Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

‘เบ้บ – ธนทัต พรรณวิริยะกุล’ หนุ่มช่างฝันที่จริงจังกับฉากแอ็กชั่น ละเมียดกับฉากฟินใน ‘ลางสังหรณ์’

Interview / People

ล้อมเฟรนด์โซนด้วยรั้วลวดหนามเท่โหด แต่ก็เปิดโหมดน่าฟัดน่าเอ็นดูให้ได้ฟิน สำหรับนายเอกใหม่ป้ายแดง เบ้บ – ธนทัต พรรณวิริยะกุล ผู้รับบท ‘ธาร’ หรือ ‘ไอ้หมอนข้าง’ ของนายแมงกะพรุนไฟ (ฉายาของ 2 ตัวละครนำ) จากเรื่อง ลางสังหรณ์ ซีรีส์วายแนวแอ็กชันแฟนตาซีที่ภาพ CG อลังการไม่จกตา ในขณะที่เรื่องราวก็เข้มข้นด้วยคดีปริศนาท้าทายเหล่าผู้กองหนุ่มออร่าแรง แทรกด้วยความเชื่อเกี่ยวกับภพชาติและตำนานพญาครุฑพญานาค จนยอดวิวทะลุล้านทุก EP. พร้อมแจ้งเกิด #BillyBabe คู่จิ้นใหม่ในสไตล์แลกหมัดลุ้นรัก 

LIPS: เส้นทางแรกเริ่มในวงการบันเทิงเกิดขึ้นได้อย่างไร

เบ้บ: เบ้บเรียนจบนิเทศศาสตร์ เอกแมกกาซีนครับ แล้วก็วนเวียนอยู่ในวงการนี่ล่ะ แต่เป็นเบื้องหลัง ด้วยความที่เราเป็นเหมือนเซ็นเตอร์ที่มีเพื่อน มีคนเข้าหาเยอะ และเคยผ่านงานนายแบบโฆษณามาบ้าง พอขึ้นปี 3 – 4 ก็จับกลุ่มกับเพื่อนทำโปรดักชันเลยเริ่มรู้จักกับพี่ๆ ในวงการ ทั้งช่างภาพ ช่างแต่งหน้าทำผม ฯลฯ พอเรียนจบเลยได้ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์หรือสไตล์ไดเร็กเตอร์ของทีมโปรดักชันเป็นส่วนใหญ่

เราไม่มีความคิดที่จะเป็นพนักงานออฟฟิศเลยตั้งแต่เรียนจบ ช่วง 2 ปีแรกที่เป็นฟรีแลนซ์สนุกมาก ได้ทำงานกับคนเก่งๆ แต่พอเข้าปีที่ 3 ทุกอย่างเริ่มวนลูป ด้วยกระบวนการที่ต้องคุยงาน ขายงาน เราเริ่มตัน เริ่มไม่มีแพสชัน เบ้บเลยไปอยู่เชียงใหม่เกือบเดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคมลากยาวจนถึงมกราคมปีที่แล้ว เราอยากชาร์จพลังให้ตัวเอง ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนงาน ตอนนั้นมีโอกาสไปทำบุญไหว้พระในจังหวัด แล้วอยู่ดีๆ Idol Factory (ผู้ผลิตละครลางสังหรณ์) ก็ชวนเราไปแคสต์ เบ้บตกใจมาก เพราะบทที่ได้รับเกี่ยวข้องกับพญาครุฑ – พญานาค เราเพิ่งไปไหว้ท่านที่บันไดพญานาคของวัดพระธาตุดอยคำกับวัดพระธาตุดอยสุเทพมา

LIPS: ปกติชอบ Staycation อยู่แล้ว หรือนี่เป็นการพาตัวเองไปรีเฟรชต่างถิ่นเป็นครั้งแรก

เบ้บ: บ้านเบ้บอยู่รังสิต แต่เราชอบเปลี่ยนที่ทางไปเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าสีสันของการทำงานคือการเดินทาง มันสนุกมากที่ได้ทำงานไปด้วย เปลี่ยนสถานที่นอนไปด้วย ได้ดูวิถีชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคนอื่น เบ้บเป็นคนกินง่ายหลับง่าย เลยไม่มีปัญหาเรื่องการนอนแปลกที่แปลกทาง อาหารท้องถิ่นก็กินได้หมด ยกเว้นเครื่องในสัตว์ (ยิ้มอ่อน)

LIPS: ทำไมเลือกเรียนด้านสื่อนิตยสารหรือวารสารศาสตร์ซึ่งดูสวนทางกับยุคสมัย

เบ้บ: ตอนค้นหาตัวเอง เบ้บรู้แหละว่าเราชอบทำกิจกรรม ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง งานกีฬาสี งานแข่งขันระหว่างโรงเรียน เราชอบมาก เหมือนได้ท้าทายตัวเอง รู้สึกน่าตื่นเต้นกว่าการไปเรียน อย่างวิชาคอมพิวเตอร์ที่อาจารย์ให้ถ่ายหนังสั้น เราก็จริงจังมากเท่าที่มีทรัพยากร เลยคิดไว้แล้วว่าต้องเรียนนิเทศฯ ซึ่งจริงๆ มีหลายสาขาให้เลือก แต่เบ้บสะดุดใจที่เอกวารสารศาสตร์ รู้สึกว่าวัยรุ่นเขาไม่เรียนกัน แต่เบ้บว่ามันเป็นรากฐานที่จะใช้ต่อยอดได้หลายอาชีพ เพราะยังไงการสื่อสารด้วยการอ่าน การเขียน หรือการวิเคราะห์มันสำคัญ แต่ตอนแรกก็มีลังเลว่าจะเรียนศิลปกรรมอยู่เหมือนกัน เพราะเราก็ชอบเสพอาร์ต เสพแฟชั่น

“เบ้บสะดุดใจเอกวารสารศาสตร์ รู้สึกว่าวัยรุ่นเขาไม่เรียนกัน ยังไงการสื่อสารด้วยการอ่าน การเขียน หรือการวิเคราะห์มันสำคัญ”

LIPS: แล้วจู่ๆ ทำไม Idol Factory ถึงเรียกไปแคสต์งานแสดงได้

เบ้บ: ตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนปี 1 เบ้บพยายามแคสต์งานในวงการมาบ้าง แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย เราใช้ชีวิตเต็มที่ สิ่งนี้เลยหายไป บวกกับเรากำลังค้นหาตัวเองว่าจะทำอาชีพอะไรดี มันมีความเครียดก็เลยไม่ได้โฟกัสงานเบื้องหน้าในวงการบันเทิง พอเรียนจบ เราเริ่มทำงานมีรายได้ สามารถเอาเวลาไปทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้ เริ่มกลับมาแคสต์งาน แล้วปีนั้นปีเดียวก็ได้เล่นโฆษณา 2 ตัวแรกในชีวิตเลยครับ เป็นไอศกรีม Wall’s Cornetto ที่ได้ออนแอร์ในหลายประเทศ กับเครื่องดื่ม Redbull Halls XS

การทำงานที่ผ่านมา 3 ปี เราอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคนอื่นมาเยอะ จนเพื่อนๆ ในทีมถามว่า “เมื่อไหร่เบ้บจะแจ้งเกิดให้ตัวเองสักที?” เราเลยเริ่มผลิตคอนเทนต์ลง Instagram พอสนุกก็ลามไปแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Tiktok หรือ YouTube อีกอย่างเบ้บรู้สึกว่าตัวเรามีหลายมิติมากๆ เวลาอยู่คนเดียวหรืออยู่กับคนแต่ละคน นิสัยก็ไม่เหมือนกัน แล้วจริตในการเสพคอนเทนต์ของคนในแพลตฟอร์มก็ไม่เหมือนกัน เบ้บเลยได้โชว์ตัวตนในมิติที่แตกต่างออกไปตามแต่ละแพลตฟอร์ม อย่าง ยูทูบก็ไปทางเซอร์เรียลเลย อินสตาแกรมเน้นรูปสวย มุมเป๊ะ แสงดี ส่วนติ๊กต่อก เราขายไวรัล มีขำขันบ้าง มีเต้นด้วย

ทีนี้อยู่ๆ ก็มีคนส่ง DM มาว่าสนใจมาลองแคสติงมั้ย? เขากำลังจะเปิดกล้องซีรีส์วายเรื่องหนึ่ง เราว่างอยู่เลยลองไปดู เพราะถ้าไม่ได้ก็เสมอตัว เขาไม่บอกชื่อบริษัทด้วยนะ เราต้องเอาโลเคชันไปส่องเองว่าเป็นบริษัทอะไร ไปถึงเจอพี่เซ้นต์ (ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา นักแสดงและซีอีโอบริษัท Idol Factory) อย่างน้อยก็อุ่นใจ เราก็อ๋อ…เขาทำบริษัทของตัวเอง

สรุปวันนั้นไม่ได้ทำอะไรเลยครับ เป็นการพูดคุยเพื่อดูทัศนคติ เล่าประสบการณ์ของเราในวงการบันเทิง ไม่ได้มีการให้แอ็กติงอะไรเลย พี่เชน (คเชนทร์ สดโพธิ์ อีกหนึ่งหัวเรือใหญ่แห่ง Idol Factory) ให้เหตุผลว่าคนเราเรียนรู้เพิ่มเติมได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงหรืออะไรก็ตาม ต่างจากทัศนคติที่ติดตัวมา เขาค่อนข้างซีเรียสกับทัศนคติในการทำงานร่วมกัน และต้องการดูว่าเป้าหมายของเขากับเป้าหมายของเรามีส่วนไหนบ้างที่ไปด้วยกันได้

“เราได้ถ่ายทอดบางแง่มุมของหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่คนทั่วไปอาจไม่รู้ นี่คือสิ่งที่ได้มากกว่าการเรียนรู้ท่าทางการเตะต่อยหรือใช้อาวุธ”

LIPS: แล้วสิ่งไหนคือจุดร่วมระหว่างเราและผู้จัดละคร

เบ้บ: เบ้บว่าเป็นความตั้งใจและความยูนีกของ Idol Factory ที่พยายามผลิตละครและคอนเทนต์ที่ไม่เหมือนท้องตลาด นักแสดงในสังกัดของเขาแต่ละคนก็มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร รวมถึง บิลลี่ (ภัทรชนน อ่อนสอาด พระเอกลางสังหรณ์) ที่มีความยูนีก ความเบ๊อะบ๊ะในแบบของเขา (หัวเราะ) ส่วนตัวเบ้บก็คงมีอะไรบางอย่างไปสะกิดใจพี่เชนและพี่เซ้นต์แหละว่าต้องเป็นคนแบบเราที่เพี้ยนๆ นิดนึง พี่ๆ น้องๆ ในค่ายเจอกันทีแรกเราก็สวัสดีกันปกติ แต่พอผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง เราก็เพี้ยนใส่กัน เล่นตลกด้วยกัน

LIPS: แล้วกลับบ้านไปวันนั้น ได้บทละครติดไม้ติดมือกลับมาไหม เขาบอกเลยหรือเปล่าว่าเลือกเราเป็น ‘ธาร’ นายเอกของซีรีส์

เบ้บ: ไม่ครับบทยังไม่เสร็จ วันนั้นรู้แค่ว่าเป็นนิยาย (ประพันธ์โดย I-Rain-Yia) แต่ก็เหมือนจะบอกกลายๆ ไม่ได้พูดตรงๆ เขาคงยังไม่อยากผูกมัดอะไรใหญ่โตในวันนั้น ซึ่งดีนะครับ มันแฟร์สำหรับสำหรับเรามากๆ ที่เขาไม่พูดโอเวอร์ให้เราวาดฝัน

พอกลับมาบ้านเราก็ปรึกษาคุณแม่กับเพื่อนในวงการ เล่าให้ฟังว่าเขาวางไว้เป็นซีรีส์ฟอร์มยักษ์มากๆ จะมีการใช้ CG เข้ามาเป็นส่วนหลักของเรื่อง แม่เบ้บเป็นแนวรับฟังมากกว่า ตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว เขาให้เราตัดสินใจเอง แต่แม่ก็บอกให้ลองดู เพราะเบ้บก็อายุ 25 แล้ว และด้วยความที่แม่ดูรายการเซอร์ไววัลปั้นศิลปินมาเยอะ แม่เลยบอกว่าเด็กจีนเด็กเกาหลีเขาเริ่มกันตั้งแต่อายุ 14 – 15 แล้วลูก (หัวเราะ)

ส่วนเพื่อนก็บอกว่าถ้าเป็นเรื่องราวที่เล่นกับซีจีก็มีความเสี่ยง 50 – 50 ว่าจะรอดมั้ย แต่สุดท้ายเราก็เชื่อในสัญชาตญาณ ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จัดสรร อีกอย่างเส้นเรื่องเขาน่าสนใจ ยิ่งได้อ่านนิยายก็ยิ่งชอบ รู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างที่ดึงดูด บวกกับความเชื่อต่างๆ ที่เรานับถืออยู่แล้ว

LIPS: ปกติเสพซีรีส์วายอยู่แล้วหรือเปล่า

เบ้บ: เคยดูนานมากแล้วสมัยที่ซีรีส์วายยังไม่ค่อยมี เรื่องแรกที่ได้ดูคือ Lovesick สมัยกัปตัน & ไวท์ (ชลธร คงยิ่งยง และ ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม) นู่นแน่ะ แต่เบ้บชอบดูซีรีส์สืบสวนสอบสวนหรือแนวฆาตกรรมอยู่แล้ว เราชอบดูซีรีส์โหดๆ ดิบๆ มาก ดูขัดกับคาแร็กเตอร์ใช่มั้ย

LIPS: เรื่องไหนครองอันดับหนึ่งในดวงใจ

เบ้บ: เบ้บชอบซีซั่นแรกๆ ของซีรีส์สเปนที่ชื่อ Elite เป็นเรื่องราวของแก๊งมัธยมไฮโซที่คบกัน และมีการตายเกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ ทุกคนช่วยกันอำพรางคดีแต่ก็หักหลังกันไปกันมา อีกเรื่องที่ชอบมากเอาเป็นแนวการ์ตูนแล้วกันครับ เป็นซีรีส์เรื่อง American Horror Story ที่เบ้บเพิ่งมาดูช่วงหลังๆ นี่เอง

“เบ้บรู้สึกว่าข้างในเราเป็นนักสู้อยู่แล้ว ฉะนั้นการถ่ายฉากบู๊ เราเต็มที่อยู่แล้ว บิลลี่ยังถามว่า “ทำไมเบ้บสู้จัง?”

LIPS: จากนั้นมีการแคสติงอีกไหม หรือเข้ากระบวนการพัฒนาตัวละครเลย

เบ้บ: การแคสติงคือการพูดคุยกันวันนั้นเลยครับ หลังจากนั้นก็ได้มาเจอกับเพื่อนๆ ทุกคนที่จะแสดงด้วยกัน ตอนนั้นพี่เขาอธิบายว่ามันมีความ miscast (ความไม่เหมาะสมในการเป็นตัวละคร) อยู่ในคาแรกเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นทั้งภายในหรือภายนอกของพวกเรา แล้วเขาก็บอกเลยว่าแต่ละคนต้องเพิ่มหรือลดอะไรบ้าง แม้แต่ พี่แก๊ป (จักริน ภูริพัฒน์ รับบทใหญ่) ที่หุ่นดีมากๆ อยู่แล้ว แต่ดันเป็นกล้ามเนื้อที่ไม่เหมือนเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษก็ต้องปรับ คือจะเป็นกล้ามเนื้อที่ใหญ่จากการยกเวตไม่ได้

แต่หุ่นเบ้บกับบิลลี่ใกล้เคียงกับภาพที่เขามองไว้ คือลีนๆ ผอมๆ แต่มีกล้ามเนื้อ แต่ก็ต้องเพิ่มน้ำหนักจาก 52 กิโลกรัม เป็น 62 – 63 กิโลกรัม เราต้องกินหลายมื้อต่อวัน เลยเป็นช่วงชีวิต 2 เดือนที่ไม่มีความสุขกับการกิน และต้องจัดสรรเวลาให้ดี เพราะมีเวิร์กชอปที่ต้องเรียนเยอะมาก ทั้งยิงปืน ดำน้ำ การต่อสู้ระยะประชิด การใช้อาวุธสงคราม อาวุธสั้น อาวุธยาว ฯลฯ

LIPS: ส่วนตัวมีเทคนิคอย่างไรในการปั้นหุ่นเพื่อฉากโชว์ซิกแพค

เบ้บ: ด้วยความที่เบ้บตัวเล็ก เลยจะกินเฉพาะแป้งเพื่อให้กล้ามฟู แต่จริงๆ มีหลายทฤษฎีครับ เราต้องเลือกในแบบที่ร่างกายของเราตอบสนองได้ดี อย่างตอนเล่นเวท เบ้บต้องกินโปรตีนให้ถึง และกินคาร์โบไฮเดรตเพื่อช่วยในการดูดซึม

ก่อนถึงวันที่ต้องถ่ายฉากถอดเสื้อ เบ้บจะงดแป้งทั้งวัน แล้วมากินอัดเอาตอนเช้ามืดของวันถ่ายทำ หลักการคล้ายๆ ผิวที่ขาดการมาส์กหน้านานๆ พอเรามาส์กหน้าปุ๊บ ผิวจะดูดความชุ่มชื้นหรืออาหารผิวอย่างรวดเร็ว วิธีนี้ทำให้กล้ามดูฟูขึ้นมาทันตาเลย เบ้บได้เทคนิคนี้มาจากพี่แก๊ป แต่เขาไม่ได้ใช้ เพราะมันจะทำให้เขาดูบวมเกินไป

LIPS: ในส่วนของอินเนอร์บ้าง จุดไหนที่เรา ‘ไม่ใช่’ แต่ต้องทำให้ ‘ใช่’

เบ้บ: หลายจุดเลยครับ ไม่ใช่แค่เบ้บนะ แต่คือเพื่อนๆ ทุกคนเลย ยกตัวอย่างคนทั่วไป เวลาเดินไปไหน เราไม่ต้องกังวลว่าจะเหยียบกับระเบิด แต่การเป็นตัวละคร เราต้องใช้ชีวิตแบบหน่วยสืบสวนพิเศษ ทั้งสายตา ท่าทาง การแสดงออกทุกอย่าง

เราได้เวิร์กชอปกับ ‘ครูรัก’ ครูฝึกที่มาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราทุกคนช่วยกันรุมถาม เพราะมีอยู่หลายคลาสที่ถึงเวลาพักแล้ว แต่เรายังอยากคุยต่อกับครูว่ามีการเตรียมตัวหรือลำดับวิธีคิดอย่างไรในแต่ละเคสที่เจอมา เราได้เห็นทัศนคติในการทำงานของครูผ่านการแชร์ประสบการณ์ต่างๆ เพื่อให้เราได้ถ่ายทอดบางแง่มุมของหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่คนทั่วไปอาจไม่รู้ นี่คือสิ่งที่ได้มากกว่าการเรียนรู้ท่าทางการเตะต่อยหรือใช้อาวุธ

LIPS: เรื่องราวอะไรที่เราได้พูดคุยกับผู้ปฏิบัติงานตัวจริงและยังจดจำได้ดี

เบ้บ: อย่างในละครจะเห็นฉากที่พวกเราผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก แต่มีคนสงสัยว่าทำไมในฉากไล่ล่าไม่เห็นยิงปืนแม่นเลย แบบยิงไม่โดนสักที คือนอกจากเพื่อให้ได้ภาพของฉากแอ็กชันที่สวยงาม ดีเลยที่เบ้บได้อธิบายตรงนี้ว่าในอาชีพตำรวจ การใช้อาวุธแต่ละครั้งมันเสี่ยงต่ออาชีพการงานมากๆ ไม่ใช่ว่าเจอโจรปุ๊บยิงเปรี้ยงได้เลย เราต้องยิงเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น ไม่งั้นอาจกลายเป็นว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ หรือถ้าผู้ร้ายถือมีด แต่เราถือปืน ก็ต้องมีวิจารณญาณในการใช้อาวุธอีก ถ้าเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ไม่ใช่แค่ตัวเจ้าหน้าที่ที่จะโดนเอาผิด แต่อาจจะลามไปถึงผู้บังคับบัญชาหรือหน่วยงานได้

LIPS: เป็นอย่างไรบ้างหลังต้องเข้าฉากบู๊ดุเดือดทั้งเรื่อง แม้กระทั่งฉากที่ควรจะกุ๊กกิ๊กก็ยังต้องแลกหมัดกัน

เบ้บ: ไม่เป็นปัญหาเลยเพราะใจเราสู้ ด้วยประสบการณ์และนิสัยของเราที่แม่ไม่ได้โอ๋มาตั้งแต่เด็ก เบ้บเริ่มทำงานเองตั้งแต่มัธยมปลาย และพอช่วงมหาวิทยาลัยที่ใกล้รับปริญญา เบ้บไม่มีการบอกว่า “คุณแม่ขอตังค์หน่อย” เบ้บรู้สึกว่าข้างในเราเป็นนักสู้อยู่แล้ว ฉะนั้นการถ่ายฉากบู๊ตัดไปได้เลย เราเต็มที่อยู่แล้ว บิลลี่ยังถามว่า “ทำไมเบ้บสู้จัง?”

เราอาจจะใช้เวลาเตรียมตัวมากกว่าเพื่อนๆ เพราะไม่ได้เล่นกีฬาหนักๆ มาก่อน แต่เบ้บไม่เคยบ่น ไม่เคยบอกว่าไม่เอาแล้ว เราสู้ตลอด ดำน้ำคลองก็ลงจริงๆ หรืออย่างยิงปืนก็ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้ทำ แต่พอได้เรียนแล้วเบ้บชอบนะ การยิงปืนของเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยไม่เหมือนกัน บริษัทก็ส่งไปเรียนทุกแบบเพื่อให้รู้ว่าแต่ละที่เขามีวิธีการใช้ปืนยังไง ตอนถ่ายละครพวกเราก็เลือกมาใช้ได้หมด ยกเว้นการจับปืนที่ต้องใช้ท่าของหน่วยปฏิบัติการพิเศษจริงๆ แต่ดีเทล เช่น การพักปืน หลบทางปืน อันนี้แล้วแต่เราดีไซน์ แต่ตลกมากที่เบ้บเป็นคนขี้ตกใจ จังหวะไหนเผลอจะสะดุ้งเสียงปืนเป็นระยะๆ

LIPS: ประทับใจฉากไหนที่สุดสำหรับหมวดฟินจิกหมอน

เบ้บ: เบ้บรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเบ้บกับบิลลี่ค่อยๆ โตไปพร้อมๆ กับตัวละคร เราทั้งสองคนมาเจอกัน ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และทำความรู้จักกันในชีวิตการทำงาน ชีวิตส่วนตัว ฯลฯ เหมือนพอเราได้ยึดแก่นของตัวละครเพื่อที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ของเรา เบ้บก็รู้สึกว่ามันสนุกดี

ฉากหนึ่งที่เบ้บชอบมาก คือ ‘ธาร’ ลังเลว่าจะไปต่อกับ ‘พญา’ ดีมั้ย ด้วยเงื่อนไขจากอดีตชาติที่ว่าใครที่เป็นคนรักของธารจะต้องมีอันเป็นไป ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ แต่ด้วยนิสัยของพญา เขาพยายามตื๊อเราว่าจะกลัวทำไม ในขณะที่ธารรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าขยับความสัมพันธ์กับพญา เขาต้องตายแน่ๆ แต่สุดท้ายเราก็ใจอ่อน

ฉากนี้เป็นฉากที่ ‘ธาร’ คุยกับ ‘พญา’ ริมสระว่ายน้ำในบ้าน ความยากคือข้างในเรารักและเป็นห่วงเขา แต่เราก็ต้องปฏิเสธเขาในเวลาเดียวกัน ตัวละครของธาร พญา และอีกหลายคนมีความซับซ้อนมาก ครูเอ (นัฐพงศ์ วงษ์กวีไพโรจน์ ผู้กำกับ) บอกว่าทุกตัวละครในนิยายเรื่องนี้ไม่มีใครเป็นสีขาวหรือสีดำล้วน ทุกคนมีจุดประสงค์ มีความต้องการ มีสิ่งที่ตัวเองทำไม่ดี มีสิ่งที่ตัวเองทำดี

“‘ลางสังหรณ์’ เป็นความแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น เลยเป็นที่พูดถึง และเป็นที่คาดหวังของทั้งแฟนคลับ คนดูซีรีส์วาย คนที่ไม่ได้เป็นสายซีรีย์วาย”

LIPS: รู้สึกอย่างไรเมื่อผลงานการแสดงเรื่องแรกได้คำชมว่ายกระดับซีรีส์วายไทย

เบ้บ: หูย…เราก็ไม่กล้าพูดเองเนอะ อย่างหนึ่งคือเราเห็นด้วยกับพี่เซ้นต์ครับว่าเราไม่อยากจำกัดความด้วยคำว่า ‘ซีรีส์วาย’ เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนดูเพลิดเพลินไม่ต่างจากภาพยนตร์หรือละครทีวี ถ้าจะพูดถึงการยกระดับ เบ้บก็รู้สึกว่า ‘ลางสังหรณ์’ เป็นความแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นดีกว่า เลยเป็นที่พูดถึง และเป็นที่คาดหวังของทั้งแฟนคลับ คนดูซีรีส์วาย คนที่ไม่ได้เป็นสายซีรีย์วาย หรือแม้กระทั่งคนที่ชอบดูหนังละครทั่วไป คนที่ไม่ได้เป็นสายจิ้นยังติดตาม เราก็ดีใจ ดีใจที่เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้ผลงานนี้เกิดขึ้น เกิดการรับรู้และมีแรงกระเพื่อม

LIPS: ปกติเบ้บเข้าไปดูกระแสหวีดในโลกโซเชียลด้วยตัวเองไหม

เบ้บ: ชอบเข้าไปดูครับ เบ้บไถฟีดตลอด ตอนแรกเราปล่อยทีเซอร์ออกมา 3 ตัว แต่ตัวที่ทำให้เป็นที่พูดถึงจริงๆ ก็คือ official trailer พอคนได้เห็นตัวอย่างของภาพ CG วันนั้น โอ้โห X แตก! เพราะไม่ใช่แค่สายแฟนคลับเท่านั้นที่พูดถึง

ปกติเบ้บไม่เล่น X พอได้มาเล่นก็เห็นว่าชาว X เขาจะมีการติดแฮชแท็ก มีการตั้งคีย์เวิร์ด แต่วันนั้นเหมือนเขาคงอยากพูดถึงเพราะเห็นซีรีส์เราน่าสนใจ พี่ๆ หลายกลุ่มลองเสิร์ชคำว่า CG ที่ไม่ได้เป็นแฮชแท็ก แต่ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาเป็นการพูดถึงซีรีส์เราทั้งนั้นเลย เบ้บลุ้นมาก ตื่นเต้นมาก เพราะเราเองก็ยังไม่เคยได้ดู EP. เต็มที่ตัดต่อเสร็จแล้วเหมือนกัน

“เบ้บรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเบ้บกับบิลลี่ค่อยๆ โตไปพร้อมๆ กับตัวละคร เราต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และทำความรู้จักกันในชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว”

LIPS: ฉากเลิฟซีนเอยใด ใครเขินกว่ากันระหว่าง ‘เบ้บ’ กับ ‘บิลลี่’

เบ้บ: ต่างคนต่างเขินแหละ แต่โชคดีที่เรามีวิธีการในการช่วยกันเป็นอย่างดีในส่วนของเบื้องหลังระหว่างบิลลี่กับเบ้บ เรามีการคุยกันอย่างเปิดใจ มันเลยไม่เป็นปัญหา เวลาเราอยู่กันเองสองคน เราเล่นกันเอง มันค่อนข้างผ่อนคลายแล้วก็สบายใจ

ที่เราเขินนะ…เขินกล้อง เขินทีมงานมากกว่า ซึ่งครูออมกับครูเฟื้องจาก THEATRUM ที่สอนการแสดงให้พวกเราเคยบอกว่าการแอ็กติงเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่คุ้นชิน เพราะมันไม่ใช่ความจริงที่เกิดขึ้น แต่ถ้ามันจำเป็นต้องเกิดขึ้น จะมีสมองหนึ่งส่วนที่ทำให้เรารู้สึกไม่สะดวกใจกับสถานการณ์นั้นๆ แล้วมันจะแสดงออกผ่านสีหน้า แววตา และท่าทาง จนรบกวนการแสดง

ทีนี้สิ่งที่ช่วยได้ก็คือการตัดบรรยากาศรอบตัวออกไป ให้เหมือนว่าทั้งโลกมีแค่เรา 2 คนตรงนั้น ใครสั่งอะไรมาตอนแสดงไม่ได้แล้วนะ เพราะภาพมันเบลอไปเลย ถ้าจะบรีฟอะไร บรีฟมาก่อนสั่งแอ็กชัน

LIPS: สรุปเทคเดียวผ่านไหม

เบ้บ: ยากครับที่จะเทคเดียวผ่าน เพราะแต่ละคัตของการถ่าย ‘ลางสังหรณ์’ มีรายละเอียดเยอะมาก เพื่อให้เป็นไปตามภาพในหัวของครูเอ เบ้บว่า 3 คัตก็เยอะแล้ว บางทีมีถึง 10 คัตไม่เกินจริง ไหนจะถ่ายเจาะมุมนั้น ถ่ายท็อปมุมนี้ มุมที่ใช้เลนส์อีกตัว ฯลฯ ความยากคือนักแสดงจะต้องคงอารมณ์เหมือนเดิมให้ได้ทุกคัต เป็นอะไรที่โหดมากสำหรับเบ้บ ทั้งที่เราเป็นคนสู้อยู่แล้ว เลยคิดว่าถ้าเรื่องแรกจะโหดขนาดนี้ เรื่องต่อไปเราน่าจะสบายแล้ว

“บิลลี่เป็นสายตรรกะ แล้วต้องมาเจอกับคนช่างฝันอย่างเรา ในช่วงแรกบอกเลยว่าต่างคนต่าง culture shock กันทั้งคู่”

LIPS: การร่วมงานพระเอกคนแรกในชีวิตอย่าง ‘บิลลี่’ เป็นอย่างไรบ้าง

เบ้บ: เหมือนอยู่คนละขั้ว เขาเป็นสายตรรกะ สายทฤษฎี แล้วต้องมาเจอกับคนช่างฝันอย่างเราที่เห็นอะไรก็เป็นเรื่องราว ไลฟ์สไตล์เราต่างกันมากครับในช่วงแรก บอกเลยว่าต่างคนต่าง culture shock กันทั้งคู่

เบ้บเคยเข้าหาบิลลี่เหมือนเวลาเราอยู่กับเพื่อน แต่เขาตกใจเสียงของเราที่ดังเหมือนโหวกเหวกโวยวาย หรือบางทีเราแกล้งเหวี่ยงขำๆ หรือใช้คำพูดที่ติดปากเฉยๆ เช่น นอยด์อ่า เขาก็ถามว่าเป็นอะไรหรอเบ้บ? แต่เดี๋ยวนี้บิลลี่ผ่อนขึ้นแล้ว เริ่มมีความ ‘ไปเรื่อย’ ได้มากขึ้น ส่วนเบ้บเองก็เข้าใจเขามากขึ้นเหมือนกัน มันเป็นการปรับเข้าหากัน

แม้แต่เพลงก็ฟังกันคนละแนว อย่างเบ้บจะชอบทางฝั่งตะวันตก ฮิปฮอป อาร์แอนด์บี แล้วก็เพลงป๊อปที่แมสในติ๊กต่อก ถ้าเป็นศิลปินเกาหลีก็จะมีกลิ่นของบีตอินเตอร์ ถามว่าฟังเคป๊อปได้มั้ย เบ้บฟังเพลงได้ทุกแนว แต่ถ้าถามว่าแว้บแรกอยากฟังเพลงอะไร เคป๊อปอาจจะไม่ได้อยู่ในลิสต์ ในขณะที่บิลลี่ชอบเพลงเคป๊อปเยอะมาก

LIPS: ก่อนหน้านี้ เบ้บมีความเชื่อเรื่องพญาครุฑ – พญานาคขนาดไหน

เบ้บ: เราเป็นสายมูหนักอยู่ อะไรที่ว่าดี เบ้บไปหมด ที่บ้านชอบทำบุญด้วยครับ คุณพ่อชอบดูพระเครื่อง เบ้บศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว เราก็ซึมซับมา แล้วภูมิลำเนาฝั่งแม่เป็นคนอุดรฯ เราเลยใกล้ชิดกับลุ่มแม่น้ำโขงตั้งแต่เด็ก มีความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค ที่บ้านเบ้บทำธุรกิจก็มีการขอพรพญานาค เหมือนว่าบารมีของพญานาคจะให้โชคให้ลาภ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ละท่านบำเพ็ญบารมีมาแตกต่างกัน สมมุติว่าถ้าจะขจัดปัดเป่าศัตรูก็ต้องเป็นพญาครุฑ เพราะบารมีของท่านคือความน่าเกรงขาม หรือถ้าความรักก็ต้องพระแม่ลักษมี

LIPS: แล้วเบ้บเป็นสายไหน พญานาค พญาครุฑ พระเกจิ เทพฮินดู ฯลฯ สายไหนที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจนัมเบอร์วัน

เบ้บ: สายเทพ แต่เบ้บก็ทำบุญตลอดนะ เราเป็นชาวพุทธ ครอบครัวพาเข้าวัดตั้งแต่เด็ก แต่ถ้าเบ้บจะมูแบบได้เรื่องได้ราวต้องเป็นพระพิฆเนศครับ หรือถ้าเป็นเทพฝั่งไทยก็ต้องท้าวเวสสุวรรณ ด้วยความที่ก่อนหน้านี้เราเป็นฟรีแลนซ์ เราเลยไหว้หมด เพราะบารมีแต่ละองค์ที่เรามีไว้ยึดเหนี่ยวไม่เหมือนกัน และเราเองก็ไม่ได้มุ่งหวังแค่ด้านเดียว (หัวเราะ)

LIPS: แล้วความเชื่อหรือความรู้สึกที่มีต่อคำว่า ‘อดีตชาติ’ ล่ะ

เบ้บ: อ่า…ไม่ต้องไปไกลถึงอดีตชาติ แค่การที่เบ้บได้มาเจอกับบิลลี่ ได้มารับบทเป็น ‘ธาร’ ได้มาเล่นซีรีส์เรื่องลางสังหรณ์ เบ้บว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เหมือนหลายๆ อย่างถูกจัดสรรให้ลงตัว ถึงแม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้างในบางครั้ง แต่เบ้บก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างมาช่วยให้ผ่านพ้นไปได้

เรื่องความรักหรือ? (นิ่งคิด) เบ้บว่า…ก็เป็นไปได้ เพราะทุกวันนี้ก็ยังตั้งคำถามอยู่ว่าการที่ ‘พญา’ กับ ‘ธาร’ ถูกเหวี่ยงให้มาเจอกัน ทั้งที่เป็นคู่บุญกัน แต่ก็มีแต่ปัญหานะ เบ้บรู้สึกว่าการที่เรามาเจอบิลลี่แล้วตีกันในเรื่องเล็กบ้างใหญ่บ้าง หยุมหัวกัน มันจะเป็นอะไรแบบนี้มั้ย เราก็เลยว่า เออ…อาจจะเป็นไปได้

LIPS: ปกติแพ้ทางคนแบบไหน

เบ้บ: คนน่ารักเอาใจใส่ ยิ้มแล้วตาเป็นสระอิ รูปร่างโปร่ง เบ้บแพ้คนตัวสูง

LIPS: ถ้าเราชอบใคร เราเข้าหาก่อนหรือรอให้เขาเข้าหา

เบ้บ: เราเข้าหาก่อน ไม่ติดเลย (เข้าหาแบบตลกหรือสอดแทรกสาระ?) ไม่สาระอยู่แล้ว อย่างตอนเจอบิลลี่ครั้งแรก เราต้องเปิดแบบให้เขาจำเราได้นิดนึง คนทั่วไปอาจจะแนะนำตัวว่า “สวัสดีครับ…อายุเท่าไหร่…เรียกพี่เรียกน้องได้นะ” ทำนองนี้ เบ้บรู้แล้วแหละว่าบิลลี่เป็นพี่ แต่ก็ทักเขาไปว่า “บิลลี่ใช่มั้ยครับ เมื่อวานถูกหวยหรือเปล่า?” คือเราเจอกันวันที่ 17 หลังหวยออกหนึ่งวัน เขาก็คงงงไปเลยว่าคนนี้แปลกดี (หัวเราะ)

LIPS: ทุกวันนี้ไปแฮงเอาต์ด้วยกันกับบิลลี่ไหม กิจกรรมอะไรที่ชอบทำด้วยกัน

เบ้บ: บิลลี่ชอบตีกอล์ฟมาก แต่เบ้บเลยจุดนั้นมาแล้ว เพราะเราเคยตีกอล์ฟมาตั้งแต่เด็ก นี่ไม่ได้ขิงนะ เบ้บเข้าใจเลยว่าการตีกอล์ฟมีมนต์เสน่ห์และให้อะไรหลายๆ อย่าง ตอนนั้นเบ้บเป็นเด็กประถมที่ขอตังค์แม่วันละ 500 บาทไปตีกอล์ฟ เราตีทั้งวัน เรียนแบบเป็นนักกีฬาเยาวชนของกองทัพอากาศเลย แต่ตอนนี้บิลลี่กำลังอินมาก เราก็เลยไปกับเขา แล้วก็เป็นกิจกรรมที่เราไม่ได้ทำมานานแล้ว

มีอีกหลายอย่างที่เราพากันไปทำ อย่างพักนี้ชอบพาบิลลี่ไปหาอะไรกิน ไปคาเฟ่ ล่าสุดก็เพิ่งพาเขาไปร้านที่เราชอบ เบ้บรู้สึกว่าการกินเป็นอะไรที่เชื่อมความสัมพันธ์ได้ง่ายที่สุด เพราะถ้าจะให้ไปดูคอนเสิร์ตของศิลปินที่เราชอบ บางทีก็สงสารเขานะ

“การที่เบ้บได้มาเจอกับบิลลี่ ได้มารับบทเป็น ‘ธาร’ ได้มาเล่นซีรีส์เรื่องลางสังหรณ์ เบ้บว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เหมือนหลายๆ อย่างถูกจัดสรรให้ลงตัว”

LIPS: สไตล์ร้านที่เบ้บเลือกมักจะเป็นอย่างไร เอาอาหารหรือบรรยากาศเป็นหลัก

เบ้บ: บรรยากาศเลยครับ ขอแค่ได้รูปคือโอเค แต่บิลลี่เขินมาก (หัวเราะ) เขาบอกว่าทำงานในวงการมาก็หลายปี ขึ้นเวทีเจอคนเยอะกว่านี้ ยังไม่เขินเท่าเวลาไปถ่ายรูปที่คาเฟ่แล้วคนยืนจ้อง เขาไม่ไหวจริงๆ

คือมันเป็นร้านที่แมสมาก มุมถ่ายรูปมีอยู่ไม่กี่มุม คนก็ต่อคิวกัน 20 – 30 คน เราเลยบอกบิลลี่ว่าถ้าคนนี้ออก พวกเราเข้าเลยนะ ปรากฏว่าบิลลี่ก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น 

เบ้บก็ว่า เอ๊ะ! ทำไมพูดแล้วไม่เข้าใจ เขามากระซิบข้างหลังว่า “เขินมากเลย” เบ้บเลยบอกว่า “โอ๊ยไม่มีใครเขามาดูเราหรอก เขามาถ่ายรูปกันทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องเขิน!”

LIPS: เราคือผู้เปิดประสบการณ์แมสๆ ให้บิลลี่

เบ้บ: ใช่ ทั้งเบ้บ ทั้งบิลลี่เอง เวลาไปไหนหรือทำอะไรเหมือนเป็นการเรียนรู้กันและกันตลอดเวลา

LIPS: มีแผนถัดไปไหมว่าอยากทำกิจกรรมอะไรด้วยกันอีก

เบ้บ: อยากไปเที่ยวต่างจังหวัดกับบิลลี่อยู่เหมือนกันครับ เราเคยไปต่างจังหวัดด้วยกันก็จริงแต่มันเป็นการทำงาน เบ้บรู้สึกว่าการไปต่างจังหวัดหรือไปออกทริปต่างประเทศด้วยกันมันเป็นอะไรที่จะทำให้เราได้เห็นกันในหลายๆ มุม

ถ้าเป็นธรรมชาติเบ้บชอบหมด ทะเล ภูเขา น้ำตก เลือกไม่ได้เลย แต่บิลลี่ชอบภูเขา เบ้บรู้สึกว่าเราต้องหาบาลานซ์ให้ตัวเอง เราเป็นคนที่เวลาทำงานจะตรงเวลา มีระเบียบ ฯลฯ แต่ถ้าเป็นจังหวะพักผ่อนอยู่บ้าน เราสามารถนอนขี้เกียจได้ 2 วันเลย แถมกินข้าวไม่เป็นเวลา คือมันต้องมีบ้าง เพื่อให้ข้างในของเราได้ผ่อนคลาย ไม่อย่างงั้นมันตึงเครียดเกินไป

LIPS: ‘ธาร’ กับ ‘พญา’ เจอกันครั้งแรกในงานบุญบั้งไฟ ในชีวิตจริงเคยไปไหม

เบ้บ: ไม่เคยเลยครับ ตอนถ่ายซีรีส์คือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเหมือนกัน พอเห็นบรรยากาศจริงก็ขนลุกเหมือนกัน ไม่ได้ขนลุกในเชิงอภินิหารนะ แต่ขนลุกในเอเนอร์จีของคนที่เขามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน พอลูกไฟผุดขึ้น คนก็ส่งเสียง “เฮ!” มันเป็นฟีลเหมือนหัวใจข้างในเราก็ชุ่มชื่นไปด้วย อันนี้ไม่เกี่ยวกับความเชื่อนะ เป็นความรู้สึกส่วนตัวของเบ้บล้วนๆ

Words: Sasi Akkomee
Photos: Somkiat Kangsdalwirun

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม