Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

‘หมู Asava’ พลพัฒน์ อัศวประภา ดีไซเนอร์ที่อยู่คู่ผู้หญิง จากวัยเติบโตจนวันแต่งงานมา 15 ปี

Interview / Professional

ปีที่ 15 ของแบรนด์แฟชั่นที่มีจุดตั้งต้นจากความผิดแผกไปจากแบรนด์อื่นๆในเมืองไทย…ในเวลานั้น และเป็นตัวเองมากเสียจนกระแสวูบไหวของวัฏจักรทำอะไร Asava และ พลพัฒน์ อัศวะประภา – ไม่ได้ 

จริงๆ แล้วเราควรหอบหิ้ว ‘เค้ก’ น่ารักๆ สักก้อนก่อนมาสัมภาษณ์ ‘พี่หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา’ ที่ดูเหมือนว่าดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง Asava Group ผู้มาพร้อมกับแว่นกันแดดอันเป็นเอกลักษณ์ผู้นี้ ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เขาได้แตกแบรนด์ลูกหลานมากมายเลยไม่รู้ว่าจะเรียก หมู ASAVA, หมู ASV, หมู MOO, หรือ หมู SAVA ดีถึงจะสมยี่ห้อ 

และเนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปีแบรนด์ Asava เราเลยอยากฟังหลากหลายเรื่องราวผ่านร้อนผ่านหนาว ตลอดจนแบ็กกราวนด์ชุดแต่งงานสีขาวผ่านมุมมองภายใต้แว่นตาสีดำ

“ขอบคุณพี่หมู…” ต้นโพสต์เป็นเซเลบฯ ทั่วหัวระแหงที่มักจะชื่นชมผ่านทางไอจีเสมอ เมื่อชุดแต่งงานแบรนด์ WHITE Asava ที่สั่งทำแบบคัสตอม-เมดได้เนรมิตให้พวกเธอเปล่งประกายในวินาทีสำคัญของชีวิตผู้หญิง และนั่นคือสองประเด็นหลักที่ลิปส์มาพูดคุยกับเขา ขณะหยั่งเชิงอยู่ว่าจะสั่ง ‘เค้กวันเกิด’ หรือ ‘เค้กแต่งงาน’ มาให้ดี!

“คําว่า Effortless ไม่ต้องฝืนหรือพยายามมากเกินไปมันสำคัญ จงหาสมการความสุขของตัวเองให้ได้ เพราะในโมเมนต์นั้นจะเป็นคุณในเวอร์ชันออร์แกนิกที่เป็นธรรมชาติ มันจะเปล่งประกายในที่สุด”

LIPS: WHITE Asava สื่อสารอย่างไรให้ถูกใจทั้ง ‘ดีไซเนอร์’ และ ‘เจ้าสาว’

Asava: เรามองว่า ‘การถูกใจ’ เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลซึ่งบางครั้งไม่ใช่แง่สุนทรียศาสตร์เพียงอย่างเดียว เพราะเราเชื่อว่าเจ้าสาวแต่ละคนมี ‘ความฝัน’ และหน้าที่ของดีไซเนอร์คือการเข้าไปสนองต่อความฝันนั้นในเวอร์ชันที่ ‘ดีที่สุด’ เพราะฉะนั้นการสื่อสารในการทำงานจึงไม่สามารถเอา ‘ความชอบ’ หรือ ‘อัตตา’ เป็นที่ตั้งได้ ทั้งนี้เราจะปักหมุดจากความต้องการของเจ้าสาวเป็นที่ตั้งแล้วต่างคนต่างทำการบ้านครับ 

ในส่วนของเราจะมาดูว่าสิ่งที่เขาชอบนั้น อะไรเป็นซิลลูเอตต์ที่เหมาะสมที่สุด อะไรเข้ากับสไตล์ของเขามากที่สุด บางครั้งเจ้าสาวอาจไม่ได้ต้องการความเป็นแฟชั่นมากมาย และพี่ก็ไม่ได้มองว่าเจ้าสาวต้องออกมาเหมือนกันหมดราวกับมีแม่แบบตายตัว เพราะเราเชื่อว่า ‘ความต้องการ’ และ ‘จิตวิญญาณ’ สำคัญกว่า แล้วความพึงพอใจของดีไซเนอร์คืออะไร ก็คือการสนองต่อความต้องการของผ่านรายละเอียดหรือดีเทลงานคราฟต์ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งแม้ว่ามันไม่มีความสมบูรณ์แบบบนโลกนี้จริงๆ แต่การทำงานให้เนี้ยบและถูกใจเจ้าสาวที่สุด มันคือสิ่งที่พึงกระทำ

LIPS: จริงไหมที่เขาว่ากันว่าดีไซเนอร์มีความคล้ายคลึงกับจิตแพทย์ที่ต้องเข้าใจเจ้าสาว โดยเฉพาะการรับมือกับอาการวิตกก่อนแต่งงานอย่าง Bridezilla 

Asava: เราอาจไม่ได้เป็นจิตแพทย์แต่เป็นคนให้คำปรึกษา เราพูดคุยกับเจ้าสาวทุกคนว่าเจ้าบ่าวแต่งงานด้วยเพราะตัวตนและจิตวิญญาณ ดังนั้นอย่าไปแคร์ว่าต้องผอมลง ต้องลดให้ได้ 15 กิโลก่อนแต่ง มันเครียดไปเปล่าๆ อย่างบางคนบอกฉันแขนใหญ่ ใช่! เจ้าบ่าวรู้อยู่แล้วว่าแขนใหญ่ แต่ไม่ใช่ประเด็นของการแต่งงานเลย ประเด็นหลักคือการเฉลิมฉลองความรักในแบบที่คุณทั้งคู่เป็น ดังนั้น หน้าที่ของเราคือการให้กําลังใจ เพราะเชื่อว่าความงามของผู้หญิงทุกคนไม่ได้อยู่ที่อก-เอว-สะโพกเท่านั้น 

แต่ถ้าสุดท้ายแล้วเขารับไม่ได้เลย ก็ค่อยมาดูกันว่าจะพลางจุดด้อยเพิ่มจุดเด่นอย่างไรให้เขารู้สึกสบายใจในวันนั้นมากที่สุด ซึ่งเป้าหมายต่างๆ ที่เขาไขว่คว้าต้องเป็นเป้าหมายที่จับต้องได้หรือทำได้จริง ดังนั้นคําว่า Effortless ไม่ต้องฝืนหรือพยายามมากเกินไปมันสำคัญ จงหาสมการความสุขของตัวเองให้ได้ เพราะในโมเมนต์นั้นจะเป็นคุณในเวอร์ชันออร์แกนิกที่เป็นธรรมชาติ มันจะเปล่งประกายในที่สุด

“หน้าที่ของเราคือการให้กําลังใจ เพราะเชื่อว่าความงามของผู้หญิงทุกคนไม่ได้อยู่ที่อก-เอว-สะโพกเท่านั้น”

LIPS: ติดตามไอจีอยู่ และเห็นทุกความตั้งใจของคุณในชุดเจ้าสาวแบบคัสตอม-เมด

Asava: ด้วยความที่เป็นคัสตอม-เมด เลยต้องใช้เวลาทำงานร่วมกับเจ้าสาว ที่หลังจากเซ็ตแบบเสร็จก็ต้องมาลองผ้าดิบ ซึ่งบางครั้งต้องลอง 2-3 ครั้ง และลองชุดจริงอีกหลายครั้ง เพราะชุดเจ้าสาวเป็นชุดที่ประณีตและเป็นผ้าสีขาวซึ่งหากจะแก้ไขจะยากมาก บางครั้งต้องขึ้นผ้าดิบจนแน่ใจว่าแพตเทิร์นเป๊ะแล้ว และน้ำหนักผ้าดิบก็ไม่ควรแตกต่างจากผ้าจริงที่เจ้าสาวเลือก จึงไม่สามารถใช้ผ้ามัสลินหรือผ้าป่านอย่างเดียวเสมอไป ซึ่งมันเป็นความเสี่ยงที่ต้องค่อยๆ บรรจง 

LIPS: และสำหรับบางชุด มันมีดีเทลที่ละเอียดไปอีก

Asava: ก็ต้องมาดูว่าต้องการดีเทลอะไรบ้าง มีงานปัก งานเซาะไหม? หรือบางครั้งอาจไม่ใช้ลูกไม้สําเร็จ แต่เป็นการสร้างลูกไม้ขึ้นมาโดยแยกองค์ประกอบลูกไม้เดิมแล้วร้อยเรียงมันขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดีไซน์และความต้องการของเจ้าสาวแต่ละคน หรือบางครั้งหากต้องการชุดที่เรียบกริบ แต่คำว่ายิ่งเรียบก็คือยิ่งยาก ดังนั้นเราต้องมีการวางแผนในการทำงานว่าต้องใช้เวลาในขั้นตอนต่างๆ นานเท่าไร และวางแผนให้สอดคล้องกับมู้ดแอนด์โทนของงาน อย่างเจ้าสาวใส่รองเท้าแบบไหน เครื่องประดับแบบไหน สไตล์การแต่งหน้าทำผม แล้วดอกไม้ล่ะ? รวมถึงองค์ประกอบของสถานที่ อย่างโรงแรมอะไร ช่วงเวลาการจัดงาน จัดเช้าจัดเย็น เราต้องเคลียร์ชัดให้หมด

“บางคนบอกฉันแขนใหญ่ ใช่! เจ้าบ่าวรู้อยู่แล้ว แต่ประเด็นหลักคือการเฉลิมฉลองความรักในแบบที่คุณทั้งคู่เป็น”

LIPS: นี่มันคือการขายประสบการณ์แล้ว

Asava: เราโชคดีที่เจ้าสาวส่วนใหญ่มีความเชื่อและศรัทธาในตัวแบรนด์ เราจึงอยากส่งมอบสิ่งสำคัญที่สุดโดยไม่บีบบังคับเกินไป เราถามเสมอว่ามีอะไรให้พี่ช่วยอีกไหม? เพราะอยากให้วันนั้นเขาได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ให้เขาจดจำโมเมนต์นั้นให้นานที่สุด ถ้ามีอะไรที่ช่วยได้ เรายินดีมาก

LIPS: อย่างชุดงานหมั้นและยกน้ำชาของแพทริเซีย กู๊ด ขั้นตอนการออกแบบเป็นอย่างไร

Asava: ต้องบอกว่าแพทริเซียเป็นผู้หญิงที่มีมุมมองชัดเจน เขาไม่อยากได้อะไรที่หวาน เขาต้องการความเท่และไม่เซ็กซี่จนเกินไป เราก็ไปสเก็ตช์ออกมาให้เขาจิ้มแล้วเขาก็ถูกใจ ตอนแรกอาจจะยังอยู่ระหว่างการพูดคุยสื่อสาร ปรับจูน แต่พอเขาได้เห็นดีเทลเขาก็ปล่อยให้เราทำงานได้เต็มที่ ซึ่งซิลลูเอตต์ที่ออกมาก็เป็นกระโปรงสั้นทรงกลมเสมอเข่าซึ่งไม่กรุยกรายเลย มันหนักไปทางเท่แฝงไปด้วยความหวานเล็กๆ 

“แพทริเซียต้องการความเท่และไม่เซ็กซี่จนเกินไป ซิลลูเอตต์ที่ออกมาจึงเป็นกระโปรงสั้นทรงกลมเสมอเข่าซึ่งไม่กรุยกราย”

LIPS: สะดุดตาตรงดีเทลดอกพิโอนีบนช่วงไหล่

Asava: เราเสริมเข้าไป เพราะพิธีหมั้นมีการนั่ง อยากให้เวลาถ่ายรูปออกมาดูน่าสนใจ ต้องมีดีเทลอะไรที่พิเศษ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีการถามแพทริเซียว่าเขาชอบดอกไม้อะไร ดีเทลนี้ก็เป็นเซอร์ไพรส์นิดนึงเพราะมันไม่ได้อยู่ในสเก็ตช์

LIPS: พลีตรอบวงเลย! น่ารักมาก

Asava: อยากให้ท่อนล่างมันดูพิเศษด้วย แล้วเราต้องคิดว่ากระโปรงบานเวลานั่งมันจะออกมาแบบไหน ก็เลยขอเป็นพลีตแบบคมๆ ที่มันมีทั้งความเฟมินีนและแฝงไปด้วยความคลาสสิก คือชอบมากกว่ากระโปรงผ้าทูลล์ฟรุ้งๆ เพราะเห็นเจ้าสาวใส่กันเยอะแล้ว ขอไม่เอาผ้าทูลล์ดีกว่า

LIPS: คิดลึกซึ้งมากเหมือนเป็นผู้กำกับภาพเลย

Asava: คือเราต้องสร้างจินตนาการในหัวให้เจ้าสาวเห็นภาพ หรือแม้กระทั่งจะทําโชว์ใดๆก็ตาม ภาพในหัวต้องชัดเจนก่อน เจ้าสาวจะนั่งพับเพียบฝั่งซ้ายหรือขวา ดอกไม้ควรจะติดฝั่งไหน เวลาพับเพียบแล้วจีบกระโปรงจะเป็นเช่นไร เราต้องคิดเผื่อในฐานะคนทำงานเสื้อผ้าที่ทำงานกับภาพลักษณ์และรูปถ่าย เราต้องสื่อสารออกไปเพราะบางทีเจ้าสาวเขาอาจจะยังคิดไม่ถึงเลยก็ได้

LIPS: ฟีดแบ็กเป็นอย่างไรบ้าง

Asava: หากเจ้าสาวเจ้าบ่าวแฮปปี้ก็คือจบ นั่นคือฟีดแบ็กที่พี่มองหาที่สุด เราเป็นคนทําเสื้อผ้าที่ทำให้คนใดคนหนึ่งใส่ซึ่งหากว่าเติมเต็มความฝัน จิตวิญญาณและตัวตนของเขา สําหรับเราคือประสบความสําเร็จ รู้สึกดีใจที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของเราน่ารัก ก็มีส่งการ์ดมาขอบคุณพร้อมเขียนว่าไม่คาดคิดว่าเราลงไปจับทุกอณู พอเขาเห็นถึงความตั้งใจนั่นเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับเรา

LIPS: ตัดภาพมาที่ ‘คุณปรางค์ – อภินรา ศรีกาญจนา’ กับชุดสไตล์วิกตอเรียนสวยตาแตก

Asava: ปรางค์กับเราสนิทกันดี เขาเรียกเราว่า ‘อาหมู’ ปรางค์ก็จะมีสิ่งที่อยากได้ในใจ เช่น อยากได้ดีเทลช่วงคอแบบนั้นแบบนี้ รวมถึงก้อง (กรุณ ซอโสตถิกุล) เจ้าบ่าวเองก็มีความแฟชั่น ดังนั้นต้องไม่ใช่เดรสหรือสูทธรรมดาแน่นอน ปรางค์เองเป็นคนตัวเล็กแต่ Big Personality หรือ ‘ตัวตน’ ของเขาค่อนข้างชัดเจน โจทย์เลยกลายเป็นว่าจะทำชุดอย่างไรให้มีอลังการและมีความคลาสสิก ชุดที่ออกมาจึงแฝงด้วยกลิ่นอายวิกตอเรียนค่อนข้างสูง งานของปรางค์รายละเอียดเยอะมาก มีศิลปินญี่ปุ่นมาเขียนการ์ตูน มาทําโลโก้ให้ เราก็ใช้องค์ประกอบที่เขาตั้งใจทำนี้แฝงอยู่ในเสื้อด้วย ซึ่งเป็นเสื้อที่ใช้ลูกไม้ฝรั่งเศสหลายร้อยหลาแบบหมดเมืองไทย แล้วก็ดีเทลปักมืออีก

“ปรางค์เป็นคนตัวเล็กแต่ ‘ตัวตน’ ข้างชัดเจน โจทย์เลยกลายเป็นว่าจะทำชุดอย่างไรให้มีอลังการและมีความคลาสสิก ชุดที่ออกมาจึงแฝงกลิ่นอายวิกตอเรียน”

LIPS: ปักมือแบบไหน

Asava: ลูกไม้ฝรั่งเศสที่ละเอียดอยู่แล้ว ก็มีการปักลูกปัดแก้วทับไปเพื่อให้ชุดวิบวับเล่นไฟมากขึ้น ซึ่งปกติลูกไม้มีทั้งความทึบและความโปร่ง ดังนั้น ในบางจุดก็ปักให้ทึบเพื่อเบรกความหวาน มันจะดูเท่ขึ้น มีความเป็นกราฟิกมากขึ้น รวมถึง ‘จี้เพชรของคุณย่า’ ที่เรามองว่าไม่ควรใส่อย่างเดียว ควรปักลงบนชุดเลย เพราะเวลาเคลื่อนไหวจะได้ไม่ต้องมาพะวงว่าจี้จะเบี่ยงไปทางซ้ายหรือทางขวา เวลาถ่ายรูปตำแหน่งของสร้อยจะได้เป๊ะกับบริเวณคออย่างที่ปรางค์จินตนาการถึงภาพวาดในยุควิกตอเรียน 

LIPS: ในงานของ ‘แพนเค้ก – เขมนิจ จามิกรณ์’ มีชุดหลายชุดในหลากหลายช่วงเวลา แต่โมเมนต์สำคัญที่สุดขณะลอดซุ้มกระบี่ แพนเค้กเลือก WHITE Asava

Asava: จริงๆแล้ว รูปร่างของแพนเค้กจะใส่ชุดแบบไหนก็ได้ แต่มีชุดหนึ่งที่เราเล็งไว้ให้เขาเป็นชุดผ้าไหมไทย แต่พอพิจารณาจากโมเมนต์ลอดซุ้มกระบี่ ทั้งพิธีการ ทั้งตัวบุคคล ทั้งชุดของเจ้าบ่าว คือสารวัตรหมี (พ.ต.ท. ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์) รายละเอียดต่างๆ แน่นมาก ดังนั้น เราต้องทำให้แพนเค้กดูโดดเด่น แต่ไม่เลอะเทอะ ไม่เป็นองค์ประกอบที่มากวนสายตากระบี่ เราเลยใช้ชุดผ้าไหมเรียบๆ แล้วเสริมลูกไม้ตรงปลายแขนเพราะคิดเผื่อเวลาตัดเค้ก ส่วนความโดดเด่นไปเล่นที่รูปร่างของชุดที่ใช้เชปแบบอวกาศทรงสะโพกป่อง เนื่องจากเขาเป็นคนตัวสูงและเอวเล็ก เขาเลยเอาชุดนี้อยู่ และโมเมนต์นั้นแพนเค้กดูสง่างามมาก เปล่งประกายมากภายใต้ความเนี้ยบของแพตเทิร์น

“เราต้องทำให้แพนเค้กดูโดดเด่น แต่ไม่เลอะเทอะ เลยใช้ชุดผ้าไหมเรียบๆ แล้วเสริมลูกไม้ตรงปลายแขน ส่วนความโดดเด่นไปเล่นที่รูปร่างของชุดที่ใช้เชปแบบอวกาศทรงสะโพกป่อง”

LIPS: ถ้าไม่ติดเงื่อนไขใดๆ เลย คุณอยากตัดชุดแต่งงานให้ใคร ไม่ว่าคนนั้นจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม

Asava: เราหลงใหลในตัวแคโรลีน แบสเซตต์ เคนเนดี (ภรรยาของจอห์น เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ บุตรชายของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี เธอได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกลุค Quiet Luxury ในยุค 90), ดีอานา วรีแลนด์ (อดีตบรรณาธิการบริหารโว้กอเมริกันในยุค 1960) และวอลลิส ซิมป์สัน ดัชเชสแห่งวินเซอร์ (ชายาในเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งอังกฤษ) มันดูเป็นการยกตัวอย่างที่เก่ามาก แต่เราชอบคนที่มีตัวตนชัดเจน ไม่จำเป็นต้องสวย และไม่ใช่ความสวยในอุดมคติ แต่เขารู้จักบุคลิกของตัวเองที่พอแต่งแบบนี้แล้วจะเปล่งประกายที่สุด นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ชอบคนสวยนะ คนสวยใครๆ ก็อยากทำงานด้วย แต่เรามองว่าคนจะต้องมีแก่น มีบุคลิกและตัวตนที่ชัดเจน และไม่ได้มองหาอะไรที่เหมือนคนอื่น มันจะทำให้เราได้ทำงานได้ในอีกมิติหนึ่ง

LIPS: มาดามเอกิโกะ คุณแม่ของคุณที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นมิวส์ ท่านใส่ชุดอะไรในวันแต่งงาน

หมู Asava: คุณแม่ใส่ชุดกิโมโน จัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายมาก เป็นกิโมโนโบราณที่ตกทอดมาอีกที เราเคยเห็นในรูปในสมัยเป็นเด็กซึ่งเราก็ยังไม่รู้สึกอะไร พอโตมาทำเสื้อผ้า เราถึงรู้ว่ามันช่างมีความหมาย มันตกทอดมาจากคุณยาย คุณย่าของเรา ซึ่งเช่นเดียวกันกับเจ้าสาวทุกคน เราอยากบอกว่าการแต่งงานไม่ใช่การแข่งขัน ไม่ใช่การแสดง มันอยู่ที่ตัวตนหรือจิตวิญญาณของคุณ จงหาความหมายของมันให้เจอ

“คุณแม่จัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายมาก ใส่กิโมโนโบราณที่ตกทอดมาอีกที มันช่างมีความหมาย…การแต่งงานไม่ใช่การแข่งขัน ไม่ใช่การแสดง มันอยู่ที่ตัวตนหรือจิตวิญญาณของคุณ จงหาความหมายของมันให้เจอ”

LIPS: แล้วคุณล่ะ อยากใส่ชุดแบบไหนในงานแต่งงานของตัวเอง

Asava: (ใช้เวลาคิดครู่ใหญ่) อืม…เราอยากได้อะไรที่มันสบายๆ อาจเป็นเสื้อลินินแขนยาวสีขาวง่ายๆ กับกางเกงลินินสีขาวและรองเท้าแตะหนังสีนู้ดสักคู่ ชีวิตเราอยู่ท่ามกลางบริบทที่อะไรหลายๆ อย่างบอกให้เราต้องทำสิ่งนั้นทำสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา เราเลยอยากได้สิ่งที่เป็นออร์แกนิก มีความเป็นธรรมชาติในชีวิต คนร่วมงานอาจจะมีสัก 20 คน แต่เป็นคนที่สำคัญกับชีวิตเราจริงๆ

LIPS: ศิลปินหลายคนชอบความสมถะและเรียบง่ายเสมอ

Asava: เราอยู่กับทุกอย่างมาหมดแล้ว เชื่อเถอะความเรียบง่ายคือสิ่งที่ดีที่สุด ใครมาเจอที่ออฟฟิศก็จะเห็นเราใส่เสื้อเหมือนๆ กันทุกวัน เสื้อดำ กางเกงดำ แล้วก็รองเท้า Adidas Stan Smith ซึ่งสิ่งที่เราชอบเป็นอะไรที่เบสิกมากๆ เป็นประเภทที่ว่าถ้ามีความสุขกับอะไรเพียงไม่กี่อย่าง ก็จะทำสิ่งนั้นซ้ำๆ วนไป ชอบกินผัดกะเพราก็กินไปเลยสามเดือน เหมือนในหัวเรามีอะไรให้คิดเยอะมาก และการอยู่กับเรื่องเดิมๆ ตื่นเวลาเดิม กินข้าวร้านเดิมๆ เจอคนเดิมๆ มันไม่ต้องคิดเยอะดี ชีวิตคนเรามีแต่เรื่องควบคุมไม่ได้เต็มไปหมด พอถึงเวลาส่วนตัวก็ไม่ต้องการอะไรที่วุ่นวาย ไม่ต้องมานั่งสแกน ไม่ต้องมาใช้สมอง ไปเจอผู้คนก็แค่มาแชร์โมเมนต์ที่ดีต่อกันแล้วก็กลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง

“15 ปีที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้ว่าควรอยู่ในจุดที่พอดีแล้วมันจะดี ไม่ต้องรีบเร่ง ไม่ต้องแข่งกับกระแสหรืออยากอยู่ในสปอตไลต์ตลอดเวลา”

LIPS: แบรนด์ Asava เดินทางมาถึงช่วงวัยรุ่น 15 ปีแล้ว 

Asava: ไม่รู้ว่าจะเป็นวัยรุ่นได้ไหม แต่ว่า 15 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงแห่งการเรียนรู้ วันนี้เราเข้าใจบริบทของแฟชั่นมากขึ้น ที่ว่าการทำแบรนด์ไม่ใช่สักแต่ว่าทําเสื้อ แต่มันคือการใช้ชีวิตด้วย และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแบรนด์คือภาพสะท้อนมุมมองของเราตลอดทั้งชีวิต และ 15 ปีเราได้เรียนรู้ว่าควรอยู่ในจุดที่พอดีแล้วมันจะดี ไม่ต้องรีบเร่ง ไม่ต้องแข่งกับกระแสหรืออยากอยู่ในสปอตไลต์ตลอดเวลา แน่นอนมันมีการแข่งขันในเชิงธุรกิจ แต่ว่าการแข่งกับสิ่งที่มันท้าทายตัวเอง มองงานตัวเองแล้วมันมีอะไรใหม่ไหม? เราศรัทธางานตัวเองไหม? นั่นคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด

“คุณจะสวยได้ต้องแสดงแก่นแท้และเนื้อแท้ของตัวเองออกมา ฉันคือใคร? มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?”

LIPS: 15 ปีกับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทั้งความทุกข์ ความสุข ความสำเร็จ และความผิดพลาด ฯลฯ

Asava: มันไม่มีอะไรในโลกนี้ที่แน่นอน ทุกอย่างมีช่วงเวลาของมัน มีช่วงเวลาขึ้น มีช่วงเวลาลงเป็นเรื่องธรรมชาติ ดังนั้น เราต้องรู้จักลดอัตตาและยอมรับสิ่งต่างๆ หรือกระแสที่มันเกิดขึ้นใหม่ๆ เราต้องสามารถคอลแลบฯ ร่วมกับคนอื่น หรือแบรนด์อื่น ขณะเดียวกันก็ต้องมีจุดยืนแต่ไม่ยึดติดมากเกินไป เพราะเราอยากให้แบรนด์มีการพัฒนาไปเรื่อยๆ และในจุดเปลี่ยนของแบรนด์ก็มีหลายจุด อย่างการทำยูนิฟอร์มให้กับแบรนด์สายการบินครั้งแรก แล้วทั่วโลกได้เห็นและยอมรับก็เป็นอีกโมเมนต์สำคัญที่เปลี่ยนชีวิตเรา 

หรือแม้กระทั่งนางงามที่ไม่ใช่วิถีของเราแต่ก็ไม่เสียใจใน 4 ปีที่ได้ทำ เพราะมันทำให้เห็นจุดเปลี่ยนหนึ่งของ Asava ที่ทำให้คนรู้จักแบรนด์ในอีกลำดับชั้นหนึ่ง อาจจะไม่ใช่มุมที่ถูกใจเขาหรืออาจมีคนถูกใจก็ได้ และใช่! เราก็มีช่วงเวลากู้แบรนด์กลับมาหลังจากสูญเสียตัวตนไปในช่วงเวลาปี 2015-2016 ซึ่งกู้กลับมาได้อีกครั้งในช่วงปี 2018

“เราอยู่กับทุกอย่างมาหมดแล้ว เชื่อเถอะความเรียบง่ายคือสิ่งที่ดีที่สุด เราใส่เสื้อเหมือนๆ กันทุกวัน เสื้อดำ กางเกงดำ แล้วก็รองเท้า Addidas Stan Smith”

LIPS: แผนการต่อไปของ Asava อยากเสิร์ฟอะไรใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคเจนใหม่ๆ ที่เติบโตขึ้น

Asava: เราให้งานของเราพูดแทนเรา เราเชื่อว่างานที่เราทำมีพัฒนาการที่เกี่ยวโยงกับสังคมและผู้บริโภคที่แท้จริง หน้าที่ของดีไซเนอร์คือทําความรู้จักกับไลฟ์สไตล์และสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสมัยนี้ผู้คนมักพูดถึงความยั่งยืนของแบรนด์ใช่ไหม? เรารู้สึกว่าเป็นคำที่ใช้กันจนเฝือเหลือเกิน สุดท้ายอะไรที่อยู่ได้ มันต้องมีความเกี่ยวโยงกับสังคมที่มันเปลี่ยนแปลงไปแต่ก็ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน เราเชื่อในคุณภาพของงานและเราจะไม่หยุดพัฒนา

“ถ้าเราแต่งงาน…เราอยากได้อะไรที่มันสบายๆ อาจเป็นเสื้อลินินแขนยาวสีขาวง่ายๆ กับกางเกงลินินสีขาวและรองเท้าแตะหนังสีนู้ดสักคู่”

LIPS: คุณค่าอะไรที่ Asava ยืนหยัด ตั้งแต่เกิดจนถึงปีที่ 15

Asava: สิ่งนั้นคือ ‘เนื้อแท้’ คุณจะสวยได้ต้องแสดงแก่นแท้และเนื้อแท้ของตัวเองออกมา ฉันคือใคร? มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร? ดังนั้นไม่ว่าจะทำเสื้อผ้าผู้ชาย หรือเสื้อผ้าผู้หญิงจะต้อง Make Peace หรือมอบความสงบสุขในชีวิตและมองเห็นคุณค่าของตัวเอง เราเลยอยากจะให้เสื้อผ้าหรืองานที่เราออกแบบที่สะท้อนถึงสิ่งนี้

Words: Varichviralya Srisai
Photos:
 Asava

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม