Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

รู้ก่อน สวยก่อน! โปรแกรม ‘Skin Sculpting’ สารกระตุ้นคอลลาเจนตัวแรกที่ผ่านการรับรองจาก US-FDA โดย ‘AIC Clinic’

Beauty / Wellness & Aesthetic

เราสามารถแต่งหน้าพรางรอยสิว กระ จุดด่างดำ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอได้ ตลอดจนคอนทัวร์ และไฮไลต์เพื่อสร้างกรอบหน้าให้มีมิติมากยิ่งขึ้น แต่ปัญหา ‘ผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ’ ไม่ว่าเราจะใช้เทคนิคเมกอัพอย่างไรก็ไม่อาจซ่อน ‘สัญญาณความร่วงโรยแห่งวัย’ ได้ 

เป็นที่รู้กันว่า ‘คอลลาเจน’ มีบทบาทสำคัญกับโครงสร้างผิว และเรามักได้ยินข้อความโฆษณามากมายชวนให้หาซื้อกินหรือตัดสินใจเข้าคลินิก แล้ววิธีการไหนที่จะฟื้นฟูและเพิ่มจำนวนคอลลาเจนได้จริง คำตอบอยู่ตรงนี้แล้ว! และไม่ใช่แค่เพิ่มจำนวนคอลลาเจนที่ปลายทาง แต่เป็นการสื่อสารไปยังเซลล์ตั้งต้นให้ทำหน้าที่สร้างคอลลาเจนในระยะยาว

กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย ‘โปรแกรม Skin Sculpting’

เรากำลังพูดถึง ‘Sculptra’ สารกระตุ้นคอลลาเจนตัวแรกที่ผ่านการรับรองจาก US-FDA โดยได้รับเกียรติจาก ‘หมอบอย’ นายแพทย์พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ แห่ง AIC CLINIC ที่จะมาบอกเล่าแบบเคลียร์ชัดทีละจุดแบบไม่มีกั๊กว่า นวัตกรรม Sculptra จะพลิกวิกฤติความหย่อนคล้อยและริ้วรอยของคุณได้อย่างไร?

หมอบอย – นายแพทย์พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ แห่ง AIC CLINIC

LIPS: คอลลาเจนในชั้นผิวมีความสัมพันธ์กับความงามอย่างไร

นพ.พุฒิพงศ์: คอลลาเจนเป็นโครงสร้างหลักของผิว โดยเฉพาะผิวหน้าของมนุษย์ที่ประกอบไปด้วยคอลลาเจนถึง 70% เมื่อเราอายุมากขึ้นคอลลาเจนเหล่านี้มีการเสื่อมสลายไป แม้ร่างกายจะสามารถผลิตขึ้นได้เองตามธรรมชาติแต่กระบวนการเสื่อมสลายรวดเร็วกว่า โดยคอลลาเจนในร่างกายมนุษย์จะลดลงประมาณ 1-2% ในช่วงอายุ 20-25 ปีเป็นต้นไป ดังนั้นเมื่อคอลลาเจนที่เป็นโครงสร้างหลักลดลงมากขึ้นก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ กระบวนการ ‘Volume Loss and Sagginess’ ผิวจะยุบตัว จากผิวที่หนาแข็งแรงก็จะเริ่มบางลงและสูญเสียความยืดหยุ่น กลายเป็นสาเหตุของผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ส่งผลต่อริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูทรุดโทรม ไม่อิ่มเอิบ

“การทำหัตถการใดๆ เพื่อความสวยงามควรเป็นหัตถการที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 ซึ่งสร้างความยืดหยุ่นให้ผิว” 

ทั้งนี้คอลลาเจนในชั้นผิวมีหลายชนิด เช่น คอลลาเจน ชนิดที่ 1 พบมากที่สุดในร่างกายและช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว ส่วน คอลลาเจน ชนิดที่ 2 อยู่ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอย่างในกระดูก และ คอลลาเจน ชนิดที่ 3 เป็นคอลลาเจนที่เกิดขึ้นหลังกระบวนการอักเสบ และยังมีคอลลาเจนอีกหลายชนิดมากมาย

ในเรื่องความงามเราจะโฟกัสที่คอลลาเจนชนิดที่ 1 เป็นหลัก แต่หลายครั้งการทำหัตถการต่างๆ เคลมว่าสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวยกกระชับ แต่นั่นไม่ได้บอกว่าเป็นคอลลาเจนชนิดไหน หากเกิดไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 3 ขึ้นมามากก็กลายเป็นพังผืด ดังนั้นการทำหัตถการใดๆ เพื่อความสวยงาม ควรเป็นหัตถการที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1เป็นหลัก

LIPS: นอกจากปัจจัยเรื่องอายุแล้ว เราจะสูญเสียคอลลาเจนจากสาเหตุใดบ้าง

นพ.พุฒิพงศ์: เรื่องใกล้ตัวอย่าง ‘การกินอาหารไม่ครบโภชนาการ’ ก็ส่งผลแต่อาจไม่ได้ทำลายคอลลาเจนโดยตรง แต่ทำให้ร่างกายสร้างขึ้นมาน้อย โดยสาเหตุหลักที่ทำให้คอลลาเจนถูกทำลายคือ ‘อนุมูลอิสระ’ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือรังสียูวีจากแสงแดด 

LIPS: การรับประทานคอลลาเจนสามารถช่วยให้ริ้วรอยตื้นขึ้น หน้าดูเด็กลงได้ไหม

นพ.พุฒิพงศ์: ช่วยได้ในเรื่องของ ‘หน้าใส’ ส่วนการเพิ่มจำนวนคอลลาเจนในผิวใหม่เป็นไปได้ยากมาก ยิ่งหวังผลลัพธ์ในเรื่องของการกระชับผิวหย่อนคล้อย หรือลดเลือนริ้วรอยยิ่งเป็นไปไม่ได้ 

คอลลาเจนในรูปแบบการกินมีส่วนช่วยน้อยมาก หากคุณอยากกินก็ย่อมได้ แต่หมั่นระวังเรื่องปริมาณเพราะผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดมักแข่งขันกันว่ามีปริมาณคอลลาเจน 5,000 มก. บ้าง 10,000 มก. บ้าง หากกินมากเกินไปค่าเอนไซม์ตับจะขึ้น

หมอแนะนำให้กินวิตามินซีกับซิงค์ เพราะวิตามินซีช่วยสร้างคอลลาเจนได้แต่ต้องมีตัวกระตุ้น เหมือนเรามีสารตั้งต้นที่ไม่รู้ว่าจะทำงานเมื่อไร หากมีปัจจัยไปกระตุ้นก็เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนขึ้นมา ดังนั้นหากทานสองตัวนี้ควบคู่กับการทำหัตถการก็จะดีที่สุด 

LIPS: นวัตกรรม Sculptra คืออะไร

นพ.พุฒิพงศ์: Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีต้นกำเนิดจากน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการผลิตทางการแพทย์ เพื่อให้ได้อนุภาคของ PLLA-SCA หรือ Poly-L-Lactic Acid-SCA ซึ่งสารดังกล่าวนี้อยู่ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์มานาน 30-40 ปีแล้ว ในรูปแบบแท่งที่ใช้ในกระดูกหรือในข้อ และในปี 1999 ยุโรปเริ่มนำสารนี้มาใช้บนใบหน้าของมนุษย์ โดยทำให้อยู่ในรูปแบบผงที่ผสมเข้ากับน้ำเพื่อเติมเต็มเข้าไปบนใบหน้า ต่อมาปี 2004 สหรัฐอเมริกาได้อนุญาตให้ใช้สารนี้ เพื่อการเติมเต็มในผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อ HIV ที่มีใบหน้าตอบ ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง อิ่มฟู มีน้ำมีนวลขึ้นคล้ายกับฟิลเลอร์ในปัจจุบัน และในปี 2009 จึงได้อนุมัติให้ใช้กับบุคคลทั่วไปในเรื่องของความงาม

LIPS: กระบวนการทำงานของ Sculptra ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างไร

นพ.พุฒิพงศ์: ก่อนอื่นต้องเคลียร์ก่อนว่า อนุภาคของ PLLA-SCA ของนวัตกรรม Sculptra ไม่ได้เป็นการเติมคอลลาเจนเข้าไปผิวโดยตรง แต่เป็นการกระตุ้นถึงเซลล์จุดกำเนิดของคอลลาเจนเลย เมื่อเติมสารนี้เข้าไปในชั้นผิวก็จะส่งสัญญาณให้ ‘เซลล์เม็ดเลือดขาวแมคโครฟาจ’ (Macrophage) ไปกระตุ้นให้ ‘เซลล์ไฟโบรบลาสต์’ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ตั้งต้นในการผลิตคอลลาเจนให้แบ่งเซลล์และเข้ามารวมตัวล้อมกรอบอนุภาคของ PLLA-SCA ที่ผิวหนัง จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1 อันเกี่ยวเนื่องกับความยืดหยุ่นของผิว เมื่อมีสารตั้งต้นในการสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น ผลลัพธ์คือจำนวนคอลลาเจนก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

ถ้าถามว่าทำไมต้องเติม PLLA-SCA เข้าไปกระตุ้น ร่างกายมีสารชนิดนี้อยู่ไหม? คำตอบคือ จริงๆ แล้วร่างกายมี แต่มีอยู่ในรูปแบบของ Lactic Acid ที่จะเป็นโครงสร้างโมเลกุลเดี่ยวเท่านั้นและสลายเร็วมาก หลักการเดียวกับ Hyaluronic Acid ดังนั้นเราต้องจับโมเลกุลมาต่อๆ กันเพื่อให้กระบวนการสลายเกิดได้ยาก เมื่อสลายได้ยากก็จะเกิดกระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนได้นานและดีกว่า

LIPS: ความแตกต่างของ Rejuran, Chanel, Belotero Revive, Restylane Skinboosters เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหนและให้ผลลัพธ์อย่างไร 

นพ.พุฒิพงศ์: เริ่มที่ Rejuran หรือ Chanel ผลิตภัณฑ์สองตัวนี้จัดเป็นกลุ่มของ ‘เมโสหน้าใส’ เป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นไปที่ชั้นผิวบน คล้ายการเติมเต็มสาร Hyaluronic Acid เข้าไปที่ผิว ปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์มากมายที่เป็น Hyaluronic Acid ผสมวิตามินเข้าไปเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว แต่ไม่ได้ไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ สังเกตง่ายๆ คอลลาเจนจะเพิ่มขึ้นชัดเจนต้องหนึ่งเดือนไปแล้ว ซึ่งผลลัพธ์จากความชุ่มชื้นของผลิตภัณฑ์เหล่านี้อยู่ได้สั้นๆ และมีระยะเวลาจำกัด ซึ่งหากเปรียบเทียบกับ Sculptra แล้ว ในอาทิตย์แรกผลลัพธ์ยังไม่เห็นผล จะไปเห็นผลอีกทีสัปดาห์ที่ 4 – 5 เพราะต้องอาศัยระยะเวลาหรือกลไกในการออกฤทธิ์

“Sculptra ทำได้ทุกคน ผิวจะค่อยๆ สุขภาพดีจนเห็นได้ชัด เหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ และเทรนด์โชว์ผิวที่ไม่ต้องแต่งหน้ามากในปัจจุบัน”

Belotero Revive และ Restylane Skinboosters คือ ‘ฟิลเลอร์’ โมเลกุลเล็กที่มีความเข้มข้นต่ำ เติมเต็มเข้าไปที่ผิวชั้นบน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิว คนทั่วโลกจะนิยมเติมเต็มด้วย Restylane Skinboosters เพราะมีผลวิจัยรองรับว่าสามารถกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนได้บางส่วน แต่ไม่ได้มากเท่านวัตกรรม Sculptra ที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้เพิ่มมากขึ้นถึง 66.5% ตามผลการวิจัย ดังนั้นควรพิจารณาว่าคุณอยากได้ผลลัพธ์แบบไหน เช่น

  • อยากผิวใสแบบเร่งด่วน สำหรับออกงานสำคัญในช่วงเวลาสั้นๆ อาจเลือก Rejuran หรือ Chanel 
  • หากอายุยังน้อย แต่มีปัญหาหน้าแห้งหรือริ้วรอยเล็กๆ เนื่องจากการเผชิญมลภาวะหรือแสงแดด ก็อาจเลือก Belotero Revive และ Restylane Skinboosters 
  • หากผิวหยาบกร้าน หย่อนคล้อย และมีริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด ควรเลือกตัวกระตุ้นคอลลาเจนแบบหนักๆ อย่างนวัตกรรม Sculptra

LIPS: สำหรับ Sculptra ควรเติมเต็มกี่ครั้ง จึงเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

นพ.พุฒิพงศ์: จำนวนที่ต้องใช้ทั้งหมดคนละกี่ขวดให้เอาอายุตั้งแล้วหาร 10 เศษมากปัดขึ้น เศษน้อยปัดลง เช่น อายุ 43 ปี หาร 10 ผลลัพธ์คือ 4.3 ก็ใช้ 4 ขวด หรืออายุ 35 ปี หาร 10 ผลลัพธ์คือ 3.5 ก็อาจใช้ 3 ขวดก็ได้ สำหรับคนที่ผิวหน้าไม่ทรุดโทรมมาก แต่หากผิวหย่อนคล้อยหรือมีริ้วรอยหนักๆ จะใช้ 4 ขวดก็ได้เช่นกัน

ดังนั้นเราจะเติมเป็น session อาทิ ผลลัพธ์ได้ 4 ขวด ให้แบ่งเป็น session แรก 2 ขวดก่อน จากนั้นเว้นไปอีก 1 เดือน – 1 เดือนครึ่งจึงมาเติมอีก 1 ขวด จากนั้นให้เว้นไป 1 เดือน – 1 เดือนครึ่งจึงมาเติมขวดสุดท้าย รอให้กลไกกระตุ้นคอลลาเจนทำงานประมาณ 4 – 5 สัปดาห์จะเริ่มสังเกตถึงความใส ริ้วรอยเล็กๆ และรูขุมขนดูลดเลือนลง จากนั้นตามมาด้วยผิวยกกระชับ ซึ่งเห็นผลสูงสุดประมาณเดือนที่ 9 หลังเติมเต็ม และผลลัพธ์ของ Sculptra นี้จะอยู่ไปถึง 24 – 25 เดือนเลยทีเดียว

“แพทย์ที่สามารถเติมเต็ม PLLA-SCA ได้ ต้องเรียนและผ่านการฝึกอบรมมาก่อน ซึ่งผมทำหน้าที่เป็น Chief Trainer ร่วมกับทีมแพทย์ Trainers อีก 20 ท่าน ดูแลการสอนให้แพทย์ไทยทั่วประเทศครับ”

LIPS: Sculptra เหมาะกับใครและข้อควรระวัง

นพ.พุฒิพงศ์: Sculptra ทำได้ทุกคน หากคนอายุ 25 ปีที่เริ่มมีริ้วรอยหรือผิวหย่อนคล้อยก็ทำได้เลย บางคนอายุ 30 ปีแต่ผิวเหลวเหมือนอายุ 40 ก็ทำได้ และไม่ใช่แค่ผู้หญิง ผู้ชายก็เหมาะมากเช่นกันเพราะผลลัพธ์ไม่ได้เปลี่ยนไปแบบทันทีจนคนรู้ว่าไปทำอะไรมา แต่ผิวจะค่อยๆ สุขภาพดีจนเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ และเหมาะกับเทรนด์โชว์ผิวที่ไม่ต้องแต่งหน้ามากในปัจจุบัน

ส่วนข้อควรระวังมีน้อยมาก ซึ่งหากพูดกันตรงๆ สมัยก่อนปี 2010 ที่เทคนิคและองค์ความรู้ยังไม่มากพอ ได้มีการนำตัวยาเข้มข้นเติมเต็มเข้าไปในแก้มของคนไข้และพบปัญหาเป็นก้อนคล้ายๆ ปัญหาของฟิลเลอร์ แต่ในปัจจุบันแทบจะไม่เจอปัญหานี้เลย ซึ่งผลสำรวจในสหรัฐอเมริกาช่วงระหว่างปี 2014 – 2016 ที่สำรวจกลุ่มคนไข้กว่า 400,000 คน โดยพบปัญหาเป็นก้อนอยู่แค่ 0.003% ซึ่งน้อยมาก และปัญหาดังกล่าวนี้เกิดมาจากเทคนิคของแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ หรือไม่รู้ลึกถึงเทคนิคจริงๆ  โดยแพทย์ที่สามารถเติมเต็ม PLLA-SCA ได้ ต้องมีการเรียนและผ่านการฝึกอบรมมาก่อน มีใบรับรองเรียบร้อย ซึ่งผมเป็นคนทำหน้าที่นี้ ดูแลเรื่องการฝึกอบรมร่วมกับทางทีมแพทย์ Trainers ให้แพทย์ไทยทั่วประเทศ

และเพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ต้องแน่ใจว่าต้องเป็น PLLA-SCA จริงๆ ซึ่งต้องมีคำต่อท้ายว่า SCA ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของบริษัทกัลเดอร์มาที่ผ่านการรับรอง US-FDA จากอเมริกาและผ่านมาตรฐานรับรองของไทย เพราะในท้องตลาดมีทำผลิตภัณฑ์คล้ายคลึงกันออกมาเยอะเหมือนกันครับ ซึ่งจะไม่ได้ผลเท่า

“กระบวนการเพิ่มจำนวนคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวใช้เวลาเป็นเดือนๆ จึงต้องมีความอดทนและให้เวลากับมัน”

LIPS: พูดถึงความปลอดภัยของ Sculptra ที่มีงานวิจัยรองรับ

นพ.พุฒิพงศ์: Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ตัวเดียวที่มีวิจัยรองรับเรื่องคุณภาพและมาตรฐานมากที่สุดตั้งแต่ปี 2004 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลการวิจัยจากสถาบันทางการแพทย์ในยุโรปที่น่าเชื่อถือประมาณ 60 ผลการวิจัย ดังนั้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย Sculptra จึงวางใจได้

LIPS: เราสามารถทำ Sculptra ควบคู่กับหัตถการอื่นได้หรือไม่

นพ.พุฒิพงศ์: เนื่องจาก Sculptra เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ผิวชั้นลึก ดังนั้นหัตถการที่ทำบนผิวชั้นบนพวกเลเซอร์หนวด เลเซอร์หน้าใสต่างๆ ย่อมทำได้ ย้ำว่าต้องเป็นผิวชั้นบนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นการเติมเต็มฟิลเลอร์แนะนำให้รอ 4 สัปดาห์ เพื่อให้เอฟเฟกต์การบวมเล็กน้อยหลังจากการทำ Sculptra หายไปก่อน ถ้าเป็นโบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว หน้าผากก็ทำได้เลย เพราะเราเติมเต็มคนละบริเวณกัน

“PLLA-SCA ของแท้ต้องมีคำต่อท้ายว่า SCA ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของบริษัท กัลเดอร์มา ที่ผ่านการรับรอง US-FDA จากอเมริกา และผ่านมาตรฐานรับรองของไทย”

LIPS: การเตรียมตัวและขั้นตอนการทำโปรแกรม Skin Sculpting

นพ.พุฒิพงศ์: ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย อาจจะมีแค่งดวิตามินอีและ Fish Oil เพราะผิวหนังอาจเป็นจ้ำเขียวได้ง่าย แต่ไม่ใช่เรื่องอันตรายแต่อย่างใด รวมถึงให้งดยาป้องกันการแข็งตัวของเกล็ดเลือดสัก 5 – 7 วันก่อนมาทำ สำหรับคนที่ต้องกินยากลุ่มนี้เป็นประจำ

LIPS: คำแนะนำสำหรับการดูแลผิวให้อ่อนเยาว์และสุขภาพดี 

นพ.พุฒิพงศ์: อันดับแรก การย้อนวัยให้ผิวต้องนึกถึงการรักษาแบบครบองค์ประกอบ นั่นคือต้องเพิ่มจำนวนคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิว และกระบวนการเหล่านี้กินเวลาเป็นเดือนๆ ดังนั้นคุณต้องมีความอดทนและให้เวลากับมัน เมื่อมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นแล้ว คุณภาพผิวจะดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับเวลา รวมถึงต้องมั่นใจว่าแพทย์หรือคลินิกที่ให้บริการมีใบรับรองที่ถูกต้องหรือไม่ ซื้อยาถูกต้องจากบริษัทยาหรือเปล่า ซึ่งสามารถเช็กได้ในเว็บไซต์จากทางบริษัทยาโดยตรง เพราะในปัจจุบันมียาปลอมและเลียนแบบเป็นจำนวนมาก

ค้นหาคลินิกที่ให้บริการและรายชื่อแพทย์ที่ผ่านการอบรมได้ที่ www.aestheticsbygaldermathailand.com

บางคนอาจมองแค่ว่าไปทำที่คลินิกแล้วเขาให้เช็กกล่องผลิตภัณฑ์ก่อนทำ ซึ่งมันก็ดี แต่หากกล่องปลอมเราก็ดูไม่ออกอยู่ดี บางครั้งมีเปิดกล่องแล้วแบ่งยาไปผสมน้ำเกลือก็มี หรือหากทุกอย่างเป็นของจริง ไม่มีการแบ่งยาเลย แต่แพทย์ไม่ได้เรียนหรืออบรมมาในด้านนี้ก็ลำบาก ซึ่งแนะนำให้ทุกคนเช็กในเว็บไซต์ก่อนตัดสินใจทำจะดีที่สุด 

Words: Varichviralya Srisai
Photos: Somkiat Kangsdalwirun / Sculptra

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม