Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

มายด์ 4EVE บาลานซ์ชีวิตกับการเป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง และเกิร์ลกรุ๊ป T-Pop เบอร์หนึ่ง

Interview / People

ครบเครื่องในการเป็นศิลปินคุณภาพที่มีดีทั้งการร้องและการเต้น มายด์ – อาทิตยา ตรีบุดารักษ์ 1 ใน 7 สมาชิกวง 4EVE เกิร์ลกรุ๊ปมาแรงแห่งยุค มายด์คือนักสู้ที่รู้เป้าหมายของตนเองอย่างแน่ชัด เธอผ่านการเป็นนักแสดงประกอบของละครเวทีไทยยอดนิยมอย่าง ‘สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล’ และ ‘บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล’ ก่อนตบเท้าเข้าร่วมรายการ 4EVE GIRL GROUP STAR ที่มีผู้สมัครกว่า 1,000 คน จนได้ผลโหวตเป็นลำดับที่ 1 ในการแข่งขันรอบสุดท้าย

ปีนี้มายด์และชาวคณะ 4EVE จัดเพลงใหม่มาแบบแน่นๆ นอกจาก I LIKE BOYS ก็ปิดท้ายปี 2023 แบบแฟนเพลงว้าวด้วย Vroom Vroom ที่ยกระดับ T-Pop ทั้งภาคดนตรีและวิชวลเอฟเฟ็กต์ในเอ็มวี สมกับที่มายด์บอกว่า “พวกเราได้โชว์ความเป็น 4EVE ในแง่ของการเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งและสามารถส่งต่อพลังให้กับผู้คน” 

“4EVE ไม่มีเพดาน มีอะไรให้พวกเราทำก็จะทำ มีที่ไหนให้ไปก็จะไป เราทำงานกันทุกวันแบบนี้”

LIPS: ภาพความทรงจำวัยเด็กที่ชลบุรีและจุดเริ่มต้นของการเป็นคนที่สู้เวทีของมายด์มีที่มาที่ไปจากอะไร

มายด์: มายด์คลุกคลีกับการเรียนเต้นมาตั้งแต่ ม.ต้น ค่ะ เพราะเพื่อนชวนไปลองเรียนสนุกๆ แต่กลายเป็นว่าเราจริงจังกว่าเพื่อนเฉยเลย (หัวเราะ) ทำให้ผูกพันกับสตูดิโอสอนเต้นแล้วก็ลากยาวมาจนถึง ม. 6 การเต้นเลยเป็นทักษะเดียวที่เรามีพื้นฐานอย่างจริงจัง

ส่วนทักษะอื่นๆ น่าจะมาจากการที่มายด์เป็นเด็กกิจกรรมค่ะ เวลาครูหานักเรียนที่จะทำกิจกรรม หนูจะเป็นเด็กที่ยกมือว่า ‘ทำค่ะ’ (ทำเสียงหนูน้อยประกอบการเล่า) เหมือนเราชอบแสดงออก ชอบความรู้สึกที่ได้โชว์มั้งคะ ก็เลยไม่กลัวเวที ไม่กลัวกล้อง ถามว่าที่บ้านบิลด์ให้มาทางนี้มั้ย? ไม่ค่ะ ตรงกันข้ามเลยค่ะ คือไม่ซัพพอร์ต แต่ก็ไม่ได้ห้ามนะคะ แค่เห็นว่าลูกชอบก็ปล่อยให้ทำสนุกๆ ไป ทำนองนั้นมากกว่า

ชีวิตมายด์ค่อนข้างจะเติบโตมาในเส้นทางของการที่ต้องพิสูจน์ตัวเองค่ะ (เสียงอ่อย) อาจจะด้วยความที่เราเป็นลูกคนโต และสังคมรอบตัวเราในตอนนั้นไม่ได้มองว่าการทำอาชีพศิลปิน การเต้น การร้องเพลงจะทำให้เราเลี้ยงดูตัวเองได้ มายด์เข้าใจมุมนั้นนะคะ มันก็จริง มันเข้าใจได้ที่เขาคิดแบบนั้น ก็เลยตัดสินใจว่าวิธีเดียวที่จะทำให้เส้นทางนี้เวิร์กได้ก็คือเราต้องมีชื่อเสียงมากๆ เราต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น ทำยังไงก็ได้ให้ทางบ้านไม่ห่วง เราต้องซัพพอร์ตตัวเอง และดูแลทางบ้านได้ด้วย

LIPS: ช่วงไหนที่เห็นได้ชัดว่าพ่อแม่มีสีหน้าวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเราที่สุด

มายด์: ตอนม.6 ค่ะ ตอนนั้นมายด์มีความใฝ่ฝันที่จะไปแข่งเต้นฮิปฮอปที่อเมริกา เลยจริงจังกับการเต้นมากๆ ให้เวลากับการซ้อมที่สตูดิโอเยอะจนกลับบ้านดึก แล้วมันดันคาบเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย

ถามว่าทำไมไม่เลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งไปเลย คำตอบคือมายด์เป็นเด็กดื้อมากค่ะ ช่วงที่ทางบ้านเริ่มใช้ไม้แข็งว่าต้องโฟกัสกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว เขาก็เอาเรื่องเรียนมาเป็นเงื่อนไข เพราะรู้ว่ามายด์เป็นคนยังไง พ่อแม่บอกว่าถ้าจะเต้นด้วยก็ต้องเรียนให้ดี ปีนั้นมายด์เลยได้เกรดเฉลี่ยสูงที่สุดในชีวิต คือประมาณ 3.9 จากที่ได้ 3.5 – 3.6 มาตลอด เรารู้สึกว่าเราทำให้ได้ ถ้ามีกติกาเงื่อนไข

LIPS: บทสรุปของเส้นทางความฝันที่มีปลายทางเป็นสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างไร

มายด์: อันดับที่ 1 – 3 ของประเทศได้เดินทางไปแข่งต่อค่ะ ทีมหนูได้ที่ 4 แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดมากกับความผิดหวังเลย อาจจะด้วยความเป็นเด็กที่รู้สึกว่าเรายังพร้อมลุย พร้อมตั้งหลักใหม่ เลยค่อนข้างโอเคว่างั้นเราไปเป็นเด็กมหาวิทยาลัยกันเถอะ

จริงๆ ตอนนั้นมีทางแยกที่สำคัญสำหรับมายด์อีกครั้ง เพราะที่บ้านทำธุรกิจอุปกรณ์ก่อสร้าง มายด์คิดว่าจะซัพพอร์ตเขาด้วยการเรียนสถาปัตย์ อีกอย่างคือเราชอบศิลปะอยู่แล้ว เลยจริงจังและตั้งใจมากกับการสอบเก็บคะแนนเพื่อเข้าคณะสถาปัตย์ แต่พอดีลองยื่นคะแนนสอบเข้าเอกการแสดงและกำกับการแสดงภาพยนตร์ วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มศว. แล้วสอบติด เลยเบนเข็มมาสายนิเทศฯ ซึ่งมายด์ก็ชอบเหมือนกัน

“สังคมรอบตัวเราในตอนนั้นไม่ได้มองว่าการทำอาชีพศิลปินจะเลี้ยงดูตัวเองได้…วิธีเดียวที่จะทำให้เส้นทางนี้เวิร์กได้ก็คือเราต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น”

LIPS: ที่มาของกาารชิมลางในวงการบันเทิงกับบทบาทนักแสดงสมทบในละครเวที สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล, บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล, ละครทีวี เกมรักเอาคืนล่ะ

มายด์: เหมือนจะเป็นช่วงใกล้ๆ กันที่ได้แสดงละครเวทีกับเล่นละคร ตอนนั้นเพื่อนมายด์อยากไปถ่ายรูปเก็บโปรไฟล์ไว้ที่โรงเรียนสอนการแสดงของอาจารย์พิเศษ มายด์ก็เลยไปเป็นเพื่อนแบบไม่ได้คิดอะไร พอดีพี่ๆ ที่ถ่ายรูปทักว่ามายด์ขึ้นกล้อง แล้วก็ให้แสดงความสามารถพิเศษด้วย พอเห็นว่ามายด์ร้องเพลงได้ก็เลยแนะนำว่ารัชดาลัยเธียเตอร์กำลังจะเปิดแคสต์นักแสดงละครเวที มายด์เลยไปลองแคสต์ดูจนได้เล่นบท ensemble (นักแสดงสมทบในฉากหมู่มวล) ทั้งที่ไม่เคยดูละครเวทีมาก่อน การเป็นอองซอมทำให้เราได้วิ่งงานเยอะดี คือวิ่งจากบทหนึ่งไปอีกบทหนึ่ง สนุกนะคะที่ได้เล่นหลากหลายบทบาทในเรื่องเดียว

การเล่นละครเวทีเป็นประสบการณ์ที่ดีจริงๆ ค่ะ นอกจากเนื้อหาจะเข้มข้นแล้ว มายด์ยังได้เรียนรู้ศาสตร์ของการแสดงสด และสิ่งที่มายด์ได้มากๆ เลยคือสมาธิ เราได้เรียนรู้วิธีเปิด-ปิดสวิตช์การแสดงของตัวเองด้วย เช่น ซีนนี้เราต้องเข้าแล้ว ต้องทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ต้องรู้สึกให้ถึง ต้องเปิดต่อมรับความรู้สึกให้ไว อีกอย่างคือช่วยฝึกทักษะการมีสติ และการเจอคนเยอะๆ ด้วยค่ะ ให้คิดย้อนกลับไปกี่ที มายด์ก็ยังอยากแสดงละครเวทีค่ะ

“ถ้าเลือกไปเกาหลี เราต้องเริ่มใหม่…แต่ลึกๆ ในใจเราก็แอบมีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้วว่าจะเลือก 4EVE”

LIPS: แล้วได้ทักษะการร้องเพลงมาจากไหน

มายด์: เป็นทักษะตามธรรมชาติเลยค่ะ มายด์ไม่เคยเรียนร้องเพลงมาก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยเรียนค่ะ มายด์เชื่อมั่นว่าการร้องเพลงเป็นเรื่องของอินเนอร์ อีกอย่างคืออาจจะเกิดจากการชอบฟังเพลงด้วยค่ะ มายด์ว่าพอเราชอบอะไร เราจะทำมันออกมาได้ดี

LIPS: เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเข้าร่วมรายการ 4EVE GIRL GROUP STAR สักนิด 

มายด์: อันนี้ต้องให้เครดิตทีมงานเวิร์คพอยท์ค่ะ อยู่ๆ เขาก็ทักมาทางไอจีว่าเวิร์คพอยท์กำลังจะมีรายการแข่งขันเกิร์ลกรุ๊ปนะ สนใจมาออดิชั่นมั้ย ตอนนั้นหนูไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเขาเห็นอะไรในตัวเรา เพราะยอดฟอลก็ไม่ถึงหมื่น จนวันนี้มายด์ก็ยังไม่รู้ค่ะว่าพี่เขาเป็นใคร ช่วงนั้นมายด์เรียนอยู่ประมาณปี 3 – 4 ใกล้จบแล้ว แต่พ่อแม่ไม่ห่วงเหมือนตอน ม.ปลาย เพราะเขาไว้วางใจและภูมิใจตั้งแต่มายด์ได้เล่นละครเวทีแล้วค่ะ

LIPS: โชว์ไหนในรายการ 4EVE GIRL GROUP STAR ที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นที่สุด มีคำพูดที่ใช้คุยกับตัวเองเวลาตื่นเต้นไหม

มายด์: เทปแรกตื่นเต้นที่สุดค่ะ เพราะไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง เทปนั้นมีทั้งเพลงรวมและเพลงยูนิต แต่ถ้าเครียดที่สุดจะเป็นช่วงหลังๆ ตั้งแต่เซมิไฟนอลเป็นต้นไปค่ะ เราซ้อมกันหนักมากกับเวลาที่น้อยมากๆ สำหรับการแสดง 3 – 4 โชว์เลย เวลาตื่นเต้น มายด์ชอบบอกตัวเองว่า ‘ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ นะ’ ตบๆ ตัว รีเซ็ตตัวเองก่อน เพราะถ้าคิดอะไรตอนไม่มีสติ อาจไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดหวังร้อยเปอร์เซ็นต์

LIPS: ได้นำประสบการณ์จากการเล่นละครเวทีมาทำโชว์ในรายการหรือไม่

มายด์: ไม่เลยค่ะ มายด์ยึดหลักว่าอยู่บนเวทีไหนก็สนุกไปกับมันในตอนนั้น พี่บอย – ถกลเกียรติ วีรวรรณ เคยพูดไว้ว่าการแสดงละครเวทีในแต่ละรอบมีชีวิตของมัน ทำให้เรารู้สึกว่า ‘จริงด้วย’ ก็เลยจะไม่คิดไปก่อน และไม่รู้สึกดีเลย์ไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เรียกได้ว่า enjoy the moment และสนุกไปกับผลลัพธ์ของมันมากกว่าค่ะ

“มายด์เชื่อมั่นว่าการร้องเพลงเป็นเรื่องของอินเนอร์…พอเราชอบอะไร เราจะทำมันออกมาได้ดี”

LIPS: ช่วงที่กำลังจะเดบิวต์เป็น 4EVE เป็นจังหวะเดียวกับที่ค่ายเพลงในเกาหลีเลือกให้มายด์เป็นหนึ่งในสมาชิกที่จะได้เดบิวต์เช่นกัน เหตุใดจึงรู้สึกว่าตัดสินใจถูกที่ไม่เลือกไปเกาหลี ในเวลานั้นใช้อะไรนำทางในการตัดสินใจ

มายด์: มีแว้บหนึ่งเหมือนกันค่ะที่รู้สึกว่า ‘เกาหลีเลยนะ’ ดูเป็นโอกาสที่ดี ซึ่งโดยนิสัยส่วนตัว ถ้าเห็นโอกาสเราจะคว้าไว้อยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็คิดว่าถ้าเลือกไปเกาหลี เราต้องเริ่มใหม่หรือเปล่า ดีเทลที่เราได้รับในตอนนั้นก็คือการไปเพื่อเตรียมเดบิวต์ ยังไงก็ต้องเรียนภาษาเกาหลี และอาจต้องปรับเคมีให้เข้ากับวงหน่อย ซึ่งจังหวะนั้นยอมรับตรงๆ เลยว่าเรามีความรู้สึกล้าอยู่เหมือนกัน มันเหนื่อยมาก เราแข่งในรายการมาตั้งนานกว่าจะได้เข้ารอบไฟนอลพร้อมๆ กับจะได้เดบิวต์เป็นวง 4EVE เลยรู้สึกมืดแปดด้านมากๆ ไม่รู้ว่าต้องเลือกทางไหน หรือทำยังไง

ถามว่าสุดท้ายใช้อะไรในการตัดสินใจ ‘พ่อค่ะ’ พ่อไปดูดวงให้เพราะเห็นลูกเครียด แต่ลึกๆ ในใจเราก็แอบมีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้วนิดนึงค่ะว่าจะเลือก 4EVE แค่เหมือนหาอะไรมาซัพพอร์ตการตัดสินใจเฉยๆ ว่า ‘อ๋อ…ดูดวงมา’ เรียกได้ว่ามายด์ไม่รู้สึกว่าตัวเองคิดผิด ก็เลยไม่เสียดายค่ะ ความรู้สึกนี้น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงที่ทำงานกับ 4EVE มาสักพัก เราเห็นเคมีบางอย่าง เห็นความเป็นทีม เรารู้สึกแฮปปี้กับคนกลุ่มนี้ มายด์ว่าเราไปต่อด้วยกันได้ค่ะ

LIPS: เชื่อแน่ว่าคอนเสิร์ตใหญ่ 4EVE THE 1ST CONCERT FRIENDS & FAMILY คือที่สุดแห่งความประทับใจ แต่ยังมีโชว์ไหนอีกไหมที่รู้สึกฟินไม่แพ้กัน

มายด์: มีค่ะ อีกหนึ่งเวทีที่มายด์ตื่นเต้นมากๆ ก็คือตอนไปเล่นเป็นวงเปิดให้สเตจเดบิวต์ของวง ATLAS ที่ลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนหน้านั้นพวกเราเดบิวต์ในช่วงโควิด เลยอยู่แต่กับสตูดิโอ อยู่กับการเต้นที่ไม่มีคนดู แต่งานนั้นถือเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้เจอแฟนเพลงตัวเป็นๆ ได้เห็นว่ามีคนมารอดูพวกเราจริงๆ คนเยอะมากจนล้นหน้างานเลยค่ะ

มายด์สวมหมวกนักแสดงเป็นแม่นาค

LIPS: การเป็นนางเอกครั้งแรกในละครโทรทัศน์ ‘นางนาค สะใภ้พระโขนง’

มายด์: ตอนนั้นทีมอยากได้เด็กรุ่นใหม่มารับบทแม่นาคค่ะ เราก็ใหม่แกะกล่องใสกิ๊งจริงๆ แล้วหน้าไทยอยู่แล้วเลยค่อนข้างจะได้ลุคตามที่เขาต้องการ มายด์ประทับใจทีมงานมากค่ะ รวมถึงพี่ๆ นักแสดง และประทับใจในตัวเองมากๆ ด้วย เพราะมีอยู่หลายครั้งที่เราไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ แต่พอมาดูเพลย์แบ็กบางทีก็รู้สึกว่า ‘เราเล่นได้ดีกว่าที่คิด’

อย่างฉากคลอดลูกซึ่งยากมากถึงยากที่สุด มายด์พยายามหาจุดที่จะไดร์ฟเราไปสู่การเป็นตัวละครตัวนี้และสื่อสารออกมาได้ดี เพราะการแสดงคือการที่เราต้องรู้สึกจริง แต่เราไม่เคยท้อง ไม่เคยคลอดลูก ไม่เคยตาย…เอาล่ะทำยังไงดี (หัวเราะ) แล้วเขาบอกกันว่าเวลาปวดท้องคลอดก็เหมือนปวดประจำเดือน ซึ่งเราดันเป็นคนไม่ปวดประจำเดือนอีก ฉากนั้นเลยท้าทายตัวเองมากๆ สุดท้ายพลังแห่งจินตนาการสำคัญค่ะ เราต้องตั้งใจแล้วก็ใส่พลังไปกับมันสุดๆ จนเป็นฉากคลอดลูกอย่างที่ทุกคนได้เห็น

จริงๆ ช่วงถ่ายทำเราก็กดดันนะ เพราะได้เล่นบทหลักเป็นครั้งแรก เป็นนางเอกด้วย แถมทุกคนก็รู้จักแม่นาคกันอยู่แล้ว ทุกคนโตมากับเรื่องราวของแม่นาคในหลายเวอร์ชั่น สำหรับมายด์ถือเป็นตัวละครที่ค่อนข้างแมสในสังคมไทย เลยท้าทายตรงที่ว่าเราจะทำได้หรือ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าถ้าผู้ใหญ่กล้าเลือกเรา ก็แสดงว่าเขาคงเห็นอะไรในตัวเรา ทำให้มีแรงฮึดขึ้นมา รู้สึกว่าเรากดดันก็จริง กังวลก็จริง แต่เราเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้ใหญ่ อีกอย่างคือเราค่อนข้างเป็นคนที่สู้ตายอยู่แล้วด้วยค่ะ

LIPS: วางแผนอย่างไรสำหรับเส้นทางการแสดงในอนาคต

มายด์: มายด์เคยพูดไว้ในรายการ 4EVE GIRL GROUP STAR ว่าในอนาคตอยากเป็นศิลปินที่รับงานแสดงไปด้วยค่ะ ตอนนี้ก็ค่อนข้างมาในทางที่ตัวเองคิดไว้แล้ว เราอยากประสบความสำเร็จทั้งในฐานะ ‘มายด์ 4EVE’ และ ‘มายด์ – อาทิตยา’ ที่เป็นนักแสดงค่ะ มายด์อยากอยู่ในวงการนี้ไปนานๆ

LIPS: สิ่งที่สมาชิกไม่ต้องสัมผัสพบเจอ ถ้าไม่ได้เป็น ‘อาเจ้’ ของวงแบบมายด์

มายด์: มายด์ว่าไม่มีนะ ไม่ได้มีอะไรที่มีแค่เราเท่านั้นที่เข้าใจหรือได้สัมผัส เพราะ 4EVE ดูแลกันและกันจริงๆ ความรับผิดชอบมันมีในส่วนของมันอยู่แหละ เราอาจจะตบๆ บ้างในบางเรื่อง แต่ท้ายที่สุดทุกคนก็จัดการตัวเองได้ดีอยู่แล้ว

MV VROOM VROOM – 4EVE

LIPS: ก้าวต่อไปของ 4EVE มีแผนโกอินเตอร์หรือไม่

มายด์: คิดว่ามีนะคะ ทางค่ายคงมองไว้ พวกเราเองก็อยากไป 4EVE ไม่มีเพดานค่ะ มีอะไรให้พวกเราทำก็จะทำ มีที่ไหนให้ไปก็จะไปค่ะ เราถึงทำงานกันทุกวันแบบนี้ (ยิ้ม)

LIPS: รู้สึกอย่างไรกับการเป็นความหวังใหม่ของ T-Pop หลังประสบความสำเร็จเป็นเกิร์ลกรุ๊ปเบอร์หนึ่งของไทย ต้องแบกรับความคาดหวังหรือไม่

มายด์: ก่อนอื่นต้องขอบคุณมากค่ะที่มองพวกเราแบบนั้น มายด์ว่า TPop กำลังคึกคัก ทั้งพวกเราเองและทุกๆ วงที่กำลังแสดงศักยภาพของการเป็นศิลปินออกมาอย่างเต็มที่ มายด์ว่าสิ่งเหล่านี้มากกว่าที่จะขับเคลื่อน TPop ให้ไปได้ไกลกว่านี้ เราไปด้วยกันทั้งหมดนี่ล่ะค่ะ แต่ระหว่างทาง 4EVE ก็ถีบตัวเองมาตลอด พวกเราสนุกกับการโชว์ด้านใหม่ๆ ของตัวเอง ถ้าคุณชอบศิลปินหญิงแนว Girl Crush คุณอาจจะชอบ 4EVE เป็นลักษณะนี้มากกว่าค่ะ มายด์ว่าเราสนุกของเราไปเรื่อยๆ ไม่ได้แบกรับความคาดหวัง และไม่อยากเอาความรู้สึกว่าเราเป็นตัวแทน TPop ฝั่งหญิงมากดดันตัวเองด้วยค่ะ

LIPS: บุคคลที่เคยร่วมงานด้วยแล้วทำให้เรารู้สึกมีพลัง

มายด์: พี่ต๊งเหน่ง (รัดเกล้า อามระดิษ) พี่ชาย (ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ) คือพี่ๆ เขาเป็นเบอร์ท็อปของวงการที่มายด์รู้สึกว่าพลังงานเขาดีจัง อย่างตอนซ้อม ‘บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล’ มายด์นั่งดูพี่ชายเล่นอยู่ข้างๆ เวทีจนร้องไห้ไปด้วยเลย ก่อนที่จะต้องวิ่งเข้าฉากต่อไป พี่เขาเล่นดีมากๆ จนเรารู้สึกจริงๆ  

อีกคนคือพี่เก้าค่ะ (จิรายุ ละอองมณี – พระเอกนางนาค สะใภ้พระโขนง) มายด์ได้เรียนรู้จากเขาในแง่ของการเป็นทั้งวัยรุ่นคนหนึ่ง นักแสดงคนหนึ่ง และนักร้องคนหนึ่ง เขามีความสุขกับการใช้ชีวิตดีค่ะ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้ใช้ชีวิตตามใจตัวเองดี เลยเป็นเหตุผลหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้เรารู้สึกว่า ให้ตายยังไงเราก็ยังอยากเป็น 4EVE ไปด้วย ถึงแม้จะเหนื่อยมากในช่วงที่ทำทั้งงานวงและงานแสดง แต่เราอยากไปต่อกับงานทั้งคู่ เพราะมันคือสิ่งที่เราอยากทำ เราชอบสุดๆ

LIPS: ความท้าทายของผู้หญิงที่ชื่อมายด์ – อาทิตยา ในวัย 24 ปี

มายด์: หลังๆ มานี้ 4EVE เริ่มมีงานเดี่ยวในตารางงานของแต่ละคนค่ะ ทุกคนมีงานที่เหมาะกับตัวเอง การอยู่ในวงการเราต้องโตขึ้น ดังนั้นความท้าทายอย่างหนึ่งของพวกเราก็คือ การจัดการในการออกงานเดี่ยว งานคู่ หรืองานกลุ่มที่บางครั้งอาจจะไม่ครบ 7 คน ถามว่าเรามีภาพของการเป็นศิลปินเดี่ยวบ้างมั้ย ไม่ค่ะ มายด์ชอบการทำงานเป็นวง ชีวิตเราอยู่กับ 4EVE เยอะมาก เราเจอหน้ากันทุกวัน ผูกพันกันเหมือนครอบครัว

ถ้าเป็นพาร์ตของ มายด์ – อาทิตยา ความท้าทายในวัยนี้ก็คือการรับผิดชอบตัวเองค่ะ มายด์อยากทำงานที่มีอยู่ให้ได้ดี แล้วก็อยากให้ตัวเองจัดการสุขภาพจิตได้ ถามว่าให้คะแนนความสุขตัวเองเท่าไร มายด์ว่าตอนนี้ 80 – 90 จากเต็มร้อย เพราะอยากมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น แต่ปกติมายด์เป็นคนนอนเก่งค่ะ ไม่ต้องห่วง

LIPS: เส้นผมดำยาวสุขภาพดีจนมีคนแซวว่าเป็นฟาร์มผมได้เลย เป็นคนรักผม หรือรักสวยรักงามมากแค่ไหน วางแผนทำทรงอื่นหรือเปลี่ยนสีผมบ้างหรือไม่

มายด์: เป็นเรื่องของความโชคดีที่ผมสุขภาพดีมาตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ อันนี้แม่ให้มา ต้องขอบคุณแม่ ตอนมัธยมฯ เคยลองตัดสั้นก็เลยรู้ว่าชอบตัวเองตอนผมยาวมากกว่า สีผมมีเปลี่ยนบ้างนะคะ แต่สุดท้ายเราชอบโทนสีเข้มอยู่ดี เลยกลับมาเป็นแบบนี้ค่ะ

LIPS: ค่ายห้ามไหมถ้าสมาชิก 4EVE จะมีแฟน แล้วมายด์ชอบคนแบบไหน

มายด์: ไม่ห้ามเลยค่ะ ตอนนี้ ‘ตาออม 4EVE’ (เบญญาภา อุ่นจิตร) ไปเที่ยวกับแฟนอยู่ค่ะ (รายงานเหมือนยกมือฟ้องอาจารย์ ก่อนจะหัวเราะออกมา) มายด์ชอบคนที่คุยกันรู้เรื่องค่ะ ไม่จำเป็นต้องสนใจในเรื่องเดียวกัน อีกอย่างค่อนข้างชอบคนที่ใส่ใจ คือต้องทำให้รู้สึกว่า ‘เราสำคัญกับเขานะ’ มีคำพูดที่ว่าถ้าใครสักคนดีกับคนรอบตัวหรือคนอื่นๆ มากเท่าไหร่ เขาก็จะดีกับแฟนเป็นพิเศษ เราชอบคนแบบนี้เพราะเราเป็นคนประเภทเดียวกันค่ะ

“เราอยากประสบความสำเร็จทั้งในฐานะ ‘มายด์ 4EVE’ และ ‘มายด์ – อาทิตยา’ ที่เป็นนักแสดง”

Words: Sasi Akkomee
Photos: Tara Patumnakul
Style: Chris Kanisorn
Nails: In The Garden Nail Spa
MakeUp: Kwankhao Sumalee, Praeskow Sangchai 
Hair: GUIDE, Worawalan Permkitpaisarn
Jewelry & Watch: CARTIER

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม