Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

‘Stress Care’ is The New Self-Care

เมื่อการดูแลความเครียดได้กลายเป็นเทรนด์การดูแลตัวเองประจำปี 2022
Beauty / Wellness & Aesthetic

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่า ‘สุขภาพจิต’ หรือ ‘Mental Health’ ได้กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญมากๆ ต่อผู้คนในปัจจุบัน เพราะในสังคมของเราทุกวันนี้ความเครียดอาจจะเป็นหนึ่งสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงได้ยากและเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตต่างๆ มากมาย เช่น โรคซึมเศร้า (Depression) โรควิตกกังวล (Anxiety) และโรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว (Bipolar Disorder) ซึ่งปัญหาด้านสุขภาพจิตเหล่านั้นนั้นล้วนได้รับผลกระทบจากความเครียดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง 

ทำให้เทรนด์ ’Stress Care’ หรือเทรนด์การดูแลความเครียดได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและกำลังได้รับความสนใจอย่างมากภายในปี 2022 นี้ และถ้าหากคุณสงสัยว่าทำไมเรื่องที่ดูไกลตัว (สำหรับบางคน) ได้กลายมาเป็นเทรนด์การดูแลตัวเองที่น่าจับตามองมากที่สุดเทรนด์หนึ่งในปีนี้ คุณลองมองย้อนกลับไปว่าคุณมีบทสนทนากับคนรอบตัวคุณที่ประกอบด้วยคำว่า ‘เครียด’ บ่อยแค่ไหน?

เราขอขยายความสำคัญของเทรนด์นี้ด้วยตัวเลขเชิงสถิติเพื่อแสดงให้เห็นว่าความเครียดเป็นอีกหนึ่งศัตรูตัวฉกาจของจิตใจเรา มีรายงานว่า 1 ใน 14 คนหรือ 7% ของคนในประเทศอังกฤษกล่าวว่าพวกเขาเครียดในทุกๆ วัน และมี 1 ใน 5 คนจากการสำรวจนั้นกล่าวว่าจำนวนวันที่พวกเขารู้สึกเครียดนั้นมีมากกว่าจำนวนวันที่พวกเขาไม่เครียดในแต่ละเดือน 

ยังไม่รวมกับข่าวการฆ่าตัวตายจำนวนมากที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างทวีคูณในหลายพื้นที่ทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าความเครียดและสุขภาพจิตนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรให้ความใส่ใจเป็นอันดับต้นๆ วันนี้ LIPS เลยหยิบเอาเทรนด์การดูแลตัวเองอย่าง Strss Care นี้มาบอกเล่าถึงความสำคัญและบอกถึงสาเหตุว่าทำไมการดูแลสุขภาพจิตนั้นถึงได้กลายเป็น #NEWSTANDARD ของผู้คนทั่วโลกใน พ.ศ. นี้!

Meaning and Impact of Stress 

ก่อนที่เราจะลงลึกไปถึงขั้นตอนการดูแลสุขภาพจิตต่างๆ เราขอพูดถึง ‘ความหมาย’ และ ‘ผลกระทบ’ ของความเครียดกันก่อน เพราะหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าความเครียดคือ สถานการณ์ใดๆ ที่กระตุ้นการตอบสนองทางชีวภาพ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่เรารับรู้ได้ถึงภัยคุกคามหรือความท้าทายที่สำคัญจะส่งผลให้เคมีและฮอร์โมน เช่น Cortisol หรือฮอร์โมนความเครียดนั้นพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ซึ่งส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตของคุณเพิ่มขึ้น 

สิ่งเหล่านั้นที่เรากล่าวมาล้วนเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่ง ‘การต่อสู้’ และ ‘การหลีกหนี’ ความเครียดนั้นเป็นวิธีที่ตอบสนองต่อความเครียดที่ทำให้มนุษย์นั้นสามารถดำรงเผ่าพันธุ์มาเป็นเวลาหลายแสนปี แต่การเก็บสะสมความเครียดเอาไว้นั้นอาจไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้อง เพราะว่าหลังจากมนุษย์เราได้พบเจอกับความเครียดนั้นเราควรทำให้ร่างกายของเรานั้นผ่อนคลายเพื่อสลัดความเครียดเหล่านั้นทิ้งไป 

และการที่มนุษย์เรานั้นมีความเครียดมากเกินไปอาจจะส่งผลให้ความเครียดเหล่านั้นกลายเป็น ‘ความเครียดเรื้อรังได้’ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่คนเรานั้นพบเจอกับความเครียดมากมายในแต่ละวัน ซึ่งความเครียดเรื้อรังเหล่านั้นสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราในระยะยาวและอาจจะทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตต่างๆ ได้ และนอกจากผลกระทบต่อจิตใจแล้วความเครียดสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อร่างกายของเราได้ เช่น ความดันโลหิต หรือระบบย่อยอาหารที่มีผลกระทบโดยตรงจากความเครียด 

Ways to Release Stress 

จากผลกระทบจากความเครียดในเนื้อความข้างต้นเราจะเห็นได้ว่ามันเปรียบเสมือนเนื้องอกที่ค่อยๆ กัดกินจิตใจของเราและนำไปสู่ปัญหาทางด้านร่างกายต่างๆ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการที่เราหาสาเหตุที่เป็นต้นตอที่ทำให้เรานั้นเกิดความเครียด และคิดทบทวนดูว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นต้นตอความเครียดเหล่านั้นได้หรือไม่? 

และถึงแม้ในบางครั้งความเครียดจะดูเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้เพราะปัจจัยภายนอกต่างๆ แต่คุณสามารถหาวิธีจัดการกับความเครียดของคุณได้ โดยคุณสามารถเช็คความรู้สึกของคุณว่าคุณเครียดบ่อยแค่ไหน และพยายามอ่อนโยนกับตัวเองเมื่อเผชิญกับความเครียด ‘Sarah Lee’ นักจิตอายุรเวชกล่าวว่า ความเครียดนั้นสามารถสะสมได้เราควรตรวจสอบและติดตามความเครียดของเราอย่างต่อเนื่อง มันเปรียบเสมือนการนำรถของคุณเข้าศูนย์เป็นประจำเพื่อไม่ให้รถของคุณเสียโดยไม่คาดคิด

การเพิกเฉยต่อความเครียดนั้นอาจจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยหน่ายหรือปัญหาสุขภาพจิตได้ เช่น ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล ซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีว่ามันส่งผลเสียมากมายกับร่างกายและจิตใจของเรา ดังนั้นเราควรมีช่องทางระบายความเครียดหรือ ‘Outlets for Stress’ เข้ามาในชีวิตเพื่อไม่ให้ความเครียดของเรานั้นล้นและสะสมจนกลายเป็นปัญหาด้านสุขภาพจิตรูปแบบต่างๆ และทางออกสำหรับความเครียดนั้นอาจจะเป็นวิธีง่ายๆ เช่น การวิ่งหรือเดิน, การลดการบริโภคคาเฟอีน, การดื่มน้ำ, การใช้เวลากับเพื่อน, การเล่นกีฬาหรือการหางานอดิเรกใหม่ๆ ทำ 

นอกจากนั้นการจดจ่อกับลมหายใจหรือ ‘การทำสมาธิ’ นั้นก็เป็นวิธียอดเยี่ยมในการพยายามระบายความเครียด แต่เราก็สามารถแสดงออกทางร่างกายแบบอื่นๆ ได้ เช่น ตะโกน หัวเราะ ร้องไห้ หรือกระทืบเท้าเพื่อระบายความเครียด ซึ่งวิธีการต่างๆ ที่เรากล่าวไปนั้นใช้ได้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บทสรุปของเทรนด์ Stress Care นั้นก็คือพยายามหาสาเหตุของความเครียดและปลดปล่อยมันด้วยวิธีต่างๆ แต่ถ้าเราเจอปัญหาที่ส่งผลให้เกิดความเครียดแบบรับมือไม่ได้ลองพูดกับตัวเองว่า “ฉันรู้ว่ามันยาก แต่ฉันจะพยายามอ่อนโยนกับตัวเอง” ก็จะทำให้จิตใจของเรานั้นไม่ย่ำแย่เกินไป แต

่สุดท้ายแล้วปัญหาด้านสุขภาพจิตที่เกิดจากความเครียดนั้นมาจากหลายปัจจัยมากๆ บางครั้งมันอาจเกิดจากสารเคมีในสมองที่แปรปรวนหรือเป็นโรคทางพันธุกรรม ดังนั้นหากเรารู้ว่าสภาวะจิตใจของเรานั้นไม่ปกติเราควรไปพบจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างตรงจุดและป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม