Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

DEANE’S DYNASTY เมื่อชีวิตคู่รัก-มัน-ฮา ของ ‘ลีเดีย – แมทธิว ดีน’ กลายเป็นเรียลลิตี้โชว์ใน HBO GO

Interview / People

นับจากคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า ‘การทำหมันของคุณพ่อบ้าน’ จะกลายเป็นวาระแห่งชาติในหมู่ภรรยาแม่ลูกอ่อน เมื่อ Deane’s Dynasty เรียลลิตี้ซีรีส์เรื่องล่าสุดที่แพร่ภาพทาง HBO และ HBO GO ได้ประเดิมเปิดแผลใหญ่ในชีวิตคู่ของ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ & แมทธิว ดีน ที่สั่นคลอนโอกาสในการคัมแบ็กของฝ่ายหญิงผู้ครองฉายา ‘เจ้าหญิง R&B ของไทย’ มาเกือบสองทศวรรษ ด้วยเพราะการร้องเพลงคือแพสชันหนึ่งเดียวในชีวิตเธอ

ไม่เพียงเท่านั้น การ ‘สปีกอิงลิช’ โดยถ้วนหน้าของผู้ดำเนินเรื่องหลักอย่างลีเดีย แมทธิว และสมาชิกในครอบครัว ยังสามารถนำพาให้บรรยากาศการรับชม Deane’s Dynasty คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายอินเตอร์ จนลืมไปว่านี่คือออริจินัลคอนเทนต์สัญชาติไทยที่ HBO Asia ถึงกับปักหมุดให้เป็นหนึ่งในเรือธง

เราจึงชวนพวกเขามาสปอยล์…เอ๊ย…แบ่งปันเรื่องราวที่ว่าด้วยมิตรภาพและความรักเพื่อเสริมอรรถรสในการรับชม Deane’s Dynasty ชีวิตเรียลๆ ของคู่สามีภรรยาที่ดุเด็ดเผ็ดมันและระเบิดเสียงหัวเราะได้อร่อยที่สุดในวงการบันเทิง…ในทุกวันศุกร์ถัดไป 

“ไม่เคยมีมาก่อนที่แพลตฟอร์มระดับโลกจะเอาเรื่องราวของครอบครัวคนไทยไปทำเป็นเรียลลิตี้โชว์”

LIPS: ขอย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของความรักเมื่อ 17 ปีที่แล้ว มีบ้างไหมโมเมนต์ที่ผีเสื้อบินว่อนในท้อง พร้อมๆ กับความรู้สึกที่ว่า ‘ใช่แล้วล่ะคนนี้!’

ลีเดีย: เดียมีนะ เราติดตามพี่แมทมาตั้งแต่เขาเป็นวีเจของ MTV Asia เราดูเค้ามาตั้งแต่เด็ก เพราะอายุห่างกันตั้ง 9 ปี พอเดียเริ่มเป็นนักร้องก็ได้เจอพี่แมทครั้งแรกในรายการเพลงที่เขาเป็นพิธีกร ในขณะที่เราไปโปรโมตเพลงใหม่ ตอนสัมภาษณ์จำได้ว่าเราไม่ค่อยคุยกับเขาเท่าไร แต่จะหันไปคุยกับพิธีกรอีก 2 คนแทน เพราะเราแอบกรี๊ด แอบเขินเค้าอยู่ มันจะอยู่วันหนึ่งในช่วงที่เพิ่งคบกันแรกๆ ไปดูหนังเสร็จแล้วเขามาส่งที่บ้าน พอเดินเข้าบ้านปุ๊บ เราก็กรี๊ดๆๆ อยู่อย่างนั้นคนเดียว (หันไปถามสามีที่กำลังเงี่ยหูฟังว่าเคยรู้เรื่องนี้บ้างหรือไม่?)

แมทธิว: ผมเองก็ตื่นเต้น วันแรกที่เจอยังไม่ค่อยเท่าไหร่เพราะเป็นการทำงาน แต่ด้วยความที่เราอยู่ค่ายเพลงเดียวกันก็เลยได้เจอกันเรื่อยๆ ตามงาน ตามโอกาส เขาไปโชว์ตัว  ส่วนผมก็ไปร่วมงานต่างๆ จนกระทั่งเราเริ่มตื่นเต้นกับการลุ้นว่า เอ…วันนี้เขาจะมาร่วมงานไหม? จะได้เจอกันหรือเปล่า? จะมีโอกาสได้คุย ได้หยอดอะไรสักนิดสักหน่อยไหม? (หัวเราะ)

ลีเดีย: พี่แมทชอบหยอด เขาบอก ‘น้องหน้าตาเหมือนแฟนเก่าพี่เลย’ (ลีเดียโคฟน้ำเสียงและลีลาของแมทธิวในวันวานให้ทีมงานเห็นภาพ) นี่คือประโยคแรกที่เค้าหยอดตั้งแต่เจอกันครั้งแรกค่ะ ตอนที่เดียยังอายๆ เขาอยู่

LIPS: รู้สึกอย่างไรกับคำกล่าวที่ว่า ในละคร…ฉากแต่งงานคือตอนจบที่สุดแสนจะแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ชีวิตจริง…การแต่งงานเป็นเพียงแต่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

ลีเดีย: จริงค่ะ หลังแต่งงานเป็นชีวิตในสถานะใหม่ เป็น Life Cycle ที่จะต้องเริ่มต้นใหม่ตลอดระยะชีวิตของคนๆ หนึ่งมีอะไรที่ต้องเรียนรู้แล้วก็ปรับตัวอยู่ตลอดเวลา การมีลูกแต่ละคนก็ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

“หนึ่งปีที่ถ่ายทำ Deane’s Dynasty เป็นช่วงที่ทุกคนในซีรีส์กำลังเจอเรื่องใหญ่เรื่องพีคในชีวิต มีทั้งเสียงหัวเราะ กรี๊ด ร้องไห้”

LIPS: จุดเริ่มต้นของเรียลลิตี้ซีรีส์ Deane’s Dynasty เป็นมาอย่างไร

ลีเดีย: เราถ่าย Vlog ตามติดชีวิตพวกเราและลูกๆ ในรายการ Daily Deanes เพื่อลงทางยูทูบอยู่แล้วค่ะ เป็นโฮมเมดโปรดักชัน (ช่อง Lydia Sarunrat Deane) ที่เราทำกันเอง ทีนี้โปรดิวเซอร์ซึ่งมีส่วนร่วมในหนังฮอลลีวูดเมื่อเร็วๆ นี้อย่าง The Meg 2 : The Trench, The Creator ฯลฯ เขาติดต่อมา บอกว่าคอนเทนต์ของพวกเราน่าสนใจ น่าเอาไปลงโกลบอลแพลตฟอร์ม   

LIPS: เขาบอกไหมว่าทำไมเรื่องราวของ ‘ครอบครัวดีน’ ถึงได้รับการคัดเลือกให้ถ่ายทอดลงบนแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง HBO

แมทธิว: อาจจะเป็นเพราะครอบครัวเราแปลก

ลีเดีย: (หัวเราะคำโตก่อนกล่าวเสริม) เราบ้าด้วย ดูมีหลายรสชาติมั้งคะ ครอบครัวเราใหญ่มาก เดียคิดว่าแต่ละคนมีอะไรที่เป็นคอนเทนต์ได้  

แมทธิว: ครอบครัวเราใหญ่จริงๆ เพื่อนก็เยอะมาก ซึ่งแต่ละคนก็มีความเฉพาะตัวที่น่าสนใจ พวกเขาคลุกคลีกับเราตลอดเวลาจนเป็นเรื่องปกติในชีวิต

DEANE’S DYNASTY (Teaser)

“เพราะมีกล้องมาเก็บภาพอยู่ตลอดเวลา เราไม่สามารถคีปลุค สร้างภาพ หรือเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเราได้”

LIPS: จุดสำคัญที่ทำให้เราตอบรับโปรเจกต์นี้คือ…

แมทธิว: เขาบอกว่าถ้าจะทำต้องไม่เหมือน Daily Deanes ที่เราถ่ายกันเอง โปรดักชันจะใหญ่ขึ้นหลายเท่า จะถ่ายยาวเป็นวันๆ แล้วก็ต้องโชว์ชีวิตจริงๆ ไม่ใช่แค่ผิวๆ อย่างที่เคยทำมาก่อน เราพร้อมที่จะลุยหรือเปล่า? เขาถาม

ลีเดีย: ไม่เคยมีมาก่อนที่แพลตฟอร์มระดับโลกจะเอาเรื่องราวของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งของคนไทยไปทำเป็นเรียลลิตี้โชว์ ตอนนั้นเลยไม่มีอะไรที่พอจะเปรียบเทียบให้เราได้เห็นภาพกันก่อน

แมทธิว: มีแต่เรียลลิตี้ของต่างประเทศที่เคยดูกันมา ซึ่งอาจจะมีสคริปต์เยอะนิดหนึ่ง แล้วไลฟ์สไตล์ของเราก็ไม่เหมือนกับเขาหรอก

ลีเดีย: เขาจะอู้ฟู่ ลักชัวรี ซึ่งไม่ใช่เรา

แมทธิว: เราเลยตอบกลับไปว่า ถ้าจะนำเสนอเรื่องราวของครอบครัวเราก็ขอให้เป็นชีวิตจริงๆ แบบอยู่บ้านแต่งตัวยังไง พูดคุยแบบไหน ทะเลาะกันบ่อยหรือเปล่า ฯลฯ ถ้าจะทำก็ต้องให้เรียล แล้วพอมีชื่อของ HBO ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกเข้ามาก็ยิ่งเป็นจุดที่ทำให้รู้สึกว่า ‘เฮ้ย! ต้องทำแล้วแหละ โปรเจกต์นี้’ เราอยากนำเสนอครอบครัวของเราให้โลกเห็น รวมถึงวัฒนธรรมของคนไทยและคนเอเชียว่าไดนามิกในครอบครัวเป็นแบบไหน ต่างจากชาติอื่นๆ ยังไง

ลีเดีย: ด้วยวัฒนธรรมของเราเป็นครอบครัวใหญ่ เราอยู่ด้วยกัน ดูแลกัน ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายไปจนถึงรุ่นลูกหลาน ซึ่งน่าสนใจสำหรับคนในวัฒนธรรมตะวันตกที่จะได้เห็นว่าวัฒนธรรมของคนเอเชียเรามีความใกล้ชิดกันยังไง  

“พอถ่ายทำไปสักแป๊บเราก็ชิน ลืมไปเลยว่ามีกล้อง ปล่อยฟรีสไตล์เลย จะด่ากันหรือจะทำอะไรก็ทำตามปกติ”

LIPS: ช่วงชีวิตที่บันทึกไว้ในเรียลลิตี้นี้สามารถให้คำจำกัดความได้ว่า…

แมทธิว: เป็นช่วงชีวิตที่ ‘ไอ้เราก็ว้าวุ่นเลย’ (คำตอบเรียกเสียงหัวเราะจากภรรยาเช่นเคย) การถ่ายทำนี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งปี ซึ่งเราไม่สามารถวางแผนหรือทำสคริปต์ล่วงหน้าได้ เพราะเขายึดตามจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในชีวิตเราช่วงนั้น

ลีเดีย: บังเอิญว่าเป็นช่วงที่ทุกคนใน Deane’s Dynasty กำลังเจอเรื่องใหญ่เรื่องพีคในชีวิต นี่เรามานั่งดูตั้งแต่ EP. 1 – 8 คือมีทั้งเสียงหัวเราะ กรี๊ด ร้องไห้ ฯลฯ ครบทุกรส ทุกความรู้สึกจริงๆ ค่ะ

LIPS: ตกใจตัวเองไหมตอนมานั่งดูในฐานะผู้ชม

ลีเดีย: โอ้โห ตกใจมากหลายซีนเลยค่ะ เพราะปกติเวลาเราลงคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียหรือยูทูบ เราจะฟิลเตอร์ในระดับหนึ่งว่าอยากโชว์มุมไหน จะนำเสนอแต่สิ่งที่เราอยากนำเสนอ แต่สำหรับ Deane’s Dynasty ที่มีกล้องมาเก็บภาพอยู่ตลอดเวลา เราไม่สามารถคีปลุค สร้างภาพ หรือเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเราได้ ผู้ชมจะเห็นเราแบบ 360 องศา รวมถึงมิติของความสัมพันธ์ ทั้งกับสามีภรรยา พี่น้อง ลูก เพื่อนๆ

LIPS: แมทธิวดูเป็นแฟมิลีแมน สุขุม อารมณ์ดี มีทะลึ่งนิดหน่อย แล้วเราจะได้เห็นน้ำตาหรืออารมณ์หลุดๆ ของเขาไหม

แมทธิว: (ยิ้มแบบมีเลศนัยก่อนตอบ) ครบทุกรสแน่นอนครับ

ลีเดีย: ความพีคจะเพิ่มขึ้นทุกอีพี โดยเฉพาะ EP.7 – 8 นี่คือแบบ God !! คุณจะได้เห็นเราทั้งภาพที่สวยงามและไม่สวยงาม (ลีเดียทำหน้าปลงจัด ในขณะที่แมทธิวหัวเราะชอบใจ)

LIPS: บรรยากาศการถ่ายทำเป็นอย่างไร ใช้ทีมงานไทยหรือต่างชาติ เราเบรกกองได้ไหมถ้าอยู่ๆ เกิดสถานการณ์หรืออารมณ์ที่ทำให้ใจไม่พร้อมถ่าย

ลีเดีย: ทีมถ่ายทำมีทั้งคนไทยและต่างชาติค่ะ เราสั่งเขาไม่ได้ เขาไม่หยุดถ่ายหรอก (ยิ้ม) บรรยากาศคือเหมือนยกกองถ่ายมาเลย มีการใช้กล้องถ่ายหนังตัวใหญ่ๆ ซึ่งบางทีมีมากกว่า 3 – 4 ตัว แล้วยังมีทีมไฟ ทีมเสียงอีก เอาจริงๆ ช่วงแรกก็ไม่ชินนะ

แมทธิว: เราจะใช้ชีวิตให้เป็นธรรมชาติยังไงในเมื่อมีกล้องล้อมรอบตัว แต่พอถ่ายทำไปสักแป๊บเราก็ชิน จนตอนหลังปล่อยฟรีสไตล์เลย จะด่ากันหรือจะทำอะไรก็ทำตามปกติ เพราะบางทีเราลืมไปแล้วว่ามีตากล้องอยู่ตรงนั้น (หัวเราะ)

“เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกครับ เนื่องจากผมเองก็ซ่ามาก่อน ง่ายๆเลยคือ ไม่อยากให้ลูกเป็นแบบเรา”

LIPS: ทำไมต้องเป็น ‘แอริน & พลอย’ สองเพื่อนสนิทที่เราเทียบเชิญมาร่วมโปรเจกต์  

ลีเดีย: ทั้งสองคนเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวไปแล้ว เราโตมาด้วยกัน เราสนิทกันมากจนไม่ใช่แค่เพื่อน อย่าง ‘แอริน’ เราอยู่โรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก น้องชายของเดียก็สนิทกับน้องชายของแอ มาเล่นที่บ้านด้วยกัน รู้จักครอบครัวกันและกันมานานแล้ว

ส่วน ‘พี่พลอย’ มารู้จักตอนเริ่มทำงานค่ะ หลังจากนั้นก็สนิทกันยาวๆ มา 10 กว่าปีแล้ว พี่พลอยเข้า-ออกบ้านได้เหมือนคนในครอบครัว เดียไม่อยู่ก็มาได้ แม่พี่พลอยก็มาบ้านเดีย ถึงเดียไม่อยู่ หรือพี่พลอยไม่รู้ หรือบางทีก็ไปนั่งเล่นบ้านน้องสาวเดียกันค่ะ ตอนนั้นเลยรู้สึกว่าถ้าพี่พลอยกับแอรินยอมให้กล้องติดตามก็จะเป็นธรรมชาติมาก เพราะเราเจอกัน เราแฮงเอาต์กัน ชีวิตเราเป็นแบบนี้จริงๆ

แมทธิว: กับ ‘พลอย’ ผมเคยเจอผ่านๆ ตั้งแต่เด็ก เพราะเขาไปทางเล่นละคร ส่วนผมอยู่ฝั่งนักร้องมากกว่า แต่ตอนหลังเริ่มเจอกันมากขึ้น เพราะเล่นหนังด้วยกัน แล้วเขาก็สนิทกับเดีย ส่วน ‘แอริน’ นี่สนิทมาก เพราะผมสนิทกับน้องชายเขาสุดๆ เรากิน-อยู่-เที่ยวด้วยกันมาหลายปี แอรินนี่เป็นเหมือนคู่หูผมคนหนึ่งเลย เขาแมนๆ เราเล่นกีฬาด้วยกัน ไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกัน เลยกลายเป็นเหมือนคนในครอบครัวจริงๆ เราไม่ได้คิดแค่ว่าเป็นเพื่อน

LIPS: นอกจากความรักที่มีต่อกัน ทั้งสองคนคิดว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ชีวิตคู่ หรือชีวิตครอบครัวผ่านพ้นแต่ละอุปสรรคไปได้

ลีเดีย: เดียว่าเราคุยกันเยอะ Deane’s Dynasty ทำให้เราได้รู้ลึกขึ้นในแง่ของความคิดและความรู้สึกของคนรอบตัว บางอย่างเขาไม่พูดต่อหน้าเรา แต่เลือกที่จะไปพูดกับกล้องแทน ซึ่งเราเองก็เพิ่งรู้เมื่อมานั่งดู ทำให้เราเข้าใจและได้เรียนรู้กันมากขึ้น

แมทธิว: สำหรับผม ลูกช่วยชีวิตคู่เราได้ดีมาก เพราะเมื่อก่อน ต่างคนต่างทำงาน ไม่เจอกันทั้งวัน แต่พอมีลูกแล้วเรามีไฟล์ตบังคับที่จะต้องทำกิจกรรมครอบครัวด้วยกัน เพราะเราไม่อยากให้ลูกดูทีวี เล่นเกม เล่นไอแพดทั้งวัน เราพยายามจะพาลูกไปเล่นกีฬา ไปสวนสัตว์ ฯลฯ ซึ่งถ้าให้ไปไหนกัน 2 คน เราคงไม่ไปแล้ว แต่ถ้าให้ไปกับลูก เราไปหมด ไปที่ไหนก็ได้ พอมีลูก ผมมีความอดทนสูงขึ้น มีเป้าหมายมากขึ้น และช่วยให้ชีวิตคู่ของเราผ่านพ้นอุปสรรคมาได้ทุกอย่าง

“เราได้รู้ความคิดและความรู้สึกของคนรอบตัวลึกขึ้น บางอย่างเขาไม่พูดต่อหน้าเรา แต่เลือกที่จะไปพูดกับกล้องแทน”

LIPS: มี MOU ในการใช้ชีวิตคู่ไหม หรือนโยบายในการเลี้ยงลูกที่ต้องตกลงกันก่อน

แมทธิว: เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกครับ เนื่องจากผมเองก็ซ่ามาก่อน (ยิ้ม) กว่าจะได้แต่ละบทเรียนจนมาอยู่ในจุดนี้ได้ก็ผ่านอะไรมาเยอะ เอาง่ายๆ คือไม่อยากให้ลูกเป็นแบบเรา (ลีเดียถึงกับหลุดขำพรวดเมื่อได้ยิน) ลูกๆ เกิดมาพร้อมกับโอกาสที่เหมือนได้อยู่ในวงการบันเทิงโดยอัตโนมัติ เราเลยพยายามสอนในสิ่งที่เราต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะได้บทเรียน เพื่อให้ลูกๆ ได้รู้ตัวก่อน

ลีเดีย: ลูกของเราเหมือนอยู่ในสปอตไลต์ตั้งแต่อยู่ในท้อง พอลืมตาดูโลกก็อยู่หน้ากล้องแล้ว คนรู้จักว่าเขาเป็นใคร ฉะนั้นมันคือหน้าที่ของเราที่จะต้องประคับประคอง และสอนให้ลูกๆ ดำเนินชีวิตอย่างเป็นธรรมชาติ เราต้องแยกให้ลูกได้ว่านี่คืองาน นี่คือชีวิตส่วนตัวของเขา Let kids be kids.

แมทธิว: สำคัญที่สุดคือการที่เขาจะมีชีวิตที่เป็นเด็กจริงๆ ไม่ใช่เด็กในวงการบันเทิง แต่เราก็คิดว่าการที่ลูกมีโอกาสได้ทำงานในช่วงเวลานี้ก็สำคัญสำหรับอนาคตของเขา

ลีเดีย: ให้ลูกได้เรียนรู้ว่าทุกคนเกิดมาบนโลกนี้ต้องเติบโต ต้องทำงาน ในการทำงานมันมีวิธีการ มีกฎกติกาที่ต้องปฏิบัติตาม ต้องมีความรับผิดชอบ และอาจมาพร้อมกับความเหนื่อยบ้าง

แมทธิว: ผมเริ่มทำงานที่เมืองนอกตั้งแต่อายุ 13 – 15 เคยทำงานที่เบอร์เกอร์คิง เคยเป็นเด็กเสิร์ฟ ประสบการณ์สอนให้เรามีความรับผิดชอบ ถ้าลูกๆ ได้เข้าใจเรื่องของการทำงานและความรับผิดชอบตั้งแต่เด็ก ผมก็เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยเขาได้ในอนาคต

ลีเดีย: เขาน่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ แต่เราก็ต้องบาลานซ์ให้ดี เพราะไม่อยากให้โตเกินวัย เราต้องการให้เขามีชีวิตที่เหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป ได้เล่น ได้ออกไปเอาต์ดอร์ เล่นดินเล่นทราย ได้ลองผิดลองถูกตามประสาเด็ก

LIPS: ในฐานะที่เคยผ่านประสบการณ์ความรัก การใช้ชีวิตคู่ จนกระทั่งมีลูกสาม ทำใจได้ไหมถ้าวันหนึ่งข้างหน้าต้องเห็นลูกเสียน้ำตาจากความรักที่ผิดหวัง

แมทธิว: (หัวเราะกลบเกลื่อนก่อนตอบ) อ่า…า ต้องทำใจ

ลีเดีย: ใช่ ทำใจ..แต่ก็อาจจะยากหน่อย

แมทธิว: แค่ลูกไม่สบายไอ 2 ทีนี่พวกเราเครียดแล้ว

Deane’s Dynasty ฉายทาง HBO Go

Words: Sasi Akkomee
Photos: Somkiat Kangsdalwirun

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม