Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

‘พฤกษ์ เอมะรุจิ’ ผู้กำกับเล่าเบื้องหลังการทำงานกับ ‘ไบร์ท-เบลล่า’ และทีมงานบอลลีวูด ในหนัง Congrats My Ex!

Interview / People

“ผมคิดว่านักแสดงที่ดีจะมีความสุขที่ได้ทำอะไรแปลกใหม่” เป็นต้นว่า เล่นมายากล ควงกระบองไฟ เต้นอินเดีย ร่วมจอกับนักแสดงบอลลีวูดตัวจริง ฯลฯ แปลกใหม่พอไหม คนต้นคิดที่ทำให้ เบลล่า – ราณี แคมเปน และ ไบร์ท – วชิรวิชญ์ ชีวอารี มาทำสิ่งเหล่านี้ที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็คือ พฤกษ์ เอมะรุจิ ผู้กำกับหนังไทยกลิ่นอายบอลลีวูดเรื่องแรก Congrats My Ex! ลุ้นรักป่วน ก๊วนแฟนเก่า

พฤกษ์ เอมะรุจิ ใช้เสียงหัวเราะ ‘ฉาบ’ ความดรามาในหนังไทยหลายเรื่อง อาทิ ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก, อีเรียมซิ่ง, ใจฟู…สตอรี่ และก็เป็นหนัง ‘อีเรียมซิ่ง’ ที่เขาและเบลล่าได้ค้นพบว่า จริตคอเมดีตรงกัน จึงหวนมาร่วมงานกันอีกครั้งใน Congrats My Ex! พร้อมกับโจทย์ใหม่ที่ท้าทายว่า นาทีนี้ ใครจะอยู่บนจอคู่เบลล่าได้แบบค่า HP ทัดเทียมและเคมีเข้ากัน ถ้าไม่ใช่ ไบร์ท – วชิรวิชญ์ ชีวอารี 

เบลล่ารับบท ริสา เจ้าของบริษัทรับจัดงานแต่งงานที่บัญชีติดตัวแดงแจ๋ งานใหม่ที่ต่อลมหายใจให้บริษัทอยู่รอดคืองานแต่งงานของคู่รักชาวอินเดียที่เจ้าบ่าวคือแฟนเก่าที่เธอยังรักเขาอยู่ ถ้ายังขมขื่นไม่พอ จู่ๆก็มีเหตุด่วนที่ริสาต้องไปขอร้องให้ ทิม (รับบทโดยไบร์ท) ช่างภาพคนใหม่ต้องมารับงานร้อนแทนช่างภาพคนเก่า และเขาก็เป็นแฟนเก่าของริสาที่ยังรักเธออยู่!

เรื่องราวความหรรษาผสมรักขมขื่นจึงบังเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และจะจบลงยังไงละเนี่ย… 

ใดใดก็ตาม ผู้กำกับพฤกษ์มีเรื่องเบื้องหลังมาแชร์แด่แฟนปัจจุบันของ ‘ไบร์ท-เบลล่า’  

“ถ้าคุณชอบไบร์ทและเบลล่า และรู้สึกสนุกที่ได้เห็นทั้งสองคนบนจอ นั่นคือจบมิชชันของเราแล้ว อย่างอื่นคือกำไร”

LIPS: คุณทำหนังตลกมาโดยตลอด จนเคยถามตัวเองว่าจริงๆก็อยากฉีกไปทำแนวอื่นบ้างนอกจากคอเมดี

พฤกษ์: ก็อยากทำนะครับ 

LIPS: แต่จริงๆแล้วคุณไม่ได้ทำแนวตลกหรอก ‘ฉาบ’ ด้วยความตลกมากกว่า หลายๆเรื่องเป็นดรามาจะตาย อย่างไบค์แมน ใจฟูสตอรี เล่าเรื่องครอบครัว ชนชั้นแรงงาน เพียงแต่ใช้ความตลกเพื่อเข้าหาคนดูมากกว่า 

พฤกษ์: (กระซิบ) ใช่ๆ แต่จุดเริ่มต้นมาจากตลกไงครับ เมื่อก่อนเราทำซิตคอม (บางรักซอย 9) เวลาคนเรียกใช้งาน ถ้าเป็นแนวตลก คนจะนึกถึงเรา ก็เลยเถิดมา เราก็เข้าใจนะ ถ้ามองในมุมคนจ้าง  อย่างถ้าจะทำแนวแอ็กชัน คนจะนึกถึงพี่โขม (ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับหนังขุนพันธ์ทั้งสามภาค และซีรีส์ KinnPorsche) ความตลกเลยกลายเป็นยี่ห้อเรา ถามว่าถนัดแนวตลกไหม ก็ถนัดนะ เราชอบมองอะไรที่ตลก แต่เราก็แอบใส่ความดรามาเข้าไปในงาน 

ผมคิดว่าคนทำแนวตลกส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ คือจริงๆแล้วเราก็มีเรื่องอื่นเกาะอยู่กับความตลกด้วย เพียงแต่คนอาจจะมองเห็นความตลกนำ และความตลกมีหลายแบบ อย่างตลกคาเฟ่สามารถเล่นเรื่องพ่อแม่ตายได้ หรือเล่นกับเรื่องที่ดาร์กมากๆ แต่ทำให้ตลก เป็นการเปลี่ยนมุมมอง ถ้าจะมองให้ตลกก็มองได้

LIPS: จริงๆแล้วเรื่องที่คนตลกเป็นเรื่องเศร้า เป็นโศกนาฏกรรมในชีวิต 

พฤกษ์: มักจะไม่ใช่เรื่องดี มันเลยยาก พอเป็นเรื่องเศร้ามันจะมีไม่กี่แบบ ท่ามันจะประมาณนี้แหละ แต่ความตลกมีหลายเลเยอร์ คนเรามีรสนิยมความตลกไม่เหมือนกัน บางคนชอบตลกคาเฟ่ บางคนชอบตลกแบบโน้ส อุดม บางคนไม่ชอบมุข แต่ชอบตลกสถานการณ์ หรือบางคนไม่ชอบตลกแบบนี้ และไม่ชอบตลกแบบนั้น จะเอามาปนกันไม่ได้ เลยกลายเป็นเรื่องยากว่าจะทำยังไงให้คนดูชอบอย่างที่เราพยายามจะทำ

LIPS: และยุคนี้ PC เยอะด้วย

พฤกษ์: เลยยิ่งยาก แต่คนทำงานก็ได้พัฒนาในทางอื่น บางมุขยุคนี้เล่นไม่ได้แล้ว เป็นเส้นแบ่งที่บางคนอาจเครียดไปว่า ไม่ได้เลย ห้ามเล่น เพราะอย่างที่บอกว่าเรื่องตลกมักจะมาจากเรื่องแย่ๆ ทีนี้เราต้องดูไปตามสถานการณ์ เช่น เราเล่นตลกกับเพื่อนที่เรารู้แน่ๆว่าเล่นมุขนี้แล้วเขาจะไม่โกรธ เราสองคนไม่คิดอะไร แต่เมื่อมีบุคคลที่ 3…(หัวเราะ) มาตัดสิน มันจะกลายเป็นเรื่องขึ้นมา 

LIPS: เรื่องตลกเข้าหาคนส่วนใหญ่ได้ง่าย ตามมาด้วยจำนวนคนดูที่มาก และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็มากตามไปด้วย

พฤกษ์: ไม่ว่าเราจะทำเรื่องอะไรก็ต้องเจอคอมเมนต์อยู่แล้ว เราต้องเลือกมอง บางคอมเมนต์เราจะรับรู้ได้ว่าเขาติแบบจริงใจ บางคอมเมนต์คือเกรียนคีย์บอร์ด แรกๆก็เสพหมด มัน toxic นะ แต่ผมมาจับได้ว่า คนเล่นโซเชียลบางทีลืมไปว่าคนตรงข้ามเราคือมนุษย์ เราอยู่กับจอสี่เหลี่ยมและพิมพ์ เราเห็นแค่จอแบนๆตรงหน้า ไม่สามารถเห็นแววตา สีหน้า หรืออารมณ์ของอีกฝั่ง 

ผมเคยไปตอบเขาด้วยนะกับคนที่ติ เราบอกว่า ‘ครั้งหน้าจะทำให้ดีขึ้นนะครับ’ ซึ่งพอตอบเขา เหมือนไปสะกิดให้เขารู้สึกว่าเราคือมนุษย์นี่หว่า และเขาจะเปลี่ยนท่าทีทันที ผมเลยคิดว่าคนเราถ้ารู้จักกัน ความเกลียดชังต่อกันจะหายไปเยอะมาก เราก็รู้จักกันนี่นา ไม่ต้องเกลียดกันก็ได้ 

LIPS: ถ้าเราเตือนเพื่อน เราคงไม่ด่าแรงขนาดนั้นหรอก

พฤกษ์: ใช่ ผมเคยคิดนะว่าถ้าทุกคนบนโลกรู้จักกัน โลกคงไม่มีสงคราม ทำไมจะต้องไปทำร้ายกัน

LIPS: ในเส้นทางของการทำหนังตลก คนทำไม่ได้เจอเรื่องตลกเฮฮา

พฤกษ์: และหนังตลกมักถูกหลงลืม จริงๆแล้วคนชอบเสพคอนเทนต์คอเมดี แต่กลับเอามันไว้ระดับล่างๆ และยกย่องงานแนวดรามา เป็นรางวัล ซึ่งผมว่าไม่ผิด เป็นธรรมชาติมนุษย์ คนเราชอบยกย่องอะไรที่ยากๆ 

LIPS: แต่หนังตลกทำยากนะ แสดงก็ยาก

พฤกษ์: ใช่ ถ้าคุณไปถามเบลล่า เขาจะบอกเลยว่าตลกเล่นยาก 

LIPS: ตั้งใจตลกมันจะไม่ตลก และไม่ใช่แค่ทำตามบทแล้วจะตลกด้วย

พฤกษ์: ถูกต้อง คนมองว่าหนังตลกไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอก ยกสมองออกไปเล้ย (หัวเราะ) แต่เราก็เข้าใจคนที่คิดแบบนี้ ในฐานะคนทำงาน เราจะไปเรียกร้องให้คนมาเห็นใจก็ไม่ได้ด้วย เราทำงาน คนดูเป็นคนเสพ เขาย่อมจะคิดแบบนั้นได้ เราเลยคิดว่า ได้ ฉันจะพยายามทำให้เธอยอมรับให้ได้ 

“ถ้าคุณไปถามเบลล่า เขาจะบอกเลยว่าตลกเล่นยาก”

LIPS: สิ่งที่เราออกมาอธิบายตัวเองจะกลายเป็นคำแก้ตัวไปหมด

พฤกษ์: ซึ่งไม่มีประโยชน์ที่จะทำแบบนั้นด้วย เราแค่ต้องทำงานต่อไปเรื่อยๆ

LIPS: แล้ว Congrats My Ex! น่าสนใจอย่างไรจึงได้ say yes

พฤกษ์: เวลาเราทำหนัง เราจะคิดแค่เรื่องเนื้อหาเป็นหลัก และทิ้งเรื่องอื่นไปก่อนว่าจะเป็นหนังแบบไหน แนวอะไร เราจะเข้าไปที่เนื้อเรื่องก่อนว่าอยากเล่าเรื่องอะไร ซึ่ง Benetone ที่ชวนเราทำมาหนังเรื่องนี้มีทีมที่เซตอัปเรื่องราวมาประมาณหนึ่ง แก่นที่เขาคิดมาน่าสนใจ มันคือคำว่า ‘เราทุกคนเคยมีแฟนเก่า’ เชื่อว่าน้อยมากที่จะไม่มี เรื่องนี้จึงน่าจะทัชคนได้เยอะ เป็นเรื่องที่ทั้งดีและไม่ดี เราจะจัดการอย่างไร 

สอง ทางผู้บริหารเบเนโทนมีเชื้อสายอินเดีย เขารู้ว่ามีคนอินเดียมาแต่งงานที่เมืองไทยเยอะ มันคือสิ่งที่เราเพิ่งรู้ และคิดว่าคนทั่วไปก็น่าจะมองว่าเป็นเรื่องใหม่ของเขา ผมคิดว่าหนังที่ดีมีองค์ประกอบ 2 อย่าง คือประเด็นที่คุ้นเคยเพื่อให้ทัชใจคนดูได้ สอง ต้องมีส่วนที่ว้าว คนดูรู้สึกว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน 

LIPS: ต้องมีสิ่งที่คุ้นเคยและสิ่งแปลกใหม่ 

พฤกษ์: ถ้าคุ้นเคยอย่างเดียว คนจะรู้สึกว่า ‘ก็เคยดูแล้วนี่’ หรือถ้ามีสิ่งใหม่อย่างเดียว คนดูก็จะ ‘อะไรเนี่ย?!?’ ถ้ามีสองส่วนนี้ก็จะเป็นความสนุก และหนังเรื่องนี้มีทั้งสองสิ่ง ก็เลยทำดีกว่า มีโครงเรื่องมาแล้ว เราเอามาเขย่าให้เป็นบท ใส่ไอเดียโต้กันเหมือนตีปิงปองกันไปมา และมีส่วนที่เป็นเรื่องพิธีกรรมการแต่งงานแบบอินเดีย หรือความนึกคิดของคนอินเดีย นักเขียนบทต้องไปทำการบ้านมาว่าเขามีพิธีกรรมอย่างไร สิ่งที่เราคิดคือสิ่งที่คนอินเดียจริงๆคิดหรือเปล่า สุดท้ายไม่ใช่เรื่องภาษาหรอก แม้ว่าจะมีนักแสดงอินเดีย มันคือเรื่องแนวคิดของคน 

“เราเคยร่วมงานกับเบลล่ามาก่อน รู้ศักยภาพของเบลล่าดีว่าเขาทำบ้าๆบอๆได้…นี่คือคำชมนะ”

LIPS: ล็อกเป้าไว้แต่แรกไหมว่าจะขายระดับโลก go global

พฤกษ์: ไม่เลย จุดเริ่มต้นของเราคือจะทำหนังไทย เราไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะทำหนังอินเดีย

LIPS: ไม่ได้จะทำซอฟต์พาวเวอร์

พฤกษ์: (หัวเราะ) เราคุยกันแต่แรกกับพี่กุล (กุลเทพ นฤหล้า โปรดิวเซอร์) ว่าจุดเริ่มต้นแรกของเราต้องทำให้คนไทยดูสนุกก่อน ต้องขายโลคัลให้ได้ก่อน ถ้าโลคัลดี เสียงนี้จะส่งไปถึงประเทศอื่นๆได้เอง และถ้าเราไปทำหนังอินเดีย เราจะไปสู้เขาได้ยังไง แต่ส่วนที่เป็นอินเดีย เราก็ไม่อยากทำข้อมูลผิดๆ พี่กุลเน้นมากเรื่องพิธีกรรมแต่งงานต้องเป๊ะ มีพราหมณ์อินเดียมาให้คำแนะนำ แม้แต่ส่วนที่เป็นการเต้นอินเดีย เราก็ให้นักออกแบบท่าเต้นจากอินเดียมาสอนนักแสดง 

LIPS: เบลล่าและไบร์ทเข้ามาในหนังได้อย่างไร

พฤกษ์: เรายังไม่เห็นสองคนนี้เลย คือตอนเขียนบท เราต้องตามตัวละครไปให้สุดก่อน เราจะยังไม่คิดถึงหน้านักแสดงคนไหนเลยจนบทเสร็จ จนจะเริ่มถ่ายทำค่อยมานึกถึง เราเคยร่วมงานกับเบลล่ามาก่อนในหนังอีเรียมซิ่ง เรารู้ศักยภาพของเบลล่าดีว่าเขาทำบ้าๆบอๆได้ นี่คือคำชมนะ (ยิ้ม) เบลล่าเอ็นจอยกับบทคอเมดี เราเห็นมาจากละครบุพเพสันนิวาสแล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่กล้ามาเล่นหนังอีเรียมซิ่ง ไม่รู้ว่าเบลล่าอยากมาทำอะไรก๊องแก๊งกับเราหรือเปล่า แต่พอชวนถึงได้รู้ว่าเขาเอ็นจอยกับการแสดงคอเมดี และค้นพบว่าตลกเล่นยาก มันท้าทายกว่าบทดรามา เขาเอ็นจอย เราก็เอ็นจอยที่ได้ร่วมงานกับเบลล่า

แต่พอมาเรื่อง Congrats My Ex! เราไม่รู้ว่าเรื่องราวนี้จะใหม่มากพอที่เบลล่าจะไม่รู้สึกว่าจำเจหรือเปล่า มีเรื่องการพูดภาษาอังกฤษ เต้นอินเดียด้วย ก็เลยชวนเบลล่ามาเล่น และถามว่าเขาอยากเล่นกับใคร จำเป็นต้องถาม เพราะการทำหนังเหมือนการเข้าค่ายครับ เป็นกิจกรรมหมู่ เราควรเอาคนที่รักกันมาเข้าค่ายด้วยกัน เราอย่าเอาคนที่เกลียดกันมาเลย เพราะกองถ่ายต้องอยู่ด้วยกันนาน ถ้าคนไม่เข้ากันมันจะเลวร้ายมาก แม้แต่เวลาชวนทีมงาน เราก็ต้องดูก่อนว่าเรากับเขาจะเข้ากันได้หรือเปล่า หนังเป็นเรื่องของปัญหานะครับ เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ปัญหาน้อยที่สุด แผนที่วางไว้ไม่เคยเป็นไปตามแผน สุดท้ายเป็นเรื่องการแก้ปัญหาล้วนๆ อยู่ที่ว่าแผนที่วางไว้ตอนแรกจะไปได้แค่ไหน 

“ผมเป็นโรคกลัวซุป’ตาร์ เราชอบทำงานกับนักแสดง แต่ไม่อยากทำงานกับดารา เวลาทำงานกับนักแสดงจะสนุก เขาจะขยันทุ่มเท ซึ่งในการทำงาน ไบร์ทเป็นแบบนั้น”

LIPS: เมื่อได้ยินชื่อไบร์ทจากปากเบลล่า…

พฤกษ์: อย่างแรกเลย เรารู้ว่าไบร์ทเก่ง มีความเฉิดฉายอยู่แล้ว แต่เรายังไม่แน่ใจเรื่องอายุ เพราะมีคนทักมาว่าอายุไม่เท่ากันนะ ซึ่งเราไม่อยากให้หนังไปแตะประเด็นนั้น พอไบร์ทมาอ่านบท เรารู้สึกเลยว่า อู้ว ลืมเรื่องอายุไปเลยโดยอัตโนมัติ ทุกอย่างเวิร์กมาก และไบร์ทก็สู้ มาเจอเบลล่านี่พลังเท่ากันก็เลยสนุก แต่แรกๆเราแอบเกร็ง ไม่เคยร่วมงานกับไบร์ทมาก่อน 

ผมเป็นโรคกลัวซุป’ตาร์ เราชอบทำงานกับนักแสดง แต่ไม่อยากทำงานกับดารา เวลาทำงานกับนักแสดงมันจะสนุก เขาจะขยันทุ่มเท ซึ่งในการทำงาน ไบร์ทเป็นแบบนั้น เขาเจ๋งมาก เราถ่ายทำกัน 3-4 เดือน เขาบอกตลอดว่าพี่อยากให้ทำอะไร บอกได้นะ และตัวเขาก็มีไอเดียมาแชร์ มันทำให้เราเห็นว่าเขาทำการบ้านมาก่อน เราชอบวิธีการทำงานแบบนี้มาก ต่างคนต่างมีอะไรมาแชร์กัน 

LIPS: เพราะนี่คือผลงานของเขาที่จะคงอยู่เป็นคาร์บอนฟุตปริ๊นท์ ประทับในอาชีพของเขาไปตลอด คนที่รักอาชีพจะทุ่มเท

พฤกษ์: และผมอยากทำอะไรที่เขาไม่เคยเล่น และอยากทำสิ่งที่คนดูยังไม่เคยดู ถ้าทำอะไรซ้ำๆ คนดูและเราเองอาจจะเบื่อ ซึ่งเรื่องนี้ไบร์ทกับเบลล่าก็ได้ทำอะไรแปลกใหม่เยอะมาก

LIPS: การทำงานกับทั้งสองคนเป็นอย่างไรบ้าง

พฤกษ์: สนุกมาก คาแรกเตอร์ของไบร์ทฉูดฉาดขึ้นมา เพราะเราพยายามจับให้ได้ว่าทำไมทิมถึงจะมาชอบคาแรกเตอร์อย่างริสา เป็นเพราะเขาต้องมาช่วยแก้ปัญหาบางอย่างให้ในงานแต่งงานนี้ แปลว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีความน่าสนใจ แต่ถ้าแก้ปัญหาอย่างเดียวคงไม่พอ เราก็จับปัญหาโยนใส่สองคนนี้เข้าไปเยอะๆ แก้เรื่องนี้ได้ ก็มีเรื่องอื่นเข้ามาอีก ถ้าแก้ปัญหาเยอะแยะได้ ก็แปลว่าทิมต้องมีทักษะเยอะๆ ก็แปลว่าทิมเป็นมนุษย์เป็ด ทำได้ทุกอย่าง แต่ทำได้ดีอย่างละประมาณหนึ่ง เขาเป็นคนเบื่อง่าย เปลี่ยนสิ่งที่ชอบไปเรื่อยๆ สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือ ทิมยังรักริสาเหมือนเดิม 

พอเราจับคาแรกเตอร์ได้ เราก็ประโคมเรื่องราวใส่ให้ทิม ไบร์ทก็เลยได้ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ขี่มอเตอร์ไซค์ เล่นมายากล เต้นอินเดีย ควงกระบองไฟ ไบร์ทอาจจะงงๆว่า เอ๊ เรารับงานอะไรมาเนี่ย?!!? ผมชอบดูเวลาเขามาซ้อม ดูเขาสนุกกับมัน มาเรียนฟันดาบ ควงกระบองไฟ 

ผมคิดว่านักแสดงที่ดีจะมีความสุขที่ได้ทำอะไรแปลกใหม่นะ ยกตัวอย่าง ทอม ครูซ พอเขาทำงานมาประมาณหนึ่ง ทักษะอื่นๆกลายเป็นเรื่องเบสิกไปหมดแล้ว เขาจะมองหาอะไรแปลกใหม่ที่มาเพิ่มสกิล ไม่ได้ทำไปแบบออโต ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวละครทิมมีเสน่ห์มากขึ้นด้วย

“ไบร์ทมีไอเดียมาแชร์ตลอด มันทำให้เราเห็นว่าเขาทำการบ้านมาก่อน เราชอบวิธีการทำงานแบบนี้มาก ต่างคนต่างมีอะไรมาแชร์กัน”

LIPS: มีไอเดียอะไรบ้างที่ไบร์ทกับเบลล่าเอามาขายให้ผู้กำกับ 

พฤกษ์: มักจะเป็นไอเดียที่เข้ามาเติมซีนนั้นๆให้ดีขึ้น ตัวละครทำแบบนี้เพราะอะไร ผมอยากลองแบบนี้ได้ไหม ส่วนใหญ่ผมจะซื้อนะ หรือการได้ไบร์ทมาแสดง ก็ต้องมีฉากเซอร์วิสแฟนๆนิดหนึ่ง ถอดเสื้อบ้าง แต่เราต้องหาจุดที่เมกเซนส์ด้วย ไม่ใช่ดูหนังแล้วงงว่าจู่ๆ พระเอกอาบน้ำทำไม แล้วทำไมฉันต้องมานั่งดูเขาอาบน้ำ เราต้องหาจุดที่สมเหตุสมผล ไม่ตะขิดตะขวงใจ และได้เซอร์วิสแฟนด้วย 

ตอนทำเราไม่ได้คิดเรื่องเซอร์วิสแฟนหรอก หรืออาจจะคิดไว้เป็นลำดับท้ายๆ อันดับแรกเราต้องมองหาเรื่องที่เมกเซนส์ ถ้าคิดเรื่องเซอร์วิสแฟนก่อน หนังจะกลายเป็นโชว์ขายของ อาจจะดี คนอาจจะชอบ แต่ก็ชั่วครั้งชั่วคราว เราไปหาสิ่งที่จำเป็นจริงๆที่เป็นแก่นของมันดีกว่า

LIPS: การทำงานกับโปรดักชันต่างชาติล่ะ มีทีมงานไทยและทีมงานอินเดีย

พฤกษ์: ในส่วนที่เป็นอินเดียจะเข้ามาตั้งแต่เขียนบท พิธีกรรมแต่งงานอินเดียเราก็ไปขอข้อมูลจากพราหมณ์ เพลงที่ใช้ในหนัง เราได้ทีมนักแต่งเพลงบอลลีวูดอินเดียมาทำให้ เพราะเราทำไม่เป็นหรอก เราเป็นคนไทย เราก็มีจังหวะตึ่ง ตึ่ง โป๊ะในแบบของเรา เขาก็มีจังหวะของเขา ถ้าเราทำเอง คงทำยังไงก็ไม่ใช่ มันจะดูเป็นของปลอม แต่พอเขาทำมา โอ้โห ได้เลย เพราะเป็นทีมทำเพลงหนังบอลลีวูดจริงๆ 

พอเป็นพาร์ตเต้น นักออกแบบท่าเต้นคนไทยก็เก่ง คงทำตามเรฟเฟอร์เรนส์ได้ แต่มันคือการเลียนแบบ ไม่ใช่ดีเอ็นเอ เราเลยให้นักออกแบบท่าเต้นจากอินเดียมาดูแล เชิญตัวมาจากอินเดียให้มาซ้อมเต้นให้ไบร์ทและเบลล่า พอเขามา เรารู้เลยว่าทำไมบอลลีวูดถึงเจ๋งมาก เพราะเขาเก่งมากจริงๆ ด้วยความที่บอลลีวูดเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ไม่น้อยหน้าฮอลลีวูด เมื่อไรที่เป็นอุตสาหกรรมจะมีการแข่งขัน เพราะทำเยอะ แปลว่าคนของเขาพร้อมทำงาน มีทักษะ และรวดเร็ว เช่น ตารางทำงานของเราค่อนข้างบีบ เขาสามารถลงจากเครื่องบินแล้วมาซ้อมได้เลย เขามีทีมงานมาพร้อม ไม่มีการเจ็ตแล็ก เพิ่งลงเครื่องมา ขอพักก่อน เขาทำงานได้เลย และทำแบบไม่ทรมานด้วยนะ เขาตั้งใจและรวดเร็วจนเราทึ่งมาก

“เราให้นักออกแบบท่าเต้นจากอินเดียมาดูแลเรื่องเต้น เชิญตัวมาจากอินเดียให้มาซ้อมเต้นให้ไบร์ทและเบลล่า”

LIPS: เหมือนหมอห้องฉุกเฉินเลยไหม เร็วแต่แม่น 

พฤกษ์: ใช่ๆ หรือยกตัวอย่าง เวลาเราขานก่อนเดินกล้อง กล้อง สปีด แอ็กชัน (พูดช้าๆ) แต่ของเขาคือ กล้อง! สปีด! แอ็กชัน! (พูดเร็วจี๋) ถึงเขาจะสั่งเร็ว แต่นักแสดงก็แสดงได้นี่ แล้วที่ผ่านมาเราขานช้าทำไม (หัวเราะ) เราคิดว่าเราเร็วแล้ว แต่ไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบไง พอมาเจอบอลลีวูด เราเห็นภาพเลยว่าที่นู่นเขาต้องแข่งขันกันมากแค่ไหน เรายังห่างไกลจากเขามาก 

นักแสดงอินเดียในเรื่อง (มาแฮร์ แพนดิ และ แอนนาฮีต้า บูชาญ) เล่นหนังบอลลีวูดอยู่แล้ว เป็นนักแสดงใหม่ที่ตอนนี้ดังไปแล้ว เขาจะถามเลยว่าอยากได้แบบไหน ฉันทำการบ้านมาหลายแบบเลย ฉันคิดแบบนี้นะ คุณต้องการแบบนี้หรือเปล่า พร้อมทำงานสุด ฉากแอ็กชันต้องเกาะรถกระบะ เราก็หาสตั๊นต์แมนมาให้ เขาบอกขอแสดงจริง เขารู้สึกว่าทำได้ ให้ทำอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง 

LIPS: ในเรื่องไบร์ทกับเบลล่าต้องพูดภาษาอังกฤษด้วย

พฤกษ์: ตอนแรกเราจะให้พูดภาษาฮินดีด้วยครับ โลกเราตอนนี้มันเชื่อมกันไปหมด เราสื่อสารกันหลายภาษาแล้ว แต่เดี๋ยวคนดูจะงงตอนอ่านซับ เลยขอแค่สองภาษา คือไทยกับอังกฤษ นี่เป็นจุดที่ไบร์ทกับเบลล่าอยากมาเล่นหนังเรื่องนี้ด้วยนะ เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเขา อย่างบทพูดภาษาอังกฤษของเบลล่าค่อนข้างยาว 

70% ของหนังถ่ายทำที่หัวหิน เพราะคนอินเดียชอบไปจัดงานแต่งที่นั่นกันเยอะ มีโรงแรมหลายแห่งที่จัดงาน แต่เราไม่ได้เน้นท่องเที่ยว เพียงแต่เนื้อเรื่องต้องไปเกิดที่นั่นจริงๆ แต่ถ้าคนดูชอบ อยากไปเที่ยว ก็เป็นผลพลอยได้ 

“บอลลีวูดเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ไม่น้อยหน้าฮอลลีวูด คนของเขาพร้อมทำงาน มีทักษะ และรวดเร็ว”

LIPS: อยากให้คนดูรู้สึกอย่างไรเมื่อได้เสพหนังเรื่องนี้

พฤกษ์: อย่างแรกเลยเราอยากให้คนดูเอ็นจอยกับหนังที่เราทำ มีความสุข เพลิดเพลิน สองคืออาจจะได้แง่คิดที่เราแฝงไว้ เราไม่กล้าทำหนังที่ไปสั่งสอนคนดูหรอก แค่แอบๆซ่อนๆไว้ ถ้าคุณจับมันไปได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร สำหรับผมนะ ขั้นต่ำสุดคือคุณสนุกกับหนัง เราตั้งใจทำให้มันรื่นเริง และถ้าคุณชอบไบร์ทและเบลล่า และรู้สึกสนุกที่ได้เห็นทั้งสองคนบนจอ นั่นคือจบมิชชันของเราแล้ว อย่างอื่นคือกำไร

Words: Suphakdipa Poolsap
Photos: Somkiat Kangsdalwirun 

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม