เขาเดินมาแต่ไกล เขาลืม

LIPS: พากย์เอาได้ไหม

ซันนี่: มันไม่ได้ฟีล ถือเป็นความท้าทายหลังจากแสดงหนังมา…ปีหน้าหนังเรื่องเพื่อนสนิทครบ 20 ปี 

LIPS: แล้วความท้าทายของมัจฉาในหนังเรื่องนี้คืออะไร

มัจฉา: ท้าทายทุกเรื่องค่ะ เพราะเป็นหนังเรื่องแรก ก่อนหน้านี้เคยเล่นละครและซีรีส์มาบ้างตอนอายุ 15 ก็ไม่ได้ทำงานแสดงมานานมาก เกือบ 10 ปี แล้วเราก็ไปทำงานนางแบบและร้องเพลง เป็นงานที่ท้าทายที่เราต้องเซย์เยสอยู่แล้ว เพราะเราอยากเล่นหนัง บทก็ดี แล้วก็ได้เล่นกับพี่ซันนี่ด้วย พอได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ ทุกโมเมนต์เราเลยเอนจอยมาก สนุก ไปกองถ่ายสนุกมากทุกวัน ไปผจญภัยกันสุดๆ โดยเฉพาะการไปถ่ายทำกันที่จีนนี่ล่ะ ผจญภัยที่สุดแล้ว เราไปอยู่ที่นั่นกันเกือบหนึ่งเดือนเลย 

ซันนี่: ผมขีดกำแพงทุกวันว่าอยู่มากันกี่วันแล้ว ย้ายโลเคชันไปเรื่อยๆด้วย

มัจฉา: เราไปเซี่ยงไฮ้กันก่อน แล้วก็ไปเฟิ่งหวงซึ่งเป็นเมืองที่สวยมาก แต่ชีวิตก็คือการผจญภัยทุกวัน ไม่รู้ว่าเจออะไรบ้าง

ซันนี่: การยกกองถ่ายไปต่างประเทศเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ผมเคยไปถ่ายหนังเรื่องชัมบาลาที่ทิเบต นั่นก็เป็นเส้นทางผ่านไปเมืองจีนเหมือนกันนะ 

มัจฉา: มีความยากหลายอย่างมาก ทั้งเรื่องเวลาที่จำกัด เรื่องย้ายโลเคชัน ย้ายเมือง เราถ่ายกันตั้งแต่เช้าจนดึกทุกวัน

ซันนี่: บางวันก็ต้องมาลุ้นว่าจะถ่ายได้หรือเปล่า เพราะอยู่ๆฝนตก กองนี้มีทีมงานจีนและทีมงานไทย โชคดีที่ทีมงานไทยเราเป็นนักต้มตุ๋นมือหนึ่ง เราไปหลอกเขาอีกที (ชี้ไปที่โปรดิวเซอร์) คนนี้มือต้มตุ๋นอันดับต้นๆของประเทศเลย แต่ก็ทำให้เราทำงานสำเร็จลุล่วงไปได้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคเยอะมาก บางทีโลเคชันที่จะถ่ายก็เกิดถ่ายไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนที่ใหม่เดี๋ยวนั้นเลย แต่คนดูจะได้กำไรนะครับ เพราะว่าเมืองเฟิ่งหวงสวยมาก 

มัจฉา: ถ้าไม่ได้ไปถ่ายหนังเรื่องนี้คงเสียดาย เพราะไม่เคยรู้จักเมืองนี้มาก่อน แต่นักท่องเที่ยวเยอะมากเลยค่ะ 

ซันนี่: (หัวเราะ) เขาชอบสงสัยว่า ทำไมเขาเป็นคนจีนอยู่แล้วต้องมาเที่ยวเมืองจีนอีกล่ะ เหมือนถามว่าทำไมคนไทยต้องไปเที่ยวเชียงใหม่ 

มัจฉา: ไม่มีคนต่างชาติเลยนะคะที่เราไป มีแต่นักท่องเที่ยวจีน ฉาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเมืองนี้เลย ก็เลยคิดว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง เพราะว่าคนเยอะมากๆ แน่นทุกที่เลย 

ซันนี่: คนเยอะมากเหมือนมีงานกาชาดตลอดเวลา แต่คนเยอะกว่านั้นแบบคูณสิบ ซึ่งเขาใช้ชีวิตกันแบบนั้นตลอดเวลา 

LIPS: เราก็เลยทำงานยาก ต้องไปหามุมที่คนน้อยๆ ไม่มีคนมุงเหรอ

ซันนี่: มี้ (เสียงสูง) ผมรักหนัง อยากถ่ายหนังในประเทศที่เราไม่เคยไป ผมชอบท่องเที่ยวด้วย ทำหนังเรื่องนี้เลยเหมือนได้ไปเที่ยว แต่ก็ไม่ได้เที่ยวหรอก ทำงานทุกวัน โชคดีนะที่เราไม่เกลียดกัน (หันไปพูดกับมัจฉา) 

LIPS: ดีเลย โยงเข้าคำถามว่าเพื่อนร่วมทางที่เดินทางด้วยกันต้องมีลักษณะนิสัยอย่างไรที่เราจะร่วมทางกันได้ราบรื่น ไม่อยากหนีกลับก่อน

ซันนี่: ตอนถ่ายหนังเรื่องนี้อยากกลับก็กลับไม่ได้นะครับ ทีมงานไม่ให้กลับ แต่ถ้าการเดินทางในชีวิตจริง นิสัยยังไงก็ได้ ถ้าไม่เกินทนจนเกินไป ผมก็โอเคหมดกับทุกคน หรืออย่างน้อยต่อให้ทำนิสัยแปลกๆยังไง ต้องไม่เกินทน ให้เรากลับมาแล้วล้อเขาได้ มองเป็นเรื่องตลกไป 

มัจฉา: อย่างพี่ซันนี่ก็โอเคนะ ถ้าเขาไม่ขโมยของ (รีบฟ้อง) เขาขโมยเบอร์เกอร์ฉา คือเมืองนั้นหาของกินยาก มีแต่ข้าวและผัก อาหารไม่ถูกปาก มีวันหนึ่งเราได้กินแมคโดนัลด์กัน ฉาเก็บไว้อันหนึ่ง กัดไปคำเดียว กะว่าเดี๋ยวค่อยกลับมากินต่อ พอกลับมาอีกที อ้าว! หายไปไหนแล้ว

ซันนี่: (รีบแก้ตัว) ก็ของกินหายาก แล้วเขากัดคำเดียวทิ้ง เราก็เสียดายไง ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมกินเอง

มัจฉา: ฉาถามทั้งกองเลยว่าใครเห็นเบอร์เกอร์ฉาบ้าง เก็บไว้ตรงนี้ พี่ซันนี่ยกมือบอกพี่กินไปแล้ว…คือเรากัดไปแล้วด้วยนะคะ ไม่คิดว่าจะมีใครมากินของของคนอื่น แต่ในชีวิตจริงฉาชอบเดินทางอยู่แล้ว ชอบไปกับเพื่อนสนิท ทุกคนก็จะแนวเดียวกัน ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก 

LIPS: กินง่าย อยู่ง่าย ไม่ขโมย

ซันนี่: ต้องมีบ้างแหละ กัดคำเดียวแล้วทิ้งไว้ เพื่อนอาจจะคิดว่า ‘เนี่ย มัจฉาทิ้งอีกละ เราเก็บมากินต่อก็ได้’ 

มัจฉา: ผู้ช่วยผู้กำกับต้องเอาเบอร์เกอร์ของตัวเองมาให้ 

ซันนี่: ผู้ช่วยฯ เอาโพสต์อิตมาแปะด้วยนะ ‘ของมัจฉา ใครกิน พ่อตาย’ (มัจฉาหัวเราะจนร้องไห้อีกรอบ) 

LIPS: นี่คือความสนุกของกองถ่ายหนังที่ไปถ่ายนอกสถานที่ ต้องค้างคืน ใช้ชีวิตด้วยกันนาน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน

ซันนี่: เวลาจะขอกลับ ทีมต้มตุ๋นจากไทยจะบอกว่าไม่ได้ พลิกลิ้นไปมา ผมเคยทำงานกับกองนี้มาแล้วจากหนังเรื่องมิสเตอร์เฮิร์ต เมื่อก่อนเขาก็ตุ๋น แต่คราวนี้เขาตุ๋นหนักกว่าเดิม 

LIPS: รู้อยู่แล้ว ทำไมยังไปร่วมงานกับเขาอีกรอบล่ะ

ซันนี่: ลืมไป หนังเรื่องที่แล้วกับเรื่องนี้ห่างกันหลายปีแล้วไง คิดว่าเขาคงนิสียดีขึ้นแล้วแหละ คนไม่ได้เจอกันนาน แต่กลายเป็นว่านิสัยแย่กว่าเดิม 

LIPS: อันนี้ถามจริงจัง ทำไมร่วมงานกับผู้กำกับนิว (อิทธิศักดิ์ เอื้อสุนทรวัฒนา) เป็นเรื่องที่สอง

ซันนี่: แล้วแต่เรื่องครับ เราอ่านบทเรื่องนี้แล้วชอบ เป็นเรื่องราวที่เขาอยากบอกเล่าจริงๆ มันน่าสนใจ ตอนแรกเขามาหลอกลวงว่าเขียนบทนานมาก ไปเขียนบทหนังมาที่เชียงใหม่…น่าจะไปอยู่กับผู้หญิงเฉยๆ อันนี้ไม่รู้นะ (หัวเราะ) 

LIPS: นี่ก็พูดไปเรื่อย มันใส่ร้ายคนอื่นไหมน่ะ

ซันนี่: (หันไปมองมัจฉาที่หัวเราะไม่หยุด) เขาเขียนบทได้สนุกมาก เป็นเรื่องการใช้ชีวิตของคนที่ออกเดินทางไปค้นหาว่าจริงๆแล้วเราอยากทำอะไร เล่าจากมุมมองของตัวละคร การทำงานกับพี่นิวก็ดี นิ่ง ใจเย็น พูดเบา ไม่ได้ยินสักคำ ผมไปนั่งข้างๆเขา ผ่านไป 5 นาที เพิ่งเห็นว่าเขาบรีฟบทเราอยู่ตลอดเวลาเลย (ทำปากพูด แต่กด mute ไม่ได้ยินเสียง) ผมไม่ได้ยินเลย วันหลังสะกิดผมหน่อยว่าพี่พูดอยู่ 

มัจฉา: แต่เขาพูดเบาจริงๆค่ะ (หัวเราะ) เขาไม่ได้หลอกลวงอะไรฉาเลยค่ะ เราเต็มใจมา พี่นิวไนซ์มากตอนเจอเขาครั้งแรก ไม่รู้ว่าเขาจะชอบเราไหม เพราะเขานิ่งมาก แต่เขาก็น่าจะชอบแหละ

ซันนี่: เอ๊า ก็ต้องชอบสิ เขาเลือกเรามาเล่นนะ 

LIPS: ในชีวิตจริงอยากไปผจญภัยที่ไหนบ้าง

ซันนี่: เยอะเลย อเมริกาใต้ อียิปต์ ไปในที่ที่เราไม่ได้ไปง่ายๆ เป็นประเทศไกลไปยาก เราไม่รู้ว่าประเทศเขาเป็นยังไงก็อยากไปเห็น แต่เคยไปบราซิล พาหนัง Long Live Love! ไปโปรโมต 

มัจฉา: ฉาอยากไปอเมริกาใต้ ยังไม่เคยไป อยากไปโมร็อกโก อียิปต์ ส่วนใหญ่ฉาไปยุโรป เพราะบ้านฉาอยู่สวิตเซอร์แลนด์ บ้านฉาเคยอยู่เบิร์น แต่ย้ายไปอยู่ซูก อยู่ใกล้ๆ ซูริก 

LIPS: อากาศดีมากเลยใช่ไหม ช่วงซัมเมอร์ เหมาะแก่การออกไปปิกนิก

ซันนี่: นี่ไม่ไปคุยกันสองคนเลยล่ะ เออออกันอยู่นั่นแหละ 

มัจฉา: (ไม่สนใจ พูดต่อ) เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนจะเป็นแนวชิล ไม่ใช่สายลุย ฉาชอบทะเลมากกว่าภูเขา ไม่ค่อยชอบแมลง ฉาชอบว่ายน้ำด้วย เป็นนักว่ายน้ำตั้งแต่เด็ก

ซันนี่: เฟิ่งหวงก็น่าไปเที่ยวนะ เป็นเมืองที่มีสิ่งก่อสร้างโบราณเต็มไปหมด 

LIPS: อยากกลับไปเที่ยวอีกไหม เมืองเฟิ่งหวง

ซันนี่: ก็ด๊าย (เสียงสูงสุด) แต่ไม่ไปนานเป็นเดือนแล้วนะ ตอนไปกับแก๊งนักต้มตุ๋น (ชี้ไปที่โปรดิวเซอร์อีกครั้ง) บอกว่าเดี๋ยวอีก 2-3 วันได้กลับแล้ว พอถึงวัน เอ้า เลื่อน มัจฉาแค้นมาก เขาขีดผนังทุกวันว่าจะได้กลับบ้านวันไหน แล้วมาบอกเลื่อน เหมือนคนจะได้ออกจากคุกแล้วติดเพิ่ม 

LIPS: การได้ร่วมงานกับพระเอกมากประสบการณ์กว่า 20 ปี ได้เรียนรู้อะไรเขาบ้าง

มัจฉา: เวลาแสดงเขาเป็นธรรมชาติมาก เหมือนไม่ได้จำบทมา แล้วมาจำบทหน้างาน หมายถึงเขาเก่งไงคะ เขาไม่ได้จำเป็นประโยค แค่จำความแล้วแสดงออกมาได้เลย 

LIPS: เขาเป็นนักแสดงในตำนานนะ เอาบททิ้งไว้บ้าน

ซันนี่: กลัวมันเก่า 

มัจฉา: (ทบทวนความจำ) อุ๊ย จริงด้วยค่ะ เขาไม่ได้เอาบทมา แล้วให้คนมาบอกบทให้หน้ากองทุกวันเลย

ซันนี่: ไม่ใช่อย่างนั้น คือเรารู้เรื่องมาอยู่แล้ว แต่ให้คนมาคอนเฟิร์มไงว่าแบบนี้ใช่ไหม เพราะระบบความจำเราไม่มีเวลาแสดง สำหรับผม การคิดมาพูดกับการจำมาพูดน่ะไม่เหมือนกัน เหมือนภาษาจีน ถ้าจำมาพูดก็จะพูดไม่ได้ 

LIPS: ก็เลยเป็นเรื่องที่มัจฉารู้สึกว่า พี่เขาเก่งจังเลยใช่ไหม

ซันนี่: ทำไมน้ำเสียงดูประชดชอบกล

LIPS: แล้วพระเอกมากประสบการณ์ได้เรียนรู้อะไรจากนางเอกมือใหม่บ้าง

ซันนี่: เขาเป็นคนคล่องและมีระเบียบมาก ทำอะไรไม่เคยผิดพลาด ทุกอย่างเลยในการจัดการชีวิตเขาจากที่เราเห็นนะ บางทีคนอื่นลืมบท เขายังจำบทคนอื่นได้ บอกว่าพี่ต้องพูดประโยคนี้ เขาจำเก่งมาก บทเขาเองก็ไม่เคยผิดเลย ยกเว้นสำเนียง พออยู่เมืองจีนนานๆ เขาก็เริ่มพูดจาเหมือนคนจีนมากขึ้นเรื่อยๆ สำเนียงเขาจะออก ‘วันนี้ฉาพ่อมลง’ หมายถึงผอมลง ความเป็นจีนเข้าสิง 

มัจฉา: (หัวเราะจนร้องไห้อีกรอบ) แต่ทุกคนเป็นกันหมดนะคะ เหมือนเราได้ยินแต่ภาษาจีนทุกวัน 

ซันนี่: เวลาเราแสดงกับใครก็จะเป็นการเรียนรู้จากสิ่งที่เขาทำ ก็จะกลายเป็นวิชาของเราไป 

LIPS: เวลาเจอนักแสดงใหม่ๆ ดีไหม เหมือนจะมีความดิบ ที่ไม่ใช่เรื่องของเทคนิคการแสดง 

ซันนี่: นักแสดงใหม่จะยังไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ มันเลยมีความเป็นธรรมชาติ ด้วยความเป็นผมเล่นภาพยนตร์ด้วยมั้ง การแสดงจะเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว อาจเป็นวิธีด้วย บางคนก็เป็นสายประกวด เวลาแสดงเหมือนเขาแสดงให้คนเห็นว่า ‘ดูฉันสิ’ เล่นให้คนเห็นว่าฉันทำอะไรกับแค่เป็นตัวละครเฉยๆ โดยที่เราไม่แคร์ว่าใครมองเรายังไงอยู่ กล้องมีหน้าที่จับภาพไป เหมือนเราใช้ชีวิตปกติ เราไม่ต้องหันไปมองกล้อง ไม่ต้องรู้มุม 

LIPS: แล้วเรื่องเทคนิคต่างๆล่ะ อย่างมีกล้อง มีทีมงาน คนมุง มันกระทบต่อการแสดงบ้างไหม

ซันนี่: มีบ้างเวลาคนมุงเยอะๆ หรือไปอยู่ต่างประเทศ อย่างหนังเรื่องนี้ คนจีนทุกคนเหมือนใส่เสื้อครึ่งตัว (ลุกขึ้นยืน) แต่ละคนยืนเปิดพุง พับเสื้อขึ้น ทุกคนเลยนะ หลังๆมัจฉากลายเป็นคนจีน ใส่เสื้อเอวลอยตลอด 

มัจฉา: sorry ฉาไม่มีพุงค่ะ พี่ซัน คนจีนเขาร้อนไงคะ ก็เลยเปิดพุง บางทีมองหน้าพี่ซันก็ขำแล้ว 

LIPS: ทุกวันนี้ยังเรียนการแสดงอยู่ไหม

ซันนี่: มีบ้างเวลาไปเวิร์กชอป แต่ผมไม่ชอบเรียน ไม่ถนัด ผมจะเขินเวลาต้องแสดงให้ครูสอนการแสดงดู ก็ไปเรียนทฤษฎีแล้วไปเล่นหน้ากองเลยไง ครูก็ไปดูหน้ากองสิ ผมเรียนการแสดงมาตั้งแต่เริ่มทำอาชีพนี้เลย เวลาจะเริ่มหนังใหม่ก็จะไปเรียน บางทีเป็นเรื่องของการปรับกับนักแสดงที่คู่กับเราด้วยให้ไปทิศทางเดียวกัน ผมว่าจำเป็นต้องไปเรียนด้วย เพราะเราทำงานเป็นทีม แต่ถ้าไปเรียนเพื่อตัวเองคนเดียวจะไม่เรียนหรอก ผมเขิน เหมือนต้องไปแสดงต่อหน้าคนทั้งห้อง เดี๋ยวทำไม่ได้ก็ยิ่งอายเขา แต่เวลาออกกองจริง เราไม่อาย เราเป็นตัวละคร The Show Must Goes On 

มัจฉา: ฉาเข้าใจนะ เวลาอยู่ในห้องเวิร์กชอปก็น่าเขินจริงๆที่ต้องแสดงต่อหน้าคนเยอะๆ แต่เวลาอยู่หน้ากองจะเป็นอีกอารมณ์ เหมือนเรามาทำงาน เราต้องทำให้ได้ อย่างแสดงหนังก็เป็นงานอีกแบบที่ต่างจากตอนเป็นนางแบบและนักร้อง ฉาชอบมาก ไม่ต้องแต่งตัวสวย ไม่ต้องทำตัวสวย ในงานที่เราทำต้องมีความเฟียซ ต้องเห็นพุงตลอด แต่ไปถ่ายหนังเรื่องนี้ เราทำตัวตามสบาย ใส่เสื้อผ้าสบายๆ เราเล่นเป็นคนธรรมดา ไม่ต้องมีมาด ฉาจะได้เล่นบทแบบนี้ตลอดเลย เป็นคนซื่อๆ ไร้เดียงสา 

LIPS: จากที่เล่นเอง เห็นการทำงานมาเอง ถ้าคิดในมุมที่ตัวเองเป็นคนดูจะอยากดูหนังเรื่องนี้เพราะอะไร

มัจฉา: ฉาว่าหนังไทยที่เป็นแนวผจญภัยไม่ค่อยมี 

ซันนี่: หนังไทยเคยมีหนังแนวนี้คือโก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ 

มัจฉา: (ทำหน้างงเหมือนได้ยินภาษาต่างดาว) รู้จักแต่สามก๊ก มันเหมือนกันไหม…ฉาชอบดูหนังแนวสนุกผ่อนคลายอยู่แล้ว บางทีเราเครียดก็อยากจะดูหนังที่ทำให้เราเอนจอยไปกับคาแรกเตอร์และเรื่องราวได้ ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นแบบนั้น และจะได้เห็นฉากเมืองจีนที่สวยงาม และตลกมากๆด้วยนักแสดงคนอื่นๆ อย่างพี่เต๋า – สมชาย เข็มกลัด, พี่เผือก – พงศธร จงวิลาส, พี่คงคิด วิเศษศิริ และพี่เอ็ดดี้-ญาณวุฒิ จรรยหาญ (พี่เอ็ด7วิ) ทุกคนตลกตัวท็อปอยู่แล้ว

 ซันนี่: มันเป็นสิ่งที่ตอบคำถามให้ตัวเองได้ว่า จริงๆแล้วชีวิตเราอยากได้อะไร ชอบอะไร เพราะบางทีเราอยู่กับสิ่งนี้อยู่ เราไม่รู้ว่าเราอาจจะชอบอีกสิ่งมากกว่าก็ได้ แต่เราไม่เคยไปเจอสิ่งอื่น และหนังก็เป็นเรื่องราวของความสนุกสนานบวกการผจญภัยด้วย เล่าด้วยความอารมณ์ดี ดูแล้วน่าจะหลุดไปอีกโลกหนึ่งไปกับหนัง เล่าด้วยความอารมณ์ดี เพราะผู้กำกับเราเป็นคนอารมณ์ดี แค่พูดไม่ได้ยินเฉยๆ 

ตัวอย่าง The Adventures (ผจญภัยล่าขุมทรัพย์หมื่นลี้)

28 ธันวาคมนี้ รับชม The Adventures (ผจญภัยล่าขุมทรัพย์หมื่นลี้) ได้ที่ Prime

Words: Suphakdipa Poolsap
Photos: Somkiat Kangsdalwirun

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม