Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Fashion / Trends

MB&F LM Split Escapement EVO

เผยโฉมเรือนเวลาใหม่ด้วยนวัตกรรมสุดท้าทายในตระกูล EVO
Fashion / Trends

MB&F เผยโฉมเรือนเวลาที่สะท้อนนวัตกรรมสุดล้ำเวอร์ชันใหม่ในตระกูล EVO ซึ่งรังสรรค์ขึ้นจากแนวคิดของช่างนาฬิการะดับมาสเตอร์ Stephen McDonnell ผู้สามารถสรรหาพื้นที่จัดวาง Escapement ควบคู่ไปกับการแสดงปฏิทินถาวรของ LM Perpetual ที่มีความสลักซับซ้อนอย่างยิ่งได้สำเร็จ จนกลายเป็น LM Split Escapement EVO ในที่สุด

LM Split Escapement

LM Split Escapement ผลิตขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2015 ซึ่งพัฒนามาจากรุ่น LM Perpetual ด้วยการออกแบบและคิดค้นของช่างนาฬิการะดับมาสเตอร์ชาวไอริชเหนืออย่างที่บอกไปด้านบนแล้วนะครับ Stephen McDonnell ได้วางชิ้นส่วนของ Perpetual Calendar เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยนำชิ้นส่วน Flying Balance Wheel อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ MB&F มาวางไว้ตรงตำแหน่งศูนย์กลางของหน้าปัด แต่แล้วเขาก็เจอปัญหา นั่นคือการที่ไม่มีพื้นที่สำหรับวาง Escapement ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเคยเป็นปัญหาเดียวกับที่เคยเจอมาแล้วในรุ่น Legacy Machines ก่อนหน้า และแม้ว่าเขาจะจัดการปัญหาเรื่องการจัดวาง Balance Wheel คู่กับ Escapement บนนาฬิกาสำเร็จมาแล้ว แต่ด้วยชิ้นส่วน Balance Wheel ที่มีความซับซ้อนกว่าของรุ่น LM Perpetual ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะออกแบบพื้นที่ร่วมกันเพื่อสององค์ประกอบที่ว่านี้ 

แต่ด้วยเทคนิคและความชำนาญเฉพาะตัว แมคดอนเนลล์ได้ออกแบบเสา Balance Staff ขนาดยาวที่สุดในโลก ซึ่งสามารถวางข้ามผ่านกลไกทั้งหมดได้ และคงให้ Balance Wheel ที่มีขนาดใหญ่นั้นได้ครองพื้นที่ของตัวเองบนด้านหน้านาฬิกาไปเลย และทำการย้ายชิ้นส่วนที่เหลือของ Escapement ทั้งชิ้นส่วน Anchor (แองเคอร์) และ Escape Wheel ไปไว้ด้านตรงข้ามของกลไกตรงบริเวณด้านล่างแทน หรือห่างออกไปจากตำแหน่งเดิมเกือบ 12 มิลลิเมตร และด้วยการแยกชิ้นส่วนกลไกสองส่วนออกจากกันนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อรุ่น Split Escapement(สปลิท เอสเคปเมนท์) นั่นเองครับ

ต้องบอกว่าตอนที่เปิดตัว LM Perpetual ยังมีอีกหลายนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการอุตสาหกรรมการประดิษฐ์นาฬิกาให้พูดถึงอีกหลายประเด็น ดังนั้นตอนปี 2017 MB&F ก็เลยตัดสินใจผลิต LM Split Escapement หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “LMSE” เพื่อประกาศศักดาความอัจฉริยะของแมคดอนเนลล์มันเสียเลย ทั้งกลไกจักรกลไขลานด้วยมือที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนถึง 298 ชิ้น ขับเคลื่อนผ่านตลับลานคู่ และสามารถสำรองพลังงานได้นาน 72 ชั่วโมง มาพร้อมกับระบบการเปลี่ยนวันที่ได้สะดวกสบาย และด้วยการใช้งานที่ง่ายขึ้นนี้ ยังช่วยป้องกันความเสียหายโดยไม่ตั้งใจที่อาจเกิดขึ้นกับกลไกภายใน กรณีที่ผู้สวมใส่เผลอไปปรับตั้งวันที่ด้วยตัวเอง ซึ่งก็นับเป็นความสำเร็จที่ถูกกล่าวถึงในแวดวงนักสะสมนาฬิกาหายากเลยทีเดียว

วิวัฒนาการด้านการออกแบบ

ถ้าดูจากผลงานการดีไซน์รุ่นแรก ๆ ของ LM Split Escapement นั้น มักจะมาในตัวเรือนแบบคลาสสิกจ๋า ๆ หรืออาจพูดได้ว่าจัดเต็ม และดูหรูหราสมฐานะของนาฬิกาลักซัวรีระดับนี้ (ดูได้จาก MB&F รุ่น Legacy Machine) แต่ในเวอร์ชันล่าสุดนี้ แบรนด์เองได้ออกแบบตัวเรือนที่ดูมินิมอล และอ่อนเยาว์ลง เพื่อไลฟ์สไตล์ที่แอคทีฟมากขึ้น ซึ่งก็ดูแปลกตา แต่น่าสะสมไม่น้อยครับ

งานออกแบบตัวเรือนที่ดูโมเดิร์นขึ้นนี้ เผยโฉมครั้งแรกตอนปี 2020 ในรุ่น LM Perpetual EVO เป็นนาฬิกาที่สามารถกันน้ำได้ลึก 80 เมตร มาพร้อมกับเม็ดมะยมหมุนเกลียว บนตัวเรือนแบบไร้ขอบ Bezel ประกอบเข้ากับสายยาง และถ้าสังเกตภายในตัวเรือนที่บรรจุกลไกแบบแขวนลอย ซึ่งเป็นผลลัพธ์ทางนวัตกรรมของระบบ “FlexRing” แบบชิ้นเดียวหรือโมโนบลอก ที่นอกจากทำหน้าที่ดูดซับแรงสะเทือน พร้อมการมอบความเที่ยงตรงของกลไกนาฬิกาแล้ว ยังสะท้อนแนวคิดลึกซึ่งของ EVO ในการออกแบบให้ดูคล่องตัว เข้าถึงง่ายมากขึ้นด้วยครับ

รุ่นนี้ยังมาพร้อมการปรับแต่งใหม่อีกอย่าง นั่นคือกลไกทั้งหมดถูกทำให้หมุนในทิศตามเข็มนาฬิกาไป 30 องศา พร้อมวางตำแหน่งเม็ดมะยมไว้ตรง 4.30 นาฬิกา (แทนที่จะเป็นตำแหน่ง 2 นาฬิกาแบบเดิม) ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมของนาฬิการุ่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว

EVO ทั้งสองรุ่น

MB&F เปิดตัวมาด้วยกันสองรุ่น โดยรุ่นหลักนั้น ตัวเรือนเป็นไทเทเนียม เกรด 5 และฐานเครื่องสีฟ้า Icy Blue ตัดกับหน้าปัดสีเทา Slate Grey และหน้าปัดย่อยแบบเปิด

คุณสมบัติโดดเด่นอีกอย่างในรุ่นหลักนี้ คือ การเคลือบด้วยเฉดสีเข้มพิเศษบนกลไก เกิดเป็นมิติที่คอนทราสต์กันระหว่างฟันเฟืองต่าง ๆ กับลาน Barrels ชุบโรเดียม และชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ตกแต่งด้วยโรสโกลด์ สะท้อนความตัดกันระหว่างความแอคทีฟคล่องตัว แต่ไม่ทิ้งดีไซน์คลาสสิกร่วมสมัยของตระกูล EVO

อีกรุ่นที่เป็น Limited Edition สุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก MB&F Lab เป็นการต่อยอดความสำเร็จของ M.A.D.Gallerie ของ MB&F ซึ่งนาฬิการุ่นนี้ผลิตในจำนวนจำกัดแค่ 25 เรือนเท่านั้น โดยฐานเครื่องเป็นสีดำโดดเด่นตัดกับเฉดสี Metallic Blue ในหน้าปัดหลักและหน้าปัดย่อยแบบเปิด ซึ่งนาฬิการุ่นนี้เป็นเพียงรุ่นเดียวที่เปิดตัวจากแล็บพิเศษของแบรนด์ในปีนี้ (ซึ่งเรื่องของราคาขายก็คงไม่ต้องพูดถึงจะดีกว่าครับ)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของ LM Split Escapement EVO ได้ทาง PMT The Hour Glass

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม