Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

“ไทยแลนด์สักที” แอนโทเนีย โพซิ้ว กรี๊ดในใจตอนรอมงมิสยูเวิร์ส กับปมโดนบูลลี่รูปร่างตอนประกวด The Face

Culture / Entertainment

แอนโทเนีย โพซิ้ว สวมมงมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 และตำแหน่งรองอันดับหนึ่ง มิสยูนิเวิร์ส 2023 มาออกรายการ ‘กรรมกรข่าว คุยนอกจอ’ เปิดใจเกือบ 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ช็อตเช็กขนใต้คางหน้ากระจก ฝึกยิ้มสลายปากคว่ำ มิสนิการากัวใช้ล่าม ยุติธรรมหรือไม่ เธอพร้อมหรือยังที่จะย้อนดูช็อตการประกาศชื่อมิสยูนิเวิร์ส จนถึงการโดนบูลลี่รูปร่างว่าอ้วน แถมเสียงเหมือนกะเทยสมัยประกวด The Face แอนโทเนียคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องเล่านี้ LIPS จะเล่าให้ฟัง 

30 พฤศจิกายน แอนโทเนียไปออก ‘กรรมกรข่าว คุยนอกจอ’ รายการที่ไลฟ์เฉพาะในยูทูบหลังจากจบรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ให้สรยุทธ สุทัศนะจินดาและตูน-ปรินดา คุ้มธรรมพินิจ สัมภาษณ์เบื้องหลังเวทีประกวดมิสยูเวิร์สที่จบลงด้วยดรามา เมื่อสุดท้ายคนที่ถูกขานชื่อให้มงลงคือ เชย์นิส ปาลาซิโอส มิสนิการากัว 

“ไม่ได้กลับไปดูย้อนหลังเลย น้ำตาจะไหล วันหนึ่ง…อาจจะปีหน้า (จะย้อนกลับไปดู) ตอนทำใจได้แล้ว ตอนนี้แค่ดูวิดีโอสั้นๆที่แฟนคลับโพสต์ใน TikTok ก็ฮือ…(ทำท่าร้องไห้) เราทำดีที่สุดแล้ว ไม่ได้เสียใจอะไร เราต้องโฟกัสกับอะไรที่เกิดขึ้นในชีวิตตอนนี้และสนุกไปกับมัน” แอนกล่าว  

“ไทยแลนด์ซักที อร๊ายยย”

เมื่อถูกถามว่า ช็อตที่จับมือกับมิสนิการากัว รอประกาศชื่อผู้ได้สวมมงกุฎ แอนคิดอะไรในโมเมนต์นั้น เธอตอบว่า

“แอนบีบมือเขาแรงมาก ในใจคิดว่า ‘ไทยแลนด์ซักที ไทยแลนด์ซักที’ ข้างในแอนกรี๊ดอยู่ค่ะเหมือนแฟนนางงามที่ดูอยู่ที่บ้าน แต่ภายนอกนิ่งมาก ในใจกรี๊ด ‘ไทยแลนด์ซักที ไทยแลนด์ซักที เร็วๆ เร้ววววว อร๊ายยยยยยย’ ตอนนั้นเราต้องคีปลุคค่ะ ไว้เดี๋ยวเขาเรียกไทยแลนด์เราค่อยกรี๊ดออกมา แต่เขาก็ไม่เรียกไทยแลนด์ซักที (หัวเราะแห้ง)”

ช็อตประกาศชื่อมิสยูนิเวิร์ส 2023 

พอได้ยินเสียงประกาศว่า ‘มิสนิการากัว’ ในใจคิดอย่างไร “แอนปล่อยทุกอย่าง เหมือนจะละลายไปกับพื้น แต่ก่อนจะละลายก็มีเจ้าที่มาเชิญ ‘ออกค่ะ’ เรายังงงๆอยู่เลย เอ่อ โอเค ไปไหนก็ไปค่ะ…วันที่ประกวดรอบสุดท้าย หนูจำได้แว้บๆ เป็นบางช่วง จำได้แค่ว่าต้องเดินไปตรงนี้ตรงนั้น นอกนั้นเราปล่อยฟรี มันคือโอกาสสุดท้ายของเรา

“เรื่องชุด ผม แต่งหน้า สติ ทุกอย่างต้องเป๊ะ ต้องตรงเวลา ต้องเตรียมพร้อมก่อนจะขึ้นเวลา เราต้องมีสติมากๆ เพราะเราต้องแต่งหน้าทำผมเองด้วย ต้องโฟกัสว่าเราจะทำผมยังไง มันจะอยู่ไหม แสงบนเวทีไม่เหมือนแสงธรรมดา เราต้องแต่งหนักกว่าเดิม ทุกอย่างต้องเป๊ะให้พร้อมไปออกกล้องบนเวที… ทางสปอนเซอร์ทัชอัปให้ได้ แต่เราต้องลงรองพื้น เขียนคิ้ว ทำมาให้หมด ผมต้องสระมาให้สะอาดและแห้ง ห้ามให้เขาเป่าไดร์ให้ แต่เขาจะม้วนและหนีบผมให้ตรงให้ได้”  

วันเปลี่ยนชีวิตของแอนโทเนีย

แอนเล่าย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2023 วันประกวดรอบชิงชนะเลิศมิสยูนิเวิร์สที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาลว่า

“วันนั้นตื่นมาก็ไปซ้อมบล็อกกิง ซึ่งทุกครั้งก่อนขึ้นเวทีแอนไหว้ย่าโมและพระแม่ธรณี และทุกโอกาสแอนจะไหว้ ไหว้ ไหว้ แอนบอกเพื่อนๆนางงามว่า ถ้าเห็นแอนไหว้ แอนไม่ได้ทำอะไรใส่ยูนะ แอนแค่ไหว้ขอให้ตัวเอง ขอให้ดูแลลูก ขอให้ลูกให้ดีที่สุด วันนั้นก็ซ้อมบล็อกกิงทั้งวัน คือผู้หญิง 86 คนมารวมกัน บางคนไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ เราต้องซ้อมไปเรื่อยๆจนกว่าทุกคนจะเข้าใจ 

Photo: @porxild

“ในใจแอนมั่นใจว่าเข้ารอบ 20 คนแน่นอน แต่ก็เผื่อใจไว้นิดหนึ่ง เผื่อไม่ได้จะได้ไม่ต้องเสียใจเต็มร้อย พอท็อป 10 ก็ตื่นเต้นมาก รอบท็อป 5 ไทยเคยถึงรอบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2019 แอนเลยอยากทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยต้องท็อป 5 แต่จริงๆคือต้องมง! ตอนประกาศเข้ารอบท็อป 5 เขาประกาศชื่อเราเป็นคนที่ 4 ในใจคือ ‘ไทยแลนด์ซักทีๆ’ 

“พอเจอคำถามรอบท็อป 5 เกี่ยวกับเรื่องเด็กที่โดนบูลลี่ ถ้าเขาดูอยู่ อยากบอกอะไรกับเขา แอนเคยฝึกตอบคำถาม ดูคำถามที่ทางกองเคยถามมาก่อน ย้อนไปประมาณ 10 กว่าปี ฝึกถามมา-ตอบไป ตอนที่เขาถาม แอนตั้งใจฟังทีละคำ จนมาถึงคำที่ว่า ‘ถ้าคุณอยู่ในห้องกับเด็ก…’ แอนนึกไปถึงตอนที่เราทำมูลนิธิการกุศล ซึ่งเราเจอกับเด็กเยอะ เรานึกไปถึงตอนนั้นว่าเราจะเข้าหาเด็กอย่างไรโดยส่งผลมาก แต่เราไม่ใช้คำที่ยากเกินไป 

“อะไรที่ง่ายคือ อย่าฟังสิ่งที่คนอื่นพูด หรือสิ่งที่คนอื่นมาตัดสินเรา มันไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนแบบนั้น เราต้องกล้าลุกขึ้นมาเป็นกระบอกเสียงให้ตัวเอง ถ้าเราพูดกับผู้ใหญ่ วิธีการพูดคงไม่เหมือนกัน แต่เวลาเราพูดกับเด็กต้อง simple and effective เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ แต่หลายคนบอกว่า โอ๊ย มัน simple เกินไป แต่ถ้ายูฟังคำถามดีๆ เขาบอกว่า ถ้ายูอยู่ในห้องกับเด็ก (ที่โดนบูลลี่) จะพูดอะไร บางคนบอกว่า โอ๊ย ชีรู้คำถามล่วงหน้า เพราะชีตอบเร็วมาก แต่ไม่เลย หนูฟังคำถามคำต่อคำ ไม่ได้เอาเวลามาคิดหลังจากเขาถามเสร็จ จะได้ไม่เปลืองเวลา 

“อาจจะเพราะเราซ้อมกับแม่ปุ้ยมาเยอะ ซ้อมเรื่องการตอบ เรื่องเวลา เพราะแอนชอบคิดเยอะ พูดเยอะ มีหลายอย่างอยู่ในหัว เราต้องพยายามตอบให้กระชับที่สุด พยายามหายใจเข้า หายใจออก และโฟกัสเรื่องเสียงที่จะออกลำโพง ตอนซ้อมแอนถามทางกองว่าเสียงจะออกมาเป็นแบบนี้หรือเปล่า เพราะเราไม่ได้ยินคำถามชัดเจน ถึงเวลาจริงจะมาบอกให้เขาถามซ้ำอีกรอบก็ไม่ได้ ตอนซ้อมเหมือนเขาไม่ได้เปิดลำโพงที่หันมาทางเรา ก็เลยถาม เขาบอกว่ายังไม่ได้เปิดลำโพง แต่เดี๋ยวจะเปิดให้ได้ยิน”

คำถามรอบชิง กับคำตอบมงลง

เป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปีตั้งแต่ปี 2019 ที่นางงามจากไทยเข้าถึงรอบท็อป 3 บนเวทีมิสยูนิเวิร์ส แอนเล่าความรู้สึกว่า 

“รอบท็อป 3 แอนลุ้นมากๆ ตื่นเต้นมากๆ ทุกคนได้คำถามเดียวกัน คำตอบของเราต้องดีกว่าอีกสองคน ต้องแตกต่างและอิมแพ็กด้วย อีกสองคนใส่หูฟังและเปิดเพลงตอนที่กรรมการถาม แอนตอบเป็นคนแรก”

แอนเคยเก็งคำถามล่วงหน้า กองประกวดน่าจะถามประมาณว่า มีผู้หญิงคนไหนเป็นแบบอย่างหรือแรงบันดาลใจ ซึ่งเธอมาถูกทาง

“แอนเคยฝึกตอบคำถามที่คล้ายกับคำถามนี้มาก แต่จริงๆในโมเมนต์นั้น แอนคิดอยู่ว่าเขาจะถามอะไร เก็งคำถามไว้ว่า ‘ถ้ายูชนะและได้แพลตฟอร์มนี้จะทำอะไร’ แต่คำถามจริงแตกต่างจากที่เราคิดไว้เลย ตอนแอนฝึกตอบกับแม่ปุ้ย แอนอยากตอบว่าย่าโม เพราะแอนเคารพย่าโม เป็นผู้นำ เป็นผู้หญิงที่กล้าหาญ แต่พอเรานึกถึงผู้ชมที่เป็นนานาชาติก็ โอเค ต้องเปลี่ยนคำตอบ 

มาลาลา ยูซาฟไซ นักสิทธิมนุษยชนชาวปากีสถาน

“แอนจะเลือกตอบว่าคุณแม่ก็ได้ แต่คลิเชมาก ทุกคนตอบว่าคุณแม่ได้ แต่ถ้าเลือกได้แอนก็อยากเลือกตอบคุณแม่ เพราะเป็นคนที่สร้างให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้ แต่นั่นเป็นคำตอบทั่วไปมาก แอนเลยเลือกตอบ ‘มาลาลา ยูซาฟไซ’ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้แอนตั้งแต่เด็กแล้วในเรื่องการศึกษาของเด็กและพลังหญิง หลายคนก็เข้าไปดูว่าเขาทำอะไรและเข้าใจสิ่งที่แอนตอบมากขึ้น

“พอตอบเสร็จ พูดตรงๆเลยนะคะ แอนบอกตัวเองว่า ‘มันได้มากกว่านี้’ ทำไมยูไม่เรียกร้องให้คนลงมือทำ อาจเป็นเพราะเราตื่นเต้น ไม่รู้ด้วยว่าเวลาผ่านไปกี่นาทีแล้ว ตอนอยู่บนเวทีมีหลายเรื่องที่เรากังวล แสง กรรมการจ้องเรา ผู้ชมมองเรา ความเครียดจากหลังเวที ทุกอย่างมารวมกันในโมเมนต์นั้น เราเลยอาจจะพลาดบางอย่าง แต่แอนทำดีที่สุดในเวลานั้น  

“แอนได้ฟังคำตอบของอีกสองคน มิสออสเตรเลียตอบว่าเลือกคุณแม่ เราก็คิดว่าทำไมเราไม่เลือกตอบคุณแม่ แล้วก็คิดได้ว่า ดีแล้ว ไม่อย่างนั้น คำตอบจะเหมือนกัน โอเค ไม่เป็นไร แต่พอนิการากัวตอบ เราก็โอเค เห็นด้วยในคำตอบของเขา เขามีข้อเท็จจริงมาแบ็กอัปคำตอบ เขาเป็นผู้ชนะที่สมควรจะได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส

ใช้ล่ามกับตอบเอง แบบไหนแฟร์?

ดราม่าบังเกิดจากจุดนี้เองที่มิสนิการากัวตอบและหยุดเป็นช่วงๆ เพื่อให้ล่ามแปลภาษาสเปนของเธอเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้แฟนนางงามมองว่าไม่ยุติธรรม เพราะมีเวลาคิดตอบคำตอบมากกว่านางงามคนอื่น 

มิสนิการากัวตอบคำถามรอบชิงเป็นภาษาสเปน และมีล่ามแปลเป็นภาษาอังกฤษ

“เรื่องที่มิสนิการากัวใช้ล่ามจึงมีเวลาคิด แอนได้ยินเรื่องนี้ แอนคิดว่าทางกองน่าจะมีระบบที่วางไว้ว่ามีการหยุดเวลา (ตอนล่ามแปล) เพื่อให้ยุติธรรมกับทุกคน และการใช้ล่ามไม่ได้ผิดเลย หลายคนที่มาประกวดก็ไม่ได้มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เขาเก่งที่สุด เขาต้องใช้วิธีให้เขาสื่อสารได้ดีที่สุด แอนคิดว่าไม่ได้ไม่ยุติธรรมหรือเป็นข้อได้เปรียบอะไร สุดท้ายเราเลือกจะมาอยู่จุดนี้และเป็นตัวแทนของทุกคน และแชร์ความคิดเห็นแบบนี้ ถ้ามันไม่แฟร์ ทางกองประกวดคงไม่มีล่ามให้ตั้งแต่แรก และเขาคงบอกว่าการพูดภาษาอังกฤษได้ต้องเป็นข้อบังคับอย่างหนึ่ง ถ้านี่เป็นกติกาที่เขาใช้ ก็ให้เขาใช้ไปเลยค่ะ” 

มิตรและศัตรูในกองประกวด

ถามว่าสนิทกับมิสนิการากัวไหม แอนตอบตรงไปตรงมาว่า 

“ไม่ค่อยค่ะ แอนไม่ได้อยู่ในกลุ่มอะไรเลย แอนชอบไปคุยกับทุกคน นั่งกินข้าวได้กับทุกคน ตอนที่เรากินข้าวมีหลายโต๊ะ มีที่ว่างตรงไหนก็นั่ง จะได้รู้จักกับหลายคน แอนชินแล้ว แอนโตมากับโรงเรียนนานาชาติที่ต้องย้ายโรงเรียนตลอดเวลา การไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแอน ถ้าเราอยู่แต่กับบางคน เราจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเกี่ยวกับตัวเองและคนรอบข้าง และจำกัดตัวเองอยู่แต่ในพื้นที่ปลอดภัย เราจะจำกัดความสามารถและการเรียนรู้ของเรา”  

แล้วกับมิสเนปาลที่มีข่าวลือว่าไม่ชอบแอนล่ะ?

“วันที่ 2 หรือ 3 ได้มานั่งคุยกัน คุยได้ แต่ไม่ได้สนิท แอนได้ยินหลังจากประกวดเสร็จแล้วว่ามีนางงามคนหนึ่งไม่ชอบแอนเลย จะทำทุกวิธีไม่ให้แอนชนะ ถ้าแอนชนะจะถีบ แอนจำได้ว่าไม่ได้พูดไม่ดีกับใครเลย เฟรนด์ลี่กับทุกคนมากๆ เลยงงมากว่านางงามคนนี้จะพูดแบบนี้ อาจเป็นคนอื่นที่อยากสร้างข่าวลือหรือเปล่า แอนไม่ได้คิดมาก 

“แอนเฉยๆ เป็นธรรมดาที่นางงามจะอิจฉาหรือไม่ชอบกัน เรามาจากวัฒนธรรมที่ต่างกัน จะเข้ากันทุกคนไม่ได้ อยากให้ทุกคนรู้ว่าการเป็นนางงามหรือวงการนามงามไม่ใช่สวนลาเวนเดอร์ที่สวยตลอดเวลา ก็มีไม่ชอบกันบ้าง มีรองเท้าสลับกัน ชุดโดน…เบื้องหลังมีหลายเรื่อง มันคือการแข่งขัน บางคนก็อยากชนะในทางที่ต่างออกไป ซึ่งแอนเข้าใจ แต่แอนเชื่อในเรื่องกรรม ถ้าอะไรเกิดขึ้นที่ไม่ดีที่เขาทำใส่เรา เราก็ไม่ต้องไปทำไม่ดีใส่เขา ก็หวังว่ามันจะเป็นข่าวลือค่ะ  

“แอนพยายามไม่มองในมุมลบ ทำไมสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้นกับเรา มันไม่แฟร์ แต่ถ้าคิดว่า โอเค มันเกิดเรื่องนี้ขึ้น เราไปหาอะไรที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ไปเจอคนอื่นมากขึ้น have fun ค่ะ มันคือโอกาสที่มาแค่หนึ่งครั้งในชีวิต ถ้าเราไปโฟกัสกับอะไรที่เนกาทีฟก็จะเปลืองเวลาของเรา อย่างมีบางครั้งที่เพื่อนไปทำกิจกรรมกันแล้วแอนไม่ได้ไป อยู่โรงแรมคนเดียว โอเค งั้นเก็บห้องดีกว่า ห้องสกปรก ไปคุยกับพี่เลี้ยง ไปหาคนอื่นที่ไม่ได้ไปทำกิจกรรมด้วย รีดผ้า ทำอะไรก็ตาม”

นางงามที่เคยโดนบูลลี่ว่าอ้วนและเสียงกะเทย

บนเวทีดูนิ่งสง่านางพญา แต่ในรายการนี้ แอนได้เผยตัวตนสุดเรียลที่โก๊ะแก่นเซี้ยวแสนซน 

“เวลาอยู่ห้องก็จะซ้อมหน้ากระจกทุกจุด (ทำท่าจัดชุด จัดผม เช็กสิว) เราไม่ได้เป็นนางฟ้า เราเป็นคน บางทีเราก็มีสิวบนหน้าผาก มีขนขึ้นที่คาง ต้องเช็กรายละเอียด สุดท้ายมันคือการแข่งขันของความงาม แอนสังเกตว่าตัวเองปากคว่ำก็ต้องยิ้มให้มากขึ้น ฝึกยิ้มหน้ากระจก (ทำท่ายิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ ยิ้มเห็นฟัน) เพราะว่าแอนไม่ได้เป็นคนหยิ่ง (ทำท่ายิ้มปากคว่ำแบบแม่นายการะเกด) แอนเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ถามใครในกองก็ได้ แต่บนเวทีเราต้องคีปลุค ต้องมั่นใจว่าไม่มีใครทำให้เราสั่นไหวได้ แต่ในใจคืออร๊ายยยยยยย เวลาไปออกรายการหรืออะไรก็ตาม แอนพยายามเป็นตัวเองแบบเรียลที่สุด อยากให้คนเห็นว่านางงามอีกด้านที่สดใสเป็นตัวเอง เดี๋ยวคนคิดว่าเราเข้าหายาก

เธอยังเล่าถึงช่วงเข้าวงการบันเทิงครั้งแรก ชิมลางแคตวอล์กนางแบบในวัยเพียง 17 ปีว่า  

“แอนเข้าวงการตอนประกวดเดอะ เฟซ ซีซันแรก ตอนอายุ 17 ไม่ต้องโชว์ภาพก็ได้ค่ะ (บอกทีมงานแบบกลัวๆรูปตัวเองสมัยวัย 17) เป็นช่วงที่แอนโดนบูลลี่เรื่องรูปร่างมากที่สุดและยังติดมาจนถึงทุกวันนี้ คนบอกว่า ‘อ้วน! เป็นนางแบบได้ยังไง’  ‘เสียงต่ำแบบนี้นึกว่าเป็นกะเทย’ ไม่เคยรู้เลยว่ารูปร่างของเรามันสำคัญมากจนเป็นสิ่งที่คนมาตัดสินอนาคตของเรา 

แอนสมัยประกวดมิสซูปราเนชันแนล

“แอนบอกตัวเองว่าอยากเรียนด้านการตลาด เพื่อจะสร้างเอเจนซีโฆษณาที่เปลี่ยนมุมมองด้านความงามในวงการบันเทิง ไม่อยากให้ใครมีความรู้สึกแบบนี้ที่มองตัวเองในกระจกแล้วไม่แฮปปี้ ไม่รักตัวเอง มองตัวเองว่าไม่สวย สิ่งที่คนควรจะมองคือมองว่าคนนี้เป็นคนดีหรือเปล่า ทำอะไรที่ดีเพื่อสังคมหรือเปล่า แอนคิดว่าไม่ว่าใครก็ตามออกไปทำอะไรตามความฝันของตัวเองเลย อย่าให้ใครจะจำกัดความฝันของเราค่ะ” 

ชวนแฟนนางงามมูฟออน

สิ่งที่แอนฝากบอกแฟนนางงามที่ส่งกำลังใจให้แอนโทเนีย ลูกย่าโม Go จักรวาลก็คือ  

“แอนเข้าใจว่าทุกคนยังไม่มูฟออน ยังเจ็บไปกับแอน เพราะเราไปไม่ถึงเป้าหมาย แต่แอนไม่อยากให้ใครไปบูลลี่คนอื่น เพราะที่สุดแล้ว องค์กรเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการของเขาในเวลานี้ อยากให้ทุกคนส่งกำลังใจให้เชย์นิส มิสนิการากัวด้วยค่ะ เพราะผู้หญิงทุกคนที่มาประกวดทำเต็มที่ เรามีความฝันและเป้าหมายที่อยากไปถึง และในที่สุดมีผู้ชนะเพียงแค่คนเดียว อยากให้ส่งพลังบวกไปให้…เรายังมีอีกหลายปีที่จะสู้ได้ค่ะ 

Photo: @porxild

นอกจากนี้ ‘แม่ปุ้ย’ คุณปิยาภรณ์ แสนโกศิก ผู้ถือลิขสิทธิ์เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ กล่าวว่าตนมูฟออนจากความผิดหวังแล้ว และจะโฟกัสในภารกิจที่แอนโทเนียต้องทำต่อไป ซึ่งรวมไปถึงเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลติดต่อขอให้ช่วยโปรโมตด้วย 

Words: Suphakdipa Poolsap
ข้อมูลจาก:

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม