Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

‘บุ๋น – นพณัฐ กันทะชัย’ จากตัวประกอบสู่นักแสดงนำ จากติ่งสู่สตาร์ที่มีแฟนคลับทุกทวีป

Interview / People

สายวันหนึ่งในเดือนเมษายน เรานัดหมายกับพระเอกหนุ่มดาวรุ่งวัย 28 ปี ‘บุ๋น – นพณัฐ กันทะชัย’ ที่สปาบรรยากาศร่มรื่นและเป็นส่วนตัวในย่านชิดลม ระหว่างตระเตรียมสถานที่เพื่อถ่ายภาพนั้น มีเพียงนักท่องเที่ยววัยทำงานและนักธุรกิจชาวต่างชาติที่ทยอยมาใช้บริการอย่างสงบ ทว่าจู่ ๆ ก็สัมผัสได้ถึงเสียงกระซิบที่กดซ่อนความดีใจไว้แทบไม่ไหวจากหญิงต่างชาติคู่หนึ่ง เมื่อหันไปดูจึงพบว่าต้นเหตุเกิดจากการปรากฏตัวของแขกรับเชิญเรานี่เอง เขาเดินเข้ามาพร้อมโค้งตัวอย่างอ่อนน้อมเพื่อทักทายพวกเธอที่ยังคงตกอยู่ในอาการตื่นเต้น

นี่คงเป็นประจักษ์พยานชั้นดีที่แสดงให้เห็นแล้วว่าชื่อเสียงของบุ๋นพุ่งไกลในระดับอินเตอร์อย่างแท้จริง นอกเหนือไปจากตัวเลขสถิติความนิยมในซีรีส์ ‘เชือกป่าน (Between Us)’ ผลงานชิ้นโบแดงของเขา ซึ่งเกือบทุกอีพีติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่งทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก ต่อเนื่องจากปรากฏการณ์ ‘ด้ายแดง (Until We Meet Again)’ ซีรีส์วายแนวข้ามภพข้ามชาติที่ส่งให้นักแสดงหน้าใหม่อย่างเขาพลอยโด่งดังในชั่วข้ามคืน

“ทีแรกบุ๋นจะเล่น ‘ด้ายแดง’ เป็นเรื่องสุดท้าย รู้สึกว่าเราใช้เวลากับวงการบันเทิงมานานเกินไป ”

LIPS: รู้สึกอย่างไรบ้างกับจุดเริ่มต้นของความโด่งดังแบบก้าวกระโดดจากซีรีส์ ‘ด้ายแดง’ เมื่อปี 3 ปีก่อน

“ทีแรกบุ๋นจะเล่น ‘ด้ายแดง’ เป็นเรื่องสุดท้าย เพราะรู้สึกว่าตัวเองใช้เวลากับวงการบันเทิงมานานเกินไป จะพูดว่าวงการบันเทิงเต็มตัวก็ไม่ใช่ครับ ก่อนหน้านั้นเราได้แต่บทเอ็กซ์ตร้าหรือบทสมทบ พยายามมาตลอด 6 – 7 ปี จนเริ่มคิดว่าอายุมากขึ้น เรียนจบมาก็นานพอควร (สาขาบรอดแคสติ้ง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ) มันถึงเวลาแล้วที่เราต้องหางานที่มั่นคง”

“จริงๆ เรื่องนี้บุ๋นได้เล่นเป็นคู่ 3 (ถัดจากคู่หลักและคู่รอง) คู่กับเปรม (วรุศ ชวลิตรุจิวงษ์) เราเป็นตัวเสริมให้เนื้อเรื่องสมบูรณ์แบบมากขึ้น ถึงบทจะไม่ได้เยอะ แต่ก็ดีใจมากๆ แล้วครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ ตอนนั้นบุ๋นบอกกับพี่นิว (ศิวัจน์ สวัสดิ์มณีกุล – ผู้กำกับและเจ้าของสตูดิโอ วาบิ ซาบิ ผู้ผลิตซีรีส์) ว่าขอแค่ยอดฟอลสักหนึ่งแสนก็พอใจแล้ว ปรากฏว่าพอซีรีส์ออนแอร์ กระแสตอบรับดีเกินคาด จากยอดฟอลไอจี 1,000 กว่าๆ ขยับเป็น 6 – 7 แสนอย่างรวดเร็ว และเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะมียอดผู้ติดตามใน 3.2 ล้านคน และที่เซอร์ไพรส์ไปกว่านั้นคือ คนจากอีกซีกโลกหนึ่งรู้จักเราด้วย เรียกได้ว่าตอนนี้มัน ‘เกินฝัน’ ไปมากแล้วฮะ”

LIPS: ในช่วง 6 – 7 ปีที่ความพยายามไม่เป็นผล อะไรเป็นแรงผลักดันให้บุ๋นยังคงลุกออกไปกองถ่าย

“เงินแหละฮะ อันนี้เรื่องจริง ไม่อ้อมค้อม (เรียกเสียงฮาจากรอบข้าง) เราต้องใช้เงินในการดำรงชีวิต บุ๋นอยากแบ่งเบาภาระของแม่ เพราะแม่ทำงานเลี้ยงบุ๋นกับพี่ชายมานานแล้ว

“บุ๋นเริ่มแคสต์งานตั้งแต่ ม.5 – 6 ครับ พอขึ้นปี 1 ก็พยายามไปแคสต์ให้มากขึ้น ตอนนั้นหางานจากกลุ่มในเฟซบุ๊ก ที่ไหนเปิดแคสต์เราก็ไป ถึงจะได้แค่บทสมทบ บทเอ็กซ์ตร้า แต่ก็ช่วยเรื่องการเงินให้ดีขึ้น จ่ายค่าเทอมเองได้ จากค่าตัววันละ 800 – 900 บาท มากที่สุดคือวันละ 1,500 บาท ไปกองถ่ายตั้งแต่ตี 5 ถึง 4 ทุ่ม พอเรียนจบก็ทำงานพาร์ตไทม์ในฝ่ายจัดซื้อของห้างสรรพสินค้า ได้เงินเดือน 15,000 บาท แต่ระหว่างนั้นก็ยังไปแคสต์ซีรีส์อยู่หลายเรื่องครับ”

LIPS: เด็ก ม.ปลาย คนนั้นเขาอาศัยสิ่งใดในการเปลี่ยน ‘ความคิด’ เป็นการ ‘ลงมือทำ’ ได้สำเร็จ

“เชื่อมั้ยว่าเมื่อก่อนบุ๋นขี้อายมาก ถึงขนาดว่าอยู่ในโรงอาหารที่โรงเรียนก็เดินก้มหน้าตลอด ไม่เดินห้างคนเดียว ไม่กล้าแสดงออก เก็บตัว เล่นเกมอยู่แต่ในห้อง ให้ถ่ายรูปนี่เขินกล้อง ไม่ถ่ายแน่นอน ตั้งแต่ ม.1 – 6 เลยมีรูปไม่เกิน 10 ใบ สิ่งที่ทำให้บุ๋นก้าวออกมาจากเซฟโซนได้ก็คือ เราอยากช่วยแม่จริง ๆ เราเคยเกเร อย่างแม่ให้เงินไปเรียนพิเศษ เราก็เอาไปเติมเกม แต่สไตล์การเลี้ยงของแม่จะปล่อยให้เรามีประสบการณ์เอง จะได้มีภูมิต้านทาน ไม่ผิดซ้ำสองหรือเจอเรื่องไม่ดีอีก

“อีกอย่างหนึ่งที่จุดประกายให้เราเริ่มต้นพัฒนาตัวเองตอนปลายก็คือ บทสัมภาษณ์กัปตัน (ชลธร คงยิ่งยง) เขาทำงานจ่ายค่าเทอมเองโดยที่ไม่ต้องรบกวนครอบครัว บุ๋นเลยอยากส่งต่อบทสัมภาษณ์นี้เพื่อที่อย่างน้อยอาจเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับใครบางคนที่อยากลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูสักตั้ง แล้วก็อยากเป็นกำลังใจให้คนที่จะลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ตัวเองรัก”

LIPS: ก่อนจะมีชื่อเสียงแบบทุกวันนี้ ได้ข่าวว่าเจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะ

“หูยเยอะ (ลากเสียงยาวสุด) เมื่อก่อนไม่ค่อยรู้อะไร มีทั้งที่บอกว่าถ้าลงเรียนการแสดงกับเขา 15,000 บาท จะได้เล่นซีรีส์เรื่องนั้นเรื่องนี้แน่นอน โอเคได้ถ่ายทำ ได้ออนแอร์จริง แม่ได้เห็นเราในทีวีละ แต่เงินค่าตัวนี่สิครับที่ไม่ได้รับเลย! หรือหลอกแม้กระทั่งว่าจะให้ไปถ่ายนิตยสารที่เมืองนอก ให้เราโอนค่าตั๋วไปก่อน พอถึงเวลาก็หายตัว ไปใช่แค่บุ๋นนะ หลายคนโดนและเป็นคดีความ แต่เขาใช้วิธีหายตัวไปแล้วกลับมาทำแบบเดิมอีก พอเรามีชื่อเสียงก็เอาชื่อเราไปหากิน บอกคนอื่นว่ารู้จักกับเรา เราเคยเรียนการแสดงกับเขา ซึ่งบุ๋นไม่โอเค เลยโพสต์ไปว่าถ้าทำแบบนี้อีกจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

“การหลอกคนที่มีความฝันมันแย่มากเลย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีได้โอกาสแบบบุ๋น หลายคนหมดเงินก้อนสุดท้ายที่จะใช้ทำตามความฝันในวงการบันเทิง ถือเป็นประสบการณ์ช่วงหนึ่งของชีวิตเลยที่ได้เรียนรู้ว่า ต่อให้เบื้องหน้าเขาดีขนาดไหนก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเบื้องหลังจะเป็นยังไง”

LIPS: มาถึงซีรีส์ ‘เชือกป่าน’ บ้าง เรื่องนี้บุ๋นได้แจ้งเกิดในฐานะเส้นเรื่องหลักอย่างเต็มตัวแล้ว

“เอาจริงๆ บุ๋นแอบเครียด เพราะกลัวว่าเราไม่มีประสบการณ์เพียงพอที่จะนำพาเรื่องๆ หนึ่ง หรือตรึงคนดูได้ตั้งแต่อีพีแรกไปจนอีพีสุดท้าย เราไม่ได้มีความเชื่อขนาดนั้น อย่างตอน ‘ด้ายแดง’ เรายังใหม่มากๆ แค่เล่นไปตามบทบาทที่ได้รับ แต่พอได้เป็นคู่หลักใน ‘เชือกป่าน’ เราต้องลงลึกถึงแบ็กกราวนด์ว่าอุปนิสัยตัวละครเป็นยังไง ครอบครัวเป็นแบบไหน มีพี่น้องกี่คน ฯลฯ คือทำการบ้านหนักมาก

“ตอนแรกไม่ได้คาดหวังเลยครับว่าเรื่องนี้ต้องดังหรือต้องประสบความสำเร็จมากที่สุด แค่อยากตอบแทนแฟนคลับที่รอคู่บุ๋น-เปรมมานาน เราเลยพยายามทำให้เต็มที่ที่สุด พี่นิวบอกว่าถ้าเราทำเต็มที่จริงๆ คนดูเขาก็จะสัมผัสได้เอง”

“การหลอกคนที่มีความฝันมันแย่มาก ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีได้โอกาสแบบบุ๋น หลายคนหมดเงินก้อนสุดท้ายไปเลย”

LIPS: ต่อเนื่องถึงพล็อตรักสุดคลาสสิกระหว่างเจ้าหนี้ – ลูกหนี้ใน ‘ฉันนี่แหละนายอาทิตย์ (Even Sun)’

“อันที่จริงพอ ‘ด้ายแดง’ จบ พี่นิวก็จะทำ ‘เชือกป่าน’ ต่อเลยครับ แต่ด้วยความที่เจอโควิดรอบแรกเลยต้องพับไปก่อน พอจะเปิดกล้องใหม่ บุ๋นก็ออกกำลังกายฟิตหุ่นมาเต็มที่แล้ว ดันเจอโควิดรอบสองยาวไปถึงรอบสาม พอดีทางทีมงาน ‘ฉันนี่แหละนายอาทิตย์’ ติดต่อมาว่าอยากให้บุ๋นเล่นคู่กับเปรม เราเลยถ่ายทำเรื่องนี้กันก่อน

“บุ๋นรับเล่นเรื่องนี้เพราะอยากให้แฟนคลับ รวมถึงอินเตอร์แฟนได้เห็นว่าเมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยมาก เราอยากเชิญชวนเขามาเที่ยวบ้านเรา เรื่องนี้ถ่ายทำที่เกาะเต่าเป็นหลัก เป็นความอันซีนที่คนไทยหลายคน รวมถึงตัวบุ๋นยังไม่เคยมาเที่ยวด้วยซ้ำ บุ๋นว่าสิ่งที่บุ๋นตั้งใจไว้มันประสบความสำเร็จนะ แฟนคลับหลายประเทศได้ไปเที่ยวตามรอยเราจริงๆ”

LIPS: ในขณะที่ ‘ลองของซีรีส์’ ทางช่อง 3 ถือเป็นผลงานที่ค่อนข้างฉีกออกไปเลย

“โอ้ว เรื่องนี้หนักพอสมควรครับ เล่นแล้วหอบมาก เพราะต้องใช้พลังเยอะ บุ๋นรับเรื่องนี้เพราะชอบในเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับความลี้ลับหรือไสยศาสตร์ เราอยากลองเล่นบทที่ฉีกออกไปเลย เป็นการถ่ายทำช่วงเดียวกับ ‘ด้ายแดง’ ครับ แต่ออนแอร์ทีหลัง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เปิดประสบการณ์ให้บุ๋นเลย เราไม่เคยโดนของ ไม่รู้ว่าอาการของเข้าตัวเป็นยังไง ต้องมานั่งศึกษาอย่างลงลึก ทั้งดูจากยูทูบ หรือเสิร์ชหาในกูเกิล ตอนถ่ายทำคือยากมาก อย่างฉากที่ของเข้าตัวแล้วเห็นภาพหลอน อันนี้ทั้งต้องดึงเตียง ออกแรงกระชากสุดๆ แล้วยังต้องจินตนาการภาพที่เราเห็นไปด้วย”

LIPS: มีบทไหนที่อยากลองเล่นอีกบ้าง

“อยากลองเล่นแฟนตาซีนะ บุ๋นชอบแนวแวมไพร์ จริงๆ ก็แพลนไว้แล้วล่ะครับว่าจะทำซีรีส์เกี่ยวกับแวมไพร์ พี่นิวเป็นผู้กำกับ บุ๋นร่วมเป็นโปรดิวเซอร์ด้วย เล่นเองด้วย และอยากลองกำกับตัวเองดู คาดว่าจะเริ่มเปิดกล้องช่วงสิ้นปีถึงต้นปี 2567 ครับ เราไม่อยากเร่งกระบวนการทำงานมาก ด้วยความที่ละครแฟนตาซีต้องใช้ CG เยอะ ถ้าทำไม่ถึง กลัวผู้ชมจะไม่อยากดูต่อ เราต้องวางแผนให้ดีที่สุด ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการปั้นบทครับ บุ๋นเล่นกับเปรมเหมือนเดิม แต่ก็จะมีหลายๆ คนเข้ามาสร้างสีสันด้วย

“ส่วนหนึ่งที่บุ๋นทำเรื่องนี้เพราะอยากให้น้องๆ ในค่าย (สตูดิโอ วาบิ ซาบิ) ได้โชว์ความสามารถ พวกเขามีศักยภาพสูงมาก เพียงแต่ยังไม่มีพื้นที่ในการแสดง (บุ๋นเริ่มส่งไม้ต่อแล้ว?) ใช่ครับ อยากให้น้องเจนฯ ต่อไปรับช่วงต่อ ในวันที่เราผันตัวเป็นโปรดิวเซอร์หรือไปทำงานเบื้องหลังแล้ว”

LIPS: ตัวตนของเปรมเป็นยังไงในสายตาคนวงในริงไซด์อย่างเรา

“คนภายนอกอาจจะนึกว่าเปรมหยิ่งจากสายตาที่ดูเหวี่ยง แต่จริงๆ ที่ทำตาแบบนั้นคือเปรมง่วงตลอดเวลา (หัวเราะ) เปรมเขาไม่ค่อยคุยกับคนที่ไม่รู้จัก เมื่อก่อนยิ่งหนัก ไม่เข้าสังคม มีเพื่อนสนิทอยู่กลุ่มเดียว ถ้าไม่รู้จักกัน เปรมจะเงียบกริบแบบเดดแอร์ ตอนเวิร์กชอปด้วยกันแรกๆ เปรมก็เงียบใส่บุ๋นจนพี่นักเขียนบทต้องบอกให้คุยกันหน่อย เพราะต้องเล่นด้วยกัน ตั้งแต่นั้นเราเลยเปิดใจคุยกันมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เปรมเขากล้าชวนคนอื่นคุยแล้วล่ะ

“(เปรมเป็นบุ๋นในเวอร์ชั่นเด็กขี้อายที่โรงอาหาร?) บุ๋นว่าเปรมไม่ได้ขี้อาย แต่เป็นคนโลกส่วนตัวสูง มีไพรเวตโซนว่าให้เข้ามาได้แค่นี้ ยกเว้นสนิทจริงถึงได้ผ่านเข้าไปอีกสเต็ป ตัวตนของเปรมจริงๆ คือใส่ใจคนอื่นมาก ใส่ใจรายละเอียด เวลาบุ๋นกับเปรมไม่สบายใจ เราจะไม่บอกให้คนอื่นรู้ แต่เปรมเขาสังเกตจากสายตาเรา ถ้าวันไหนบุ๋นไม่โอเค เขาจะเข้ามาถามว่าเป็นอะไรรึเปล่าครับ เหนื่อยมั้ย เราจะตบไหล่ ปลอบกันลักษณะนี้ เพราะเรารู้กันและกัน เราไปด้วยกันแบบนี้อยู่แล้ว รู้ว่าอีกคนรู้สึกยังไง

“เปรมเป็นคนน่ารัก ยอมโดนเอาเปรียบดีกว่าจะพูดว่าเขาโดนเอาเปรียบยังไง ซึ่งตรงกันข้ามกับบุ๋นที่ไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบ ถ้าทำงานอยู่ด้วยกัน บุ๋นจะเป็นคนไฟต์ให้ (เราเป็นสายบู๊?) หลังๆ เปรมบู๊แทนบุ๋นแล้วล่ะ เขาเริ่มไม่ยอมคนแล้ว (ยิ้ม)”

LIPS: กระซิบหน่อยได้มั้ยว่าวันเกิดเปรมที่ผ่านมาให้ของขวัญอะไร

“ให้แหวนตะปูของ Cartier ครับ รู้สึกว่าเข้ากับเขาดี แล้วบุ๋นก็ตั้งใจไว้แล้วว่าอยากทำอะไรที่พิเศษให้กับเปรม เลยถือโอกาสทำโปรเจกต์ร่วมกับบ้านแฟนคลับของเขา ได้ร้องเพลงที่ชื่อว่า Smile ซึ่งพี่บอย (สมภพ โภคพูล – เจ้าพ่อเพลงซีรีส์วาย) ได้ทำเพลงนี้ขึ้นมาใหม่ เป็นการสื่อสารแทนใจแฟนคลับที่อยากจะบอกว่าเปรมคือ ‘รอยยิ้ม’ ของพวกเขา บุ๋นกับเปรมคุยกันตลอดว่าสิ่งที่ให้กันไม่จำเป็นต้องมีมูลค่าสูง ทุกวันนี้ที่เราให้กันก็มากพอแล้ว แค่ได้ทำงานอยู่ด้วยกันทุกวันแบบนี้ก็โอเคที่สุด บุ๋นกับเปรมไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันพิเศษมาก เพราะทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันมันก็คือวันพิเศษแล้ว”

“เปรมเป็นคนน่ารัก ยอมโดนเอาเปรียบดีกว่าจะพูดว่าเขาโดนเอาเปรียบยังไง”

LIPS: ผลงานเพลงที่ทัชใจที่สุดเป็นการส่วนตัว

เพลง ‘หรือเราเคยพบกัน’ ซึ่งเป็นเพลงแบ็กกราวนด์ในเรื่องเชือกป่านครับ เป็นเพลงแรกที่บุ๋นมีโอกาสได้ร้อง เกิดจากพี่นิวพูดเล่นว่าอยากให้ลองร้องดู แต่เพื่อนบุ๋นเคยบอกว่าเราร้องเพลงเหมือนเสียงสวดมนต์ (ยิ้ม) เสียงเราติดแหบด้วยเพราะใช้เสียงผิดมาตั้งแต่เด็ก พอพี่นิวให้โอกาสจริงเลยลองดูครับ ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะมีคนฟังเสียงเรา 12 ล้านวิวแล้วในยูทูบ”

LIPS: บุ๋นเคยบอกว่าอยากลองงานในวงการให้หมด ตอนนี้เหลือแค่เป็นพิธีกรหรือเปล่า น่าลองสักหน่อยนะ

“หูย บุ๋นน่าจะติดเล่นซะมากกว่า เพราะเราชอบพูดไปเรื่อย เราเอนเตอร์เทนได้ แต่งานที่ต้องการความจริงจังไม่น่าเหมาะ (บุ๋นทำได้นะ เสียงได้ หน่วยก้านได้) หรือครับ? อยากลองให้ครบอยู่เหมือนกัน อาจจะชิมลางนิดนึง ถ้าติดใจค่อยว่ากัน เพราะชีวิตนึงเกิดมาก็ต้องลองเนอะ (พึมเพาเบาๆ กับตัวเอง)”

LIPS: การร่วมงานกับ ‘เตนล์ WayV’ (ชิตพล ลี้ชัยพรกุล) ในรายการ Food Truck Battle Season 2 เป็นอย่างไรบ้าง

“เตนล์เก่งมากในหลายๆ เรื่องเลยครับ อย่างเวลารายการให้คิดท่าโพส ตั้งชื่อทีม หรือออกแบบคอนเซปต์ เตนล์จะออกความเห็นก่อนใคร แถมเป็นไอเดียที่ดีมากๆ ซึ่งเราเองยังคิดไม่ออก เขาให้คำปรึกษาดีมาก ตั้งแต่รายละเอียดในโชว์ เช่น เราทำท่านี้ดีมั้ยครับพี่ รวมไปถึงการใช้ชีวิต การวางตัว ด้วยความที่วงการบันเทิงเกาหลีมีการแข่งขันสูงมาก ทุกคนต้องผลักดันตัวเอง พยายามฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา อยู่นิ่งไม่ได้ สมมติบ้านเราซ้อมวันเว้นวันได้ แต่ที่นั่นต้องซ้อมทุกวัน 10 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มเตนล์ไนซ์กับเรามากๆ พยายามชวนคุยเพราะน่าจะเดาออกว่าเราเกร็ง ในเวลาเดียวกันเราก็ได้เห็นความน่ารักของแฟนคลับเตนล์ที่รอเจอเขามานานหลายปี เลยอยากให้พวกเขาได้ใช้เวลาด้วยกันให้ได้มากที่สุด”

LIPS: กล่าวได้ว่าบุ๋นเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นสีผมคนหนึ่ง ทำแล้วหยุดไม่ได้ใช่ไหม ต่อไปเป็นสีอะไรดี

“ทำมาหมดแล้วน่ะสิครับ สีเทา สีชมพู สีทอง สีแดง สีน้ำตาล ฯลฯ ยกเว้นสีที่ฉูดฉาดจริงๆ อย่างสีเขียวอะไรแบบนี้ แต่การแต่งตัวบุ๋นชอบแค่สีดำกับสีขาว ชอบคู่สีนี้เพราะแต่งตัวออกจากบ้านง่าย เป็นลุคสตรีทบ้าง ใส่สูทเนี้ยบๆ บ้าง สีผมนี่เริ่มมาจากคาแรกเตอร์ ‘เฮียวิน’ ในด้ายแดงครับ พอเราเปลี่ยนเป็นผมดำแล้วคนไม่ชิน (ยิ้ม) จำได้ว่าในรอบ 5 ปีนี้ บุ๋นย้อมกลับไปเป็นสีดำแค่ครั้งเดียวตอนเล่นซีรีส์ ‘7 Project ตอน กาลครั้งหนึ่ง…ในความทรงจำ’

“หยุดไม่ได้แล้วครับ เสพติดการทำสีผมไปแล้ว (หัวเราะ) ถ้าผมร่วงเยอะเดี๋ยวไปปลูกผมหรือไม่ก็ใส่วิกเลย นี่บุ๋นก็เพิ่งทำสีผมมา เป็นสีทองที่มีสีชมพูนิดนึง ทำสีนี้ไปงานแฟนมีตเวียดนาม พอแฟนคลับไทยเห็นรูปก็ถามว่า พวกเราไม่ใช่ลูกป๊าหรือ? ไม่เห็นทำสีนี้ตอนอยู่ไทย บุ๋นเลยสระผมแค่ครั้งเดียว! ตั้งแต่ไปเวียดนามจนกลับมาออกงานเมื่อวานนี้ กลัวสีผมหลุด อยากให้แฟนคลับไทยได้เห็นก่อน ถึงค่อยสระผมได้อย่างสบายใจ (แฟนเซอร์วิสไม่มีพร่อง?) ใช่ จนผมเหนียวมาก (หัวเราะ)”

LIPS: เล่าความประทับใจที่มีต่องานแฟนมีตและชาวด้อม ‘กองกำลังบุ๋นเปรม’ ในต่างแดนให้ฟังหน่อย

“ช่วง ‘ด้ายแดง’ มีหลายประเทศเลยครับที่ติดต่อให้เราไปจัดแฟนมีต แต่ตอนนั้นไปทันแค่พม่าที่เดียวก่อนชัตดาวน์โควิดรอบแรก ในพม่ามีแฟนคลับเราเยอะมาก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะดูละครเราด้วย ล่าสุดเพิ่งได้กลับมาจัดแฟนมีตอีกรอบหลังโควิด เราประเดิมที่เกาหลีเป็นที่แรก ซึ่งจริงๆแล้ว อุตสาหกรรมบันเทิงเขาแน่นมาก ไอดอลหน้าตาดีกันหมด ไม่รู้นึกยังไงมาตามเราเนาะ (หัวเราะ) แต่ดีใจนะครับที่ไปเดินฮงแดแล้วคนที่นั่นจำเราได้ด้วย

“บุ๋นสนุกนะเวลาไปงานแฟนมีตต่างประเทศ แฟนคลับคอยส่งเสียงเชียร์ตลอด ไม่ว่าจะฟังเราออกหรือฟังไม่ออก หรือไม่ว่าเราจะทำอะไร ตอนนี้ที่ยืนยันแล้วมีงานแฟนมีตที่ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เดี๋ยวมีประเทศอื่นอีกครับ แต่ยังไม่ได้ประกาศแบบออฟฟิเชียล อย่างบราซิลก็ติดต่อเข้ามา ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนที่อยู่อีกทวีปหนึ่งเขาได้ดูผลงานเราด้วย”

LIPS: ทุกวันนี้บุ๋นให้ความสำคัญกับอะไรบ้าง

“ครอบครัว แฟนคลับ แล้วก็คนที่ทำงานด้วยกันครับ ครอบครัวคือยกไว้บนหิ้ง ส่วนแฟนคลับคือให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะต่อให้ผลงานดีแค่ไหน ถ้าเราไม่มีพื้นที่แสดงความสามารถ ไม่มีแฟนคลับคอยซัพพอร์ต เราก็ยืนอยู่จุดนี้ไม่ได้เลย

“จริง ๆ ไม่ต้องซื้อของแพงหรือทำอะไรใหญ่โตให้เราเลย แค่แท็กข้อความมาทางทวิตเตอร์หรือไอจีให้เราได้อ่านก็ปลื้มใจมากๆ แล้ว บุ๋นเคยเสนอแฟนคลับนะว่าเปลี่ยนจากโปรเจกต์เป็นทำการกุศลกันมั้ย แต่เขาบอกว่าอยากทำให้แบบนี้ก็เลยไม่ขัดศรัทธา เอาที่แฟนคลับมีความสุข ส่วนฝั่งอินเตอร์ บุ๋นก็พยายามสื่อสารกับเขาตลอด ถึงเราจะไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมาก บุ๋นฝึกร้องเพลงภาษาเขาไว้ทุกประเทศที่เราจะไปจัดแฟนมีต เพราะอยากให้แฟนคลับรู้ว่าเราให้ความสำคัญกับเขา ถึงจะไม่สามารถสื่อสารกันได้เต็มที่ก็อยากให้รู้ว่าเราใส่ใจ

“เราเป็นแฟนคลับของ ‘กัปตัน ชลธร’ และ ‘มาร์ค ต้วน’ วง GOT7 เลยเข้าใจความรู้สึกและความคาดหวัง อย่างไฮทัช เราไม่อยากให้แปะมือแล้วเดินออก บุ๋นรู้สึกว่ามันไม่ใช่…กับการที่ใครสักคนต้องลงทุนลงแรงมาดูเรา บุ๋นอยากมองหน้าทุกคน อยากแชร์ความรู้สึกในช่วงเวลาสั้นๆ ต่อให้เป็นไฮทัชหนึ่งวินาที อย่างน้อยเราควรได้จับมือกัน ได้ทักกันนานๆ นิดนึง ให้แฟนคลับรู้ว่าเราดีใจนะที่ได้มาเจอเขา”

LIPS: เห็นรูปเก่าภาพหนึ่งที่บุ๋นได้ถ่ายคู่กับกัปตันสมัยเป็นติ่ง หลังจากนั้นได้เจอกันอีกหรือเปล่า

“พอเข้าวงการก็ได้เจอหลายงานอยู่ครับ แต่แค่ไม่กล้าคุย ไม่กล้าทักเหมือนเดิม (หัวเราะ) รูปคู่รูปนั้นเป็นสมัยตามติ่ง บุ๋นตั้งใจไปถ่ายรูปเขาเลย เป็นการรวบรวมความกล้าแบบสุดๆ ต่อแถวยาวๆ เพื่อรอถ่ายรูปกับเขา ได้แค่นั้นพอแล้ว ตั้งแต่ทำงานในวงการมา บุ๋นกล้าขอถ่ายรูปกับกัปตันอีกหนึ่งครั้ง จำได้ว่าเป็นงานแฟชั่นโชว์ บอกเขาว่าขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยค้าบ…บ (ทำเสียงอ่อน) คือเกร็งไปหมด เกร็งมากๆ ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่บอกว่ายังติดตามอยู่ตลอดนะ”

“บุ๋นอยากส่งต่อบทสัมภาษณ์นี้ อย่างน้อยอาจเป็นจุดเริ่มต้นให้ใครบางคนที่อยากลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูสักตั้ง”

LIPS: แล้วเอเชียทัวร์ของมาร์ค GOT7 ที่จะมาไทยในเดือนนี้ บุ๋นได้กดบัตรกับเขามั้ย

“หูย…ย กดสิครับ มาร์คมาเล่นที่กรุงเทพฯ 5 – 7 พ.ค. แล้วค่อยไปขอนแก่น (เชื่อแล้วว่าเป็นแฟนบอยตัวจริง) ข้อมูลแน่นครับ บุ๋นไปดูได้แค่ 2 วัน ที่เหลือติดงานแล้ว GOT7 เป็นศิลปินเกาหลีวงแรกที่บุ๋นฟัง บุ๋นโดนมาร์คตกตั้งแต่เพลง Just Right เมื่อ 8 ปีที่แล้ว คือนานมาก จำได้แม่นว่าในเอ็มวีมาร์คใส่เสื้อสีเหลือง ผมสีทองแซมชมพูนิดนึง บุ๋นชอบสไตล์การแต่งตัวของเขา ชอบหลายๆ อย่าง เลยพยายามซัพพอร์ตให้ได้มากที่สุด มีจัดคาเฟ่วันเกิด บินไปดูคอนเสิร์ต GOT7 ที่เกาหลี ซื้อคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าเขาทั้งหมด ฯลฯ

“(จะมีโอกาสได้ถ่ายรูปคู่เหมือนกัปตันมั้ย?) โห…บุ๋นไม่กล้าอะ รอถ่ายรูปมาร์คจากข้างล่างเวทีดีกว่า แค่ได้วีดีโอคอลก็แทบตาย (เล่าพร้อมออกอาการเกร็ง) ช่วงที่มาร์คออกอัลบั้ม The Other Side ใหม่ ๆ คืนนั้นบุ๋นถ่าย ‘เชือกป่าน’ อยู่ครับ เป็นคิวที่หนักมาก ไดอะล็อกเยอะสุดๆ แต่เราก็อุตส่าห์ลงเล่นคอลไซน์ไว้นะ (ยิ้ม) พอถึงเวลา จังหวะมันไม่ได้เพราะติดถ่ายพอดี แต่ไม่น่าเชื่อว่าวันต่อมามีสุ่มผู้โชคดีอีกรอบ ปรากฏว่าแจ็กพอต…บุ๋นได้คอล!!

“เราไม่เก่งภาษาอังกฤษ จังหวะนั้นคือถือสคริปต์อ่านเลยครับ บอกว่าเขาเป็นไอดอลของเรา เป็นกำลังใจให้เราอยากทำตามความฝัน แต่ที่เขาตอบกลับมาแล้วบุ๋นจำได้ดีก็คือ มาร์คบอกว่าเขารู้จักเรา!! ช็อกเลย แค่นี้คือพอ คอมพลีตแล้วชีวิตติ่ง”

LIPS: มีภาพของการแต่งงาน มีลูก มีครอบครัวมั้ย

“ไม่เลย เป็นศูนย์เลย บุ๋นไม่ได้มีภาพในอนาคต เพราะความคิดคนเรามันเปลี่ยนไปเรื่อยตามช่วงอายุ อย่างตอนเด็กๆ บุ๋นฝันอยากเป็นนักโบราณคดี ชอบประวัติศาสตร์ทุกอย่าง ไม่ว่าฟอสซิล กรีกโบราณ ฯลฯ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว (หวงความโสดรึเปล่า?) ไม่หวงนะ ทุกวันนี้บุ๋นทำแต่งานๆๆ แค่ตอบไลน์ยังยากเลย แล้วจะคุยกับใครเขารู้เรื่อง (หัวเราะ) นี่บุ๋นไม่ได้ตอบไลน์ใครเลย ยกเว้นว่าโทรมา แต่ถ้ารับสายก็รีบคุยรีบวาง เพราะทำงานเหนื่อยแล้วขอพักผ่อนดีกว่า

LIPS: รูปในไอจีที่นอนหนุนหิมะแล้วบรรยายว่าอยากทำตั้งแต่เด็ก ความฝันนั้นคืออะไร

“อ๋อ แก้ผ้ากลางหิมะครับ (หัวเราะ) แต่ผมใส่บ็อกเซอร์นะ เดี๋ยวนู้ดเกิน คือเป็นหิมะครั้งแรกในชีวิตครับ ได้เห็นเกล็ดหิมะตกลงมา ชอบมาก หิมะที่ซับโปโรหนามาก เราอยากสัมผัสมาตลอดว่าหิมะจริงเป็นยังไง บุ๋นแทบไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยครับ ยิ่งตอนเด็กๆ นี่ไม่เลย ต่างประเทศก็น่าจะเคยไปจีนแค่ครั้งเดียวแบบจำความไม่ได้ เพราะอากง (คุณตา) เป็นคนจีนแท้ๆ ที่ขึ้นเรือสำเภามาอยู่เมืองไทย พอทำงานในวงการถึงเพิ่งได้ไปญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ดีใจที่ได้ออกไปเห็นโลกภายนอกบ้าง”

LIPS: ได้ข่าวว่าชอบรถแต่งด้วย ความหลงใหลนี้มีที่มาอย่างไร

“น่าจะโดนพี่ชายปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กครับ โตมาเลยชอบรถแต่ง รถดริฟต์เหมือนเขา คันใหม่บุ๋นยังไม่ได้แต่ง ส่วนเบนซ์คันเก่านี่แต่งเต็มที่ในตอนที่เราเริ่มมีกำลังทรัพย์แล้ว แต่บุ๋นไม่ได้เอารถไปดริฟต์นะ กลัวเกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บขึ้นมาแล้วทำงานไม่ได้ ถ้าจะดริฟต์เราต้องไปเรียนก่อน อยากลองอยู่เหมือนกันครับ”

LIPS: นอกจากจะร่วมหุ้นเป็นเจ้าของกิจการคาเฟ่ ทำแบรนด์เซรั่มเกาหลี ยังมีธุรกิจอะไรที่อยากทำอีก

“ต่างหู คือบุ๋นติดแอ็กเซสเซอรีส์หลายอย่าง ทั้งกำไลข้อมือ นาฬิกา แหวน ต่างหู ถ้าไม่ใส่จะรู้สึกไม่มั่นใจเวลาออกจากบ้าน แฟนคลับหลายคนไม่ได้ตามเราจากซีรีส์ แต่ตามเพราะชอบแอ็กเซสเซอรีส์ ชอบสไตล์การเจาะหู แล้วเขาก็เจาะตาม ทั้งการเว้นช่อง หรือดูว่าเจาะยังไงให้เชื่อมกัน บุ๋นชอบเจาะหู ตอนนี้มี 8 รูแล้วฮะ จริงๆ บุ๋นแพลนจะออกต่างหูตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แต่พอโควิดมาก็ไม่อยากให้คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกับสิ่งที่ไม่จำเป็น นี่ก็ชะลอออกไปเรื่อยๆ จนแฟนคลับเขาเจาะเกิน 8 รู แซงหน้าบุ๋นไปละฮะ (แซวเก่ง)”

LIPS: เห็นรอยสักบนแผ่นหลังในละครคือเท่สุดๆ แล้วรอยสักในชีวิตจริงล่ะ

“บุ๋นอยากสักมาก (ลากเสียงยาวสุด) แต่พี่นิวยังไม่ให้ เพราะอาจจะดูไม่เหมาะกับภาพลักษณ์บางผลิตภัณฑ์ ไว้วางมือจากงานเบื้องหน้า บุ๋นจัดเต็มแน่นอน ลายสักแรกที่คิดเอาไว้คือลายไม้กางเขนครับ ว่าจะสักตรงหลังหู แรงบันดาลใจมาจากมาร์ค ต้วน นี่ล่ะ บุ๋นชอบไม้กางเขนลายกุหลาบที่อยู่ตรงน่องเขา (รอบนี้ขอให้ได้ถ่ายรูปกับมาร์คนะ ทางนี้รอหวีด) โอ๊ย…สาธุบญครับ (ยกมือขึ้นพนม)”

สถานที่: DIVANA SCENTUARA SPA
Words: Sasi Akkomee
Photos: Somkiat Kangsdalwirun

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม