นาฬิการุ่นใหม่ทุกเรือนของ Rolex มากด้วยคุณค่าแห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรม การพัฒนาด้านวิศวกรรมศาสตร์ ที่มีเทคโนโลยีที่แม่นยำ ไปจนถึงงานออกแบบที่มีฝีมือประณีตพิถีพิถัน และฟังก์ชันการใช้งานที่สืบทอดมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ ให้คงความคลาสสิค และบริการในการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาโดยเฉพาะที่ตั้งใจส่งต่อรุ่นสู่รุ่นได้อย่างคงความงดงาม
ความเอ็กซ์คลูซีฟของคอลเล็กชั่นรุ่น Oyster Perpetual จะมีคำว่า Perpetual สลักอยู่บนนาฬิกา Oyster ทุกเรือน เปรียบกับปรัชญาที่สะท้อนวิสัยทัศน์ และค่านิยมของ Hans Wilsdorf ผู้ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาด้วยแนวคิดเรื่องความเป็นเลิศที่ยืนหยัดยาวนาน พร้อมเป็นแรงผลักดันขับเคลื่อนไปข้างหน้า กับการก้าวเข้าสู่ผู้นำด้านนาฬิกาข้อมือ ไม่เพียงแค่นั้น Rolex ยังเป็นต้นกำเนิดด้านนวัตกรรมการผลิตนาฬิกาอีกหลายรุ่น โดยได้จดทะเบียนสิทธิบัตรไว้มากกว่า 500 ฉบับ ที่สีไซด์งานในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จากกระบวนการผลิตส่วนประกอบพิเศษทั้งหมดขึ้นเอง เริ่มตั้งแต่การหลอมโกลด์อัลลอยจนถึงขั้นตอนการตัดด้วยเครื่องจักร การแกะสลัก การประกอบกลไกทำงาน รวมถึงตัวเรือน หน้าปัด และสายนาฬิกา ทำให้เห็นความเชี่ยวชาญที่แท้จริงของ Rolex ที่สาวกนาฬิกาใฝ่ฝันอยากครอบครอง ลิปส์จึงขอพาไปสำรวจกับ 6 เรือนนาฬิการุ่น Oyster Perpetual 2021
Explorer
เวอร์ชันใหม่ของ Explorer หน้าปัด 36 มม ซึ่งเป็น ขนาดเดียวกับรุ่นดั้งเดิม ในปี 1953 สวยสะดุดตาในดีไซน์ yellow Rolesor ผสมผสาน Oystersteel และทองคำ 18 กะรัต หน้าปัดสีดำเคลือบแลคเกอร์ มาพร้อมมาร์คเกอร์แสดงชั่วโมง แถมประกอบด้วย Calibra 3230 และสัญลักษณ์ตัวเลข 3,6 และ 9 มีเทคโนโลยีชั้นนำในการผลิตกลไกนาฬิกาเฉพาะ ทั้งนี้จอแสดงผล Chromalight วัสดุเรืองแสงส่องพิเศษ มีความคมเข้มของแสงสีฟ้าเปล่งปลั่ง ส่องสว่างในที่มืดได้ยาวนานยิ่งขึ้น
Explorer II
รุ่นที่ออกแบบใหม่ ปรับให้มีความสมดุล กลมกลืนยิ่งขึ้น มาในหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีขาว ขนาด 42 มม. และมาร์คเกอร์ชั่วโมง ที่เคลือบสีดำผ่านกระบวนการ PVD มาพร้อมกับ Calibra 3285 ติดตั้งระบบ Twinlock กันน้ำได้ที่ความลึก 100 เมตร หรือ 300 ฟุต ทนทาน และตัวเรือนมีความสง่างาม ทำจากบล็อกแข็งของ Oystersteel อัลลอยที่ทนทานต่อการผุกร่อน อีกทั้งด้านหลังเซาะเป็นร่องเจาะยึดด้วยเครื่องมือพิเศษ พัฒนาจากรุ่น Explorer จอแสดงผล Chromalight วัสดุเรืองแสงส่องพิเศษ มีความคมเข้มของแสงสีฟ้าเปล่งปลั่ง ส่องสว่างในที่มืดได้ยาวนานยิ่งขึ้น และในเวลากลางวัน จอที่แสดงผลจะมีสีขาวสว่างมากขึ้นอีกด้วย
Datejust 36
ลวดลายต้นปาล์ม จากแรงบันดาลใจเขตร้อน ในโทนสีเขียวมะกอก สีเงิน และสีทอง เด่นด้วยเทคนิคลวดลายแบบร่อง บนแมททีเรียลเก่าแก่ ผสานเทคโนโลยีทันสมัยของการสร้างสรรค์สีเมทัลลิค
Cosmograph Daytona
เด่นด้วยหน้าปัดเมธีโอไรท์ ทำจากทองคำ ทองคำขาว และเอเวอร์โรสโกลด์ 18 กระรัต จากแรงบันดาลพลังงานจากการเดินทางอวกาศมายังโลก เทคนิคที่เสมือนโลหะอุกกาบาต เผยเป็นเอกลักษณ์ ของเทคนิคความงดงามอีกหนึ่งรุ่นที่ Rolex คัดสรรแมททีเรียลมาอย่างแท้จริง
Day-Date 36
พลิกโฉมรุ่นใหม่ด้วยมาร์คเกอร์ชั่วโมง และสายหนังจระเข้ในโทนสีเข้าคู่กันอย่าง สีส้มปะการัง ทำจากทองคำ 18 กระรัต, สีเทอร์ควอยซ์ที่ในเวอร์ชันทองคำขาว 18 กระรัต และสีเบอร์กันดี ทำจากเอเวอร์โรสโกสด์ 18 กระรัต
Lady-Datejust
รุ่นใหม่ที่เจิดจรัสด้วยเพชร 1,089 เม็ดบนตัวเรือนตรงกลางขอบหน้าปัด หน้าปัด และสายนาฬิกา President ส่องประกายงดงามด้วยฝีมือจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการผลิตนาฬิกา ที่เหมาะสำหรับสาวข้อมือเรียวเล็ก
ยิ่งไปกว่านั้น Rolex เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ทั้งความเชี่ยวชาญ และคุณภาพยอดเยี่ยม มาพร้อมสัญลักษณ์สง่างาม สู่รุ่น Oyster Perpetual และ Cellini ที่ได้รับการรับรองโดย COSC ทดสอบเป็นการภายในสำหรับคุณสมบัติเฉพาะของด้านความเที่ยงตรง และประสิทธิภาพการใช้งาน ความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงการรับรองสถานะ Superlative Chronometer ซีลสีเขียว ที่เป็นสัญลักษณ์ยืนยันว่านาฬิกาผ่านการทดสอบภายในห้องปฏิบัติการของ Rolex ตามเกณฑ์ที่ได้กำหนดขึ้น จากการตรวจสอบเป็นระยะๆ โดยองค์กรภายนอกที่เป็นอิสระ ทั้งนี้ยังได้สนับสนุนงานศิลปะ วัฒนธรรม กีฬา และการสำรวจ รวมถึงการส่งเสริมองค์กรต่างๆ ที่คิดค้นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ทำให้โลกมีความยั่งยืนขึ้น
PHOTOS : Courtesy Of Rolex
