Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

Best Show at Paris Men’s Spring/Summer 2023

ไฮไลต์จากโชว์ดังที่บอกเล่าปารีสแฟชั่นวีคซีซั่นล่าสุด
Fashion / Style File

จบลงอย่างน่าประทับใจสำหรับแฟชั่นวีคเมืองปารีสคอลเลคชั่นเสื้อผ้าผู้ชายประจำฤดูกาล Spring/Summer 2023 หลังจากที่เราได้ชมเสื้อผ้าสวย เรียบง่าย และเข้าใจง่ายไปก่อนหน้าที่มิลาน สำหรับปารีสเหมือนพาเรานั่งรถไฟเหาะที่มีทั้งขึ้นสุดและลงสุดแบบที่เราคาดการณ์ไม่ได้ เหล่าดีไซเนอร์พร้อมใจส่งคอลเลคชั่น ‘แตกต่าง’ ตัดเลี่ยนมิลานสมคำร่ำลือในฐานะเมืองแฟชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

แน่นอนว่าทุกโชว์อาจไม่ได้ถึงมาตราฐานของคำว่า ‘แตกต่าง’ แบบที่เราวางเอาไว้ อย่างที่เกริ่นไปปารีสครั้งนี้เปรียบเสมือนเพลงมิกซ์ที่มีทั้งช่วงพีคที่เราอยากเต้นแรงไปจนถึงช่วงบีตน่าเบื่อที่เราแค่อยากยืนเฉยๆ ให้มันผ่านไป ดังนั้น 8 โชว์ที่เราเลือกมาล้วนเป็นโชว์ที่แสดงถึงศักยภาพในแง่ของงานดีไซน์ ความคิดสร้างสรรค์ และวิธีการนำเสนอที่ต่างจากคนอื่นๆ ในยามที่ทุกคนเน้นความเรียบง่ายซึ่งไม่ผิดเลยแม้แต่นิด แต่การได้เห็นอะไรที่แปลกแหกขนบออกไปบ้างช่วยทำให้แฟชั่นสนุกขึ้นเป็นกองเลย 

Louis Vuitton

สำหรับใครที่ตั้งคำถามว่าทำไมแฟชั่นต้องชู Virgil Abloh ให้ดูสำคัญขนาดนั้น เราขออธิบายสั้นๆ เลยว่าเขานี่เหละคือออริจินัลของผู้สร้าง ‘ความต่าง’ ในอุตาหกรรมแฟชั่นที่บางครั้งก็ยึดติดกับค่านิยมแบบเดิม ไม่เคยมีใครคิดว่า Virgil ชายผิวดำผู้มีแบคกราวด์การทำงานร่วมกับแร็ปเปอร์อย่าง Kanye West และเป็นเจ้าของสตรีตลักชูรีอย่าง Off-White จะก้าวเข้าสู่ตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton ได้ 

การนำวัฒนธรรมของคนดำหรือสไตล์สตรีตที่เคยถูกมองว่า ‘ไม่โอเค’ ในสายตาของกลุ่มแฟชั่นอีลีทมาแปรเปลี่ยนเป็นกระแสหลักของแฟชั่นช่วยยกระดับให้อุตสาหกรรมเข้าถึงคนหมู่มากมากขึ้น การหลอมรวมคัลเจอร์ที่หลากหลายสร้างคุณค่าและความเชื่อใหม่ๆ ต่อผู้บริโภคเจเนอเชั่นใหม่ได้อย่างมหาศาล แฟชั่นที่เคยถูกมองว่าเป็นแค่เรื่องของเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า (ยังเป็นอยู่) ได้ขยายกรอบความสำคัญมากขึ้นในแง่ของการสร้างตัวตันและคุณค่าของตัวตน

และเมื่อพูดถึงตัวตนแน่นอนว่าการมีอยู่ของ Virgil ในฐานดีไซเนอร์ ‘ผิวดำ’ ผู้ทำงานให้กับแบรนด์แฟชั่นสำหรับคนผิวขาวได้เปลี่ยนชุดความคิดในเรื่องความเป็นไปได้ของอุตสาหกรรม เรามีโอกาสเห็นดีไซเนอร์ผิวดำ เอเชีย หรือเชื้อชาติอื่นๆ ได้รับความสนใจมากขึ้น คงต้องบอกว่าต้นตอก็มาจาก Virgil ผู้บุกเบิกกรุยทางไปก่อนหน้า ไม่แปลกใจเลยที่ซีซั่นนี้ Louis Vuitton จะนำเสนอคอลเลคชั่นเป็นการสั่งลา ‘ตำนาน’ เพื่อสดุดีเส้นทางที่เขาได้ทลายกรอบและสร้างเส้นทางใหม่ๆ ให้กับอนาคต

ทีมงานและคนใกล้ชิดของ Virgil รวมตัวกันเพื่อสร้างคอลเลคชั่นที่พวกเขาได้เรียนรู้และได้เปลี่ยนไปจากการทำงานร่วมกันกับเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลิ่นอายสตรีตแวร์ผสมผสานกับงานคราฟต์ชั้นสูงที่แทรกลูกเล่นและการชนกันระหว่างวัฒนธรรมซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของ Virgil ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมราวกับว่าตัวดีไซเนอร์ยังมีชีวิตอยู่ ถ้า Virgil ดูอยู่ที่ไหนสักที่เขาจะต้องภูมิใจและยิ้มออกมาแน่นอน 

Rick Owens

จุดแข็งของ Rick Owens คือการที่เขารู้ว่าจุดแข็งของตัวเองเป็นอย่างไร และไม่จำเป็นต้องตามเทรนด์ให้เหนื่อยแต่ให้คนอื่นๆ มาวิ่งตามในสิ่งที่ตนเองสร้างแทน เสื้อผ้าสไตล์อาวองการ์ดที่เคยใส่ยากเหลือเกินปัจจุบันมีกลิ่นอายสตรีตแวร์เข้ามาผสมผสานได้กำลังพอดี บวกกับสไตล์ของคนยุคใหม่ที่ก้าวกระโดดชอบที่จะเป็นตัวของตัวเอง เสื้อผ้า Rick Owens กลายเป็นสัญลักษณ์ของการขับตัวตนไม่แปลกใจที่แฟนของเขานับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวันๆ 

และด้วยจำนวนแฟนเดนตายที่ไม่ว่า Rick จะทำอะไรออกมาก็ตามพวกเขาพร้อมที่จะเปิดรับ คอลเลคชั่นล่าสุดของเขาจึงสามารถเป็นอะไรก็ได้ เสื้อผ้าสไตล์อาวองการ์ดฟิวเจอริสติก เอาต์เตอร์แวร์เชปแปลกตา ดิคอนสตรัคต่างๆ จนไปถึงสีสันที่กระโดดเข้ามาเบรกความโมโนโทน ทุกอย่างดูลงตัวในบริบทที่เต็มอิ่มด้วยงานดีไซน์ชั้นเลิศ การเล่าเรื่องและการนำเสนอที่จุใจ 

Dior Men

การจะหาข้อติคอลเลคชั่น Dior Men โดย Kim Jones ช่างเป็นเรื่องยากเสียจริง ไม่ใช่เพราะเราเข้าข้างเขาหรืออย่างไร แต่เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าผู้ชายต้องการอะไร เสื้อผ้าแบบไหนที่ผู้ชายอยากได้ กระเป๋า รองเท้าและเครื่องประดับทรงไหนที่ผู้ชายจะยอมเสียเงินซื้อ ที่สำคัญคือเขาไม่ได้เล่นง่ายเน้นขายคล่องเพราะทุกครั้งเขาจะทดลองและผสมอะไรใหม่ๆ ลงในคอลเลคชั่นเสมอ เช่นเดียวกับคอลเลคชั่น Spring/Summer 2023 แรงบันดาลใจจากสวนดอกไม้ของ Monsieur Dior ที่เขานำมาต่อยอดสร้างเป็นเรื่องราวให้กับคอลเลคชั่น 

ความเก๋ของคอลเลคชั่นนี้นอกจากโทนสีหวานๆ รับความพาสเทลของผู้ชายยุคใหม่แล้ว คือการหยิบเอาสไตล์ของชุดชาวสวน คนตัดต้นไม้ใดๆ มาผสมผสานเข้ากับโค้ดของ Dior ไม่ว่าจะเป็น Bar Jacket ที่แมตช์เข้ากับขาสั้นสไตล์คนสวนหรือจะเป็นขาสั้นรัดรูปที่ใส่ซัพพอร์ตสำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้ง ความเรียบง่ายที่แฝงด้วยเรื่องราวและวิธีการนำเสนอที่จับต้องได้เป็นสิ่งที่ Kim ถนัดมากๆ เขาเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งและทำให้ลูกค้าหลายคนเชื่อจนเสียทรัพย์ซื้อตาม

Loewe

อีกหนึ่งนักสร้างสรรค์ตัวหลักประจำปารีส JW Anderson ได้เปลี่ยน Loewe ให้กลายเป็นห้องทดลองระหว่างสองความต่างที่ลงตัว ‘ธรรมชาติ’ และ ‘ดิจิทัล’ ซึ่งเขาได้ให้คำจำกัดความว่า ‘New Reality’ เมื่อเราได้ยินสิ่งนี้ก็รู้สึกเห็นด้วยและเข้าใจคอลเลคชั่นนี้ขึ้นมาทันที การตีความโลกอนาคตที่สองสิ่งนี้คือตัวแปรสำคัญในการดำรงชีวิต สิ่งแวดล้อมคือประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญจากสภาวะโลกร้อนที่กำลังคุกคามเราเร็วขึ้นทุกปี JW Anderson แปรสภาพเสื้อผ้าของเขาด้วยการปลูกพืชลงบนเนื้อผ้าจริงๆ (ไม่ได้ตัดแปะ) เพื่อจำลองการอยู่ร่วมกับธรรมชาติของคนในอนาคตที่อาจต้องพกต่้นไม้ติดตัวเมื่อไม่มีพื้นที่สีเขียวแล้วบนโลกนี้ 

ดิจิทัลคือไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่อย่างแท้จริง ซึ่งเขาได้ตีความเสียดสีผ่านเสื้อผ้าที่มีจอดิจิตอลติดตัวสะท้อนถึงคนยุคนี้ที่เสพติดการโซเชียลซึ่งบางครั้งก็เกินความพอดี ไม่ใช่แค่นั้นคอลเลคชั่นนี้ยังนำเสนอไอเท็มอื่นๆ ที่เรียบง่ายสำหรับวางขายในช็อปได้ด้วยเช่นกัน เราชอบการบาลานซ์ระหว่างความบ้าหลุดโลกและความเรียบง่ายเน้นขายของที่กำลังพอดี เข้าใจว่าของก็ต้องขายแต่ขายไอเดียโชว์ศักยภาพและมุมมองด้วยก็ไม่ผิดอะไรเลย 

Marine Serre

ถ้าใครที่รู้จัก Marine Serre จากพระจันทร์เสี้ยวคว่ำที่เหล่าศิลปิน K-Pop ชอบใส่แล้วละก็ เราขอบอกเลยว่าแบรนด์นี้มีอะไรมากกว่านั้นเยอะมาก เริ่มต้นเลยคอลเลคชั่นนี้ว่าด้วยการเฉลิมฉลองความเป็นมนุษย์ในแบบของ Marine Serre การตีความที่ต้องการให้แฟชั่นมีค่ามากกว่าแค่เสื้อผ้าเก๋ๆ ไว้ใส่อวดลงโซเชียล Marine Serre ต้องการส่งแมสเสจอย่าง ความหลากหลาย จริยธรรม พลังบวก และความเป็นมนุษย์ ผ่านเสื้อผ้าที่ทำขึ้นจากวัสดุรีไซเคิลเกือบจะทั้งหมด 

ใช่คุณฟังไม่ผิดหรอกเสื้อของ Marine Serre ทำขึ้นจากผ้าเก่าในโกดังและถูกแปรสภาพให้กลายเป็นเนื้อผ้าแบบใหม่ จริยธรรมที่เราหมายถึงคือความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่เธอให้ความสำคัญและตระหนักอยู่เสมอในการทำทุกๆ คอลเลคชั่น บ่อยครั้งที่เรามักคิดว่าเสื้อผ้าทำจากวัสดุเหล่านี้ไปต่อและเก๋สู้แบรนด์อื่นๆ ไม่ได้ พลังบวกของโชว์นี้คือการที่เธอไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่คนตราหน้าและลงมือทำด้วยความตั้งใจ สำหรับความเป็นมนุษย์และความหลากหลายที่เธอส่งผ่านเหล่านางแบบและนายแบบที่ผสมระหว่างคนจริง เพื่อน พี่ น้อง และคนดัง เสื้อผ้าเปรี้ยวเก๋ตอบโจทย์คนแฟแน่นอนเพิ่มเติมคือแมสเสจพลังบวกที่แบรนด์ใหญ่บางแบรนด์ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ยอดเยี่ยม 

Thom Browne

เวลาที่เรานึกถึง Thom Browne เราจะนึกถึงชุดสูทสีเทาดีไซน์คลาสสิคเน้นเชปและฟอร์มที่แตกต่างกันไปในแต่ละซีซั่น เมื่อไม่นานมานี้ Thom ได้ท้าทายความหมายของคำว่า Masculine ด้วยการเพิ่มกระโปรงเข้ามาแมตช์กับชุดสูทของเขา ฟังแล้วมันไม่ใหม่เลยนะเพราะเราเห็นแบรนด์มากมายออกมาขานรับกับกระแสไร้เพศกันเต็มไปหมด สำหรับ Thom Browne เรื่องนี้ใหม่เป็นอย่างมาก แบรนด์ที่ตีความมาสคูรีนจ๋าในบริยทที่เฟมินีนขึ้นมากอาจช็อคฐานลูกค้าได้ประมาณนึงเลยทีเดียว 

ถ้าคิดว่ากระโปรงมันเฟมินีนไม่พอซีซั่นนี้ Thom Browne โกบียอนกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นมินิสเกิร์ต บิกินี และ Jock Strap เอ๊ะ มันคืออะไรนะ เชื่อว่า LGBTQIA+ ทุกคนจะต้องรู้จัก การท้าทายขนบในฐานะแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายเพื่อจะไปต่อข้างหน้ามันต้องใช้ความกล้าประมาณหนึงเลยทีเดียวที่จะกระชาก DNA อันแข็งแรงอยู่แล้วให้เปลี่ยนไปตามคัลเจอร์ที่เปลี่ยนไป Thome Browne ครั้งที่แล้วอาจจะดูเขินอายไปบ้างกับกระโปรง แต่คราวนี้เรารู้สึกได้ว่าเข้ามั่นใจและอยากให้ลูกค้าของเขามั่นใจด้วยเช่นกัน 

Craig Green

อีกหนึ่งดีไซเนอร์ที่บาลานซ์ระหว่างความคิดสร้างสรรค์และการใช้งานจริงได้สมบูรณ์แบบ Craig Green สำหรับใครที่ติดตามแฟชั่นจะรู้ว่างานของเขาจัดอยู่ในหมวดหมู่ ‘ใส่ยาก’ ซึ่งถ้ามองมุมดีไซน์จริงๆ แล้วงานของเขาไม่ต่างอะไรเลยกับ Rick Owens งานดีไซน์ที่ขับตัวตนและ DNA ของตัวเองที่ชัด ตัว Craig Green เองงานของเขาเริ่มต้นจาก Workwear ที่ค่อยๆ ต่อยอดและประกอบร่างจนดูคอนเซ็ปต์ชวลไม่ต่างอะไรกับงานศิลปะ 

ซีซั่นนี้มันอาจไม่ใช่การลดทอนเสียทีเดียว แต่มันคือการตะหนักถึงฟังก์ชั่นการใช้งานของชุดให้เกิดประโยชน์สูงสุดมากว่า มองภายนอกภาพรวมของคอลเลคชั่นดูไฮแฟชั่นอาวองการ์ดมากๆ แต่ถ้าเราลองถอดแต่ละชิ้นออกแล้วค่อยๆ วางจะเห็นว่าทุกชิ้นคือเสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้จริง ใช้ในชีวิตจริงๆ ได้ เพียงแต่ทุกชิ้นล้วนมีไอเดียในดีไซน์และผลิตออกมา เพราะลูกค้าของ Craig Green ชอบเสื้อผ้าเน้นฟังก์ชั่นใช้งานได้จริงแต่ต้องสุดโต่งในแง่ความคิดสร้างสรรค์ด้วย ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ได้คะแนน 100% ในแง่นั้น 

Celine

ปิดท้ายแฟชั่นวีคด้วยการสร้าง Talk of the Town กับการเชิญสามแม่เหล็กซูเปอร์สตาร์จากฝั่งเกาหลี Lisa จากวง Blackpink  V หรือ Kim Tae-Hyung จาก BTS และ Park Bo-Gum นักแสดงมากฝีมือที่เรียกแฟนๆ นับพันคนยืนรอรับพวกเขาหน้าทางเข้าแฟชั่นโชว์แบบแน่นขนัด นอกจากนั้นแล้วนี่ยังถือเป็นรอบหลายปีที่ Celine กลับมาจัดแฟชั่นโชว์อีกครั้งและครบรอบ 20 ปีการทำงานในอุตสาหกรรมแฟชั่นของ Hedi Slimane ครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนปัจจุบันของ Celine 

Hedi เคยสร้างปรากฏการณ์มาแล้วตั้งแต่สมัยที่เขาอยู่ Dior Homme ก่อนจะย้ายมาที่ Saint Laurent และล่าสุดที่ Celine ความคลั่งไคล้ Sub-Culture ของเขาไม่ว่าจะบริตร็อค พังก์ร็อค หรือกรันจ์คือแรงบันดาลใจที่เขาหยิบมาต่อยอดสร้างสรรค์เป็นคอลเลคชั่นเรื่อยๆ เรายกนิ้วให้เขาในแง่ทำอย่างไรให้เจเนอเรชั่น Z อยากใส่และอยากแต่งตัวแบบ Celine แน่นอนการเลือกใช้ K-Pop ก็ถือเป็นแม่เหล็กชั้นยอดในการส่งให้ Celine เป็น Wish List ของเด็กรุ่นใหม่หลายคน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ โดยเฉพาะคอลเลคชั่นนี้ล่าสุดนี้มันคือการ ‘ทำซ้ำ’ สิ่งที่เขาทำได้ดีอยู่แล้วแต่เปลี่ยนบริบทและการถูกเห็นไปเรื่อยๆ ถ้าคุณเป็นแฟนเขานานมากพอจะรู้ว่าที่เราเห็นวันนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากที่เราเคยเห็นในช่วง 19 ปีที่ผ่านมา แต่เรายอมรับว่า Hedi เก่งมากในการทำให้งานดีไซน์ซ้ำมันยังเท่และเป็นที่ต้องการได้อยู่เรื่อยๆ 

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม