เป็นเวลา 15 ปีมาแล้วที่มาร์เวลทำหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องแรกออกมาในปี 2008 กับ Iron Man (แม้ว่าจะมียอดมนุษย์ในชุดบอดี้สูทรัดรูปออกมาก่อนหน้านั้นมากมาย) และครองจักรวาลมนุษย์ผู้พลังวิเศษตราบจนปัจจุบัน ระหว่างนั้นเกาหลีที่ทำสำเร็จแล้วกับคอนเทนต์แนวโรแมนติก ดราม่า ระทึกขวัญและซอมบี้ ทั้งจาก Crash Landing on You, Parasite, Squid Game จนถึง Kingdom (แม้ยังล้มเหลวอยู่กับแนวไซไฟ) และพยายามปลุกปั้นยอดมนุษย์ของตัวเอง
Kang Full (คังฟูล) ที่เพื่อนตั้งฉายาว่า Full เพราะในภาษาเกาหลีแปลว่าหญ้า อันเป็นสีที่เจ้าตัวชอบใส่ เป็นนักวาดเว็บตูนรายแรกๆ ของเกาหลีใต้ ผลงานเรื่อง Love Story ในปี 2003 ของเขามีผู้อ่านราว 32 ล้านวิว กับคอมเมนต์อีก 250,000 ข้อความ บูม! และแล้วอุตสาหกรรมได้ฤกษ์เกิดขึ้นในที่สุด หลังที่ มันฮวา ของเกาหลีแทบไม่มีที่ยืนในตลาดการ์ตูนที่ มังงะของญี่ปุ่นเป็นเจ้าตลาดมาเนิ่นนาน เว็บตูนหลายเรื่องกลายเป็นผลงานคนแสดง (live action) แต่ Moving (2015) เป็นครั้งแรกที่คังดัดแปลงเว็บตูนของเขาให้เป็นซีรีส์ 20 ตอนฉายทาง Disney Plus
ตัวอย่าง MOVING – Disney Plus
คิมบงซอก, จางฮีซู และอีคังฮุน คือนักเรียน ม.ปลายในเทอมสุดท้ายก่อนไปขับเคี่ยวสอบเข้ามหาวิทยาลัย พวกเขาดูเป็นเด็กธรรมดาหากมองเผินๆ แต่พิรุธออกจะชัด บงซอก เด็กหนุ่มตัวจ้ำม่ำที่สะพายเป้ตลอดเวลา โดนแม่คะยั้นคะยอแกมบังคับให้ลูกชายคนเดียวกินข้าวเท่ากับสองคนกินทุกมื้อ และเลิกเรียนแล้วให้พุ่งกลับบ้านไปอยู่ในห้องคนเดียวทันที-ทุกวัน ทำให้ลูกชายกลายเป็นลูกแหง่ที่ไม่เคยมีเพื่อน
ฮีซู เด็กสาวเรียนดีแต่ยากจน อยู่กับพ่อที่เพิ่งเปิดร้านขายไก่ทอด ซึ่งดูออกแหละว่าไม่น่าจะขายดี ความจนทำให้ฮีซูเลือกสอบเข้าวิทยาลัยพละที่มีทุนเล่าเรียนฟรี เพื่อตัดภาระของพ่อไปเสีย ทว่ามันออกจะแหม่งๆ ที่เธอย้ายโรงเรียนเอาเทอมสุดท้ายตอน ม.6
คังฮุน เด็กหนุ่มที่เดินตามตำรา ‘teacher’s pet’ เป๊ะ เป็นเด็กเนิร์ด เป็นหัวหน้าห้อง แบกความรับผิดชอบเต็มสองบ่า ทำทุกอย่างตามครูสั่งและตามระเบียบที่ครูออกโดยไม่มีข้อโต้แย้ง หากเขาไม่มีเค้าลางว่าจะเป็นเด็กเนิร์ดแหยไม่สู้คน กลับกันเขาดูกักเก็บความอันตรายที่พร้อมระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ซึ่งในซีรีส์เผยความลับของคังฮุนแบบคนดูกรี๊ดไปเลย แม้จะไม่ผิดคาด แต่กรี๊ดอยู่ดีกับความเท่
เด็กทั้งสามเป็นศูนย์กลางของเรื่องใน 7 ตอนแรก ฉายภาพชีวิตวัยรุ่นที่การไปโรงเรียนแต่ละวันเหมือนเดินลงนรก ทั้งชั่วโมงเรียนและติวสอบไม่จบไม่สิ้น การโดนบูลลีที่ไม่มีใครเหลียวแลแก้ไข และความหวั่นไหวต่ออนาคตไม่แน่นอนของคนที่เปลี่ยนผ่านจากวัยรุ่นตอนปลายเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้น อ้อ! และการตกหลุมรักที่น่าจะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้อยากไปโรงเรียน
ฉากชีวิตวัยรุ่นทับซ้อนกับเรื่องราวของฝั่งพ่อแม่ที่ดูจะปกป้องหวงแหนลูกของตนอย่างเกินเหตุ เช่นในกรณีอีมิฮยอน แม่ของบงซอก ที่รับบทโดย ฮันฮโยจู นักแสดงหญิงเบอร์ต้นของเกาหลีใต้ที่รับบทแม่ในวัย 36 ปี และ อีจองฮาที่รับบทลูกชายก็อายุ 25 ปี ไม่ได้ห่างจากเธอมากนัก แต่การปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้เป็นมนุษย์แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทั้งชีวิตของแม่โคจรรอบลูกชายคนเดียว บอกเลยว่าฮโยจูแสดงได้ 11/10 ไม่มีผิดหวัง
เช่นเดียวกับ รยูซึงรยง นักแสดงรุ่นใหญ่ที่รับบท ‘พ่อของฮีซู’ ก็กลับมาขายไก่ทอดเป็นอีกรอบ หลังจากเคยรับบทพ่อค้าไก่ทอดที่หลังฉากเป็นตำรวจในหนังตลกจัดๆ รายได้ทะลุเพดานอย่าง Extreme Job เช่นเคยที่ซึงรยงแสดงเป็นพ่อที่น่าเวทนา ดูพึ่งพาไม่ได้ คอยแต่จะก้มหัวขอโทษคนอื่นเพราะความจนทำให้เขารู้สึกว่าตนต่ำต้อย แต่…7 ตอนแรกเป็นแค่อารัมภบท คังฟูลหลอกล่อให้คนดูเชื่อว่ากำลังดูพัฒนาการซูเปอร์ฮีโร่ช่วงวัยรุ่นที่ต้องฝึกฝนและเรียนรู้ที่จะเป็นยอดมนุษย์ผู้ผดุงความยุติธรรมและกำจัดเหล่ามารร้าย…
โจอินซองของเราไปไหน? ฉันรอดูเธอกลับมาเล่นซีรีส์ตั้ง 8 ปี! (นับจากซีรีส์เรื่องล่าสุด It’s Alright, This Is Love ปี 2014) เหลือเชื่อที่คังฟูลสามารถผูกเรื่องได้แบบเอาคนดูอยู่หมัดโดยที่ ‘ตัวเอก’ ของเรื่องโผล่มาแค่เสียง 1 คำถ้วน คือ “บงซอก!”
หลังจาก 7 ตอนแรก Moving ก็ได้ขยับย้ายจากหนังวัยรุ่นวุ่นรักที่ดันเกิดมามีพลังเหนือมนุษย์สไตล์สไปเดอร์แมน ไปเป็นซีรีส์แนวสายลับกับปูมหลังของรุ่นพ่อแม่ที่มีพลังวิเศษเช่นกัน จำพวกประสาทสัมผัสเป็นเลิศ ชิมอะไรครั้งเดียวก็แยกแยะรสชาติได้หมด นั่นทำให้อีมิฮยอนเปิดร้านทงคัตสึที่ขายดีมากหลังจาก ‘คนรัก’ พาไปเดตร้านนี้ และการทุบหมูเตรียมทำทงคัตสึก็คือการบอกรักในแบบของเธอต่อพ่อของลูกผู้จากไป…แต่ว่าตายหรือเปล่า
หรือบงซอกที่เกิดมาพร้อมพลังวิเศษบินได้ ร้อนถึงแม่ต้องหาของหนักมาให้ลูกแบก เพื่อจะได้เดินดินปกติเหมือนคนทั่วไป “แม่!” เป็นครั้งแรกที่บงซอกผู้อ่อนโยนหัวอ่อนตะโกนใส่แม่ หลังจากที่แม่ดุเขาเสียมากมายที่เห็นเขา ‘ฝึกควบคุมทักษะการบินได้’ ของตัวเอง เพื่อจะได้ปกป้องคนที่เขารักได้ทันเวลาในภายภาคหน้า “กี่ครั้งแล้วที่แม่ดึงผมลงมา กี่ครั้งแล้วที่แม่คอยหยุด คอยห้ามผม ‘บงซอกอย่าบิน!’ ‘บงซอกลงมา! ‘บงซอกอย่าทำนั่นทำนี่ ‘บงซอกอยู่เฉยๆ’”
แม่พยายามทำให้ลูกดูเป็นคนปกติธรรมดา กลืนกลายไปกับคนอื่นๆ แต่นั่นกลับหั่นเหี้ยนศักยภาพของลูก สุดท้ายการปกปักษ์เด็กจากความสามานย์ของโลก จะทำให้เด็กๆ ปลอดภัย หรือกลับจะทำให้พวกเขาไม่ประสา และกลายเป็นคนอ่อนแอ?
“แล้วแกอยากจะลงเอยเหมือนพ่อแกรึไง!” แม่ให้เหตุผลด้วยเสียงตวาด และเป็นครั้งแรกที่บงซอกได้ยินแม่พูดถึง ‘พ่อ’
และนั่นเป็นครั้งแรกที่โจอินซองปรากฏตัวใน Moving ในตอนที่ 7! ซึ่งย้อนความหลังไปเล่าเรื่องราวของสายลับเกาหลีใต้ ข้อพิพาทระหว่างสองเกาหลี ความตายของคิมอิลซุง อดีตผู้นำเกาหลีเหนือ และพี่น้องเกาหลีที่ต้องพรากจากเมื่อแผ่นดินเดียวถูกแยกออกเป็นเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้
จุดนี้เองที่เราค้นพบซูเปอร์ฮีโร่แบบเกาหลี หรือพูดให้ถูกว่า เกาหลีค้นพบซูเปอร์ฮีโร่ในแบบของตัวเอง แบบที่คังฟูล เขียนเรื่อง Moving ขึ้นมาก็แสวงหาหนทางให้ซูเปอร์ฮีโร่เกาหลีแตกต่างจากยอดมนุษย์ของฮอลลีวูด
เมื่อทีมนักแสดง Mission Impossible Dead Reckoning Part One ไปโปรโมตหนังที่เกาหลีใต้ โจชัวและเวอร์นอน สองเมมเบอร์ของวง Seventeen ได้สัมภาษณ์เฮลีย์ แอตวิล, ปอม เคลีม็องตีแยฟ และไซมอน เพ็ก โจชัวถามคำถามสุดท้ายว่า “คุณจะเลือกปกป้องอะไรระหว่างมนุษยชาติ (รวมถึงสัตว์ด้วย) กับคนที่คุณรัก” นักแสดงฮอลลีวูดทุกคนเลือกอย่างแรก ขณะที่เวอร์นอนเลือกอย่างหลัง เขาให้เหตุผลว่า “เพราะผมรักมนุษยชาติ ผมก็เลยเลือกปกป้องคนที่ผมรัก” ทุกคนอึ้ง ‘ไซมอน เพ็ก’ ที่เป็นนักเขียนบทหนังฮอลลีวูดหลายเรื่องถึงกับอุทานว่า “อุ๊ย ตอบฉลาด”
คำตอบของเวอร์นอน เด็กหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-เกาหลี ที่ใช้เวลาเกินครึ่งชีวิตเติบโตมาในเกาหลี จนบอกว่าตัวเองเป็นคนเกาหลี คือสิ่งที่คัลฟูลสร้างซูเปอร์ฮีโร่เกาหลีให้แตกต่างไปจากซูเปอร์ฮีโร่ฮอลลีวูดที่ต่อสู้เพื่อปกป้องมวลมนุษยชาติ พิทักษ์โลก ลามไปถึงจักรวาล หากซูเปอร์ฮีโร่เกาหลีใน Moving ใช้พลังวิเศษของตนเพื่อปกป้องครอบครัว เพื่อนและคนที่พวกเขารัก ไม่มีเหตุผลเป็นอื่นไปจากนี้ เหมือนกับที่ John Wick หันหลังให้กับชีวิตสงบสันโดษ ลุกไปคว้าปืนมากวาดล้างมาเฟียยกแก๊ง เพราะพวกมันมาฆ่าหมาของเขา สิ่งสุดท้ายที่ภรรยาสุดรักผู้จากไปฝากฝังให้เขาดูแล เจ้าหมานั่นจึงเป็นครอบครัวเดียวของจอห์นที่มีค่าดุจเดียวกับที่เหล่าพ่อแม่ใน Moving สามารถก้มหัว 90 องศาขอโทษลูกค้าที่มาส่งไก่ให้ช้า แต่จะกลายร่างเป็นยอดมนุษย์สุดยอดจารชนที่ตามล้างตามเช็ดไอ้หน้าไหนก็ตามที่มาคุกคามความปลอดภัยลูกของตน
คังฟูล กล่าวถึงหัวใจคนเกาหลีว่าอินกับเรื่องครอบครัวและการจากพรากที่การแยกสองเกาหลีนำพามาให้ และในวัฒนธรรมที่เน้นสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นในครอบครัวของคนเอเชีย Moving จึงโดนใจผู้ชม จนเป็นที่มาของการบอกต่อจากคนที่ดูจริง รีวิวจริงว่า Moving คือหนึ่งในซีรีส์เกาหลีที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของปี
เป็นคำชมสูงสุดแล้วสำหรับทีมงานที่เขียนบทและเตรียมงาน 3 ปี การทำซีจีดูดีมืออาชีพที่ใช้สตูดิโอ 60 แห่งใน 9 ประเทศปั้นงานภาพให้ ความทุ่มเทของทีมนักแสดงทั้งรุ่นพ่อแม่และรุ่นลูก อย่างอีจองฮาที่เพิ่มน้ำหนักตัว 30 กิโลกรัมเพื่อรับบทลูกตุ้ยนุ้ย คิมบงซอก
สิ่งเดียวที่สงสัยก็คือ การเวียนมาบรรจบกันของนักแสดงบิ๊กเนมเกาหลี แค่รุ่นพ่อแม่ 3 คนอย่าง รยูซึงรยง ฮันฮโยจู และโจอินซอง (ร่วมด้วยชาแทฮยอน) นี่ก็ไม่รู้ว่าหมดงบไปเท่าไร แต่ก็น่าทึ่งที่ซีรีส์ 20 ตอนในระดับนี้ใช้ทุนสร้างแค่ 39.5 ล้านเหรียญ ซึ่งสามารถทำได้แค่หนังดราม่าระดับกลางๆ ในฮอลลีวูดได้เท่านั้น
เกาหลีทำสำเร็จไปอีกหนึ่งกับซูเปอร์ฮีโร่ในแนวทางของตนกับ Moving
Words: Suphakdipa Poolsap
ข้อมูลจาก:
