ทุกครั้งที่เราได้นั่งลงคุยกับนายแบบหนุ่มที่ผันตัวมาเป็นนักแสดงมืออาชีพที่ทุ่มสุดตัวในทุกบทบาทคนนี้ สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้เสมอ คือ ความหลงใหลในการแสดงอย่างจริงจังจนพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เข้าถึงบทบาท แม้กระทั่งวันนี้ที่ ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ บอกกับเราว่า บทบาทในซีรีส์เรื่องล่าสุดของเขา One Year 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ เป็นบทบาทที่สบายๆ ไม่ยาก ไม่ห่างไกลจากตัวตน แต่เราก็ยังสัมผัสได้ถึงความจริงจัง และตั้งใจถ่ายทอดบทบาทง่ายๆ ให้ออกมาสมบูรณ์แบบ
“ชีวิตผมช่วงนี้เป็นช่วงชิลล์ๆ หลังจากที่ถ่ายละครกับซีรีส์สองเรื่องติดกันเลย รอดูงานที่ออกมาว่า กระแสจะเป็นอย่างไร ทั้งเรื่อง Voice และ One Year ซึ่งแต่ละเรื่องเป็นคนละมู้ดกันเลย”
เขาบอกกับเราในขณะที่นั่งลงทานข้าวกระเพราไข่ดาวจานใหญ่ พร้อมชุดอาหารญี่ปุ่นครบเซ็ตวางรออยู่ข้างๆ
“ถ่ายสองเรื่องพร้อมกันต้องเปลี่ยนโหมดอย่างไร” เราถามขณะเขากำลังอร่อยกับมื้อเที่ยงตรงหน้า
“นี่แหละครับปัญหาของผมเลย (หัวเราะ) รู้สึกว่า ยากที่ต้องทำไปพร้อมๆ กัน วันหนึ่งหลอนๆ อีกวันต้องกุ๊กกิ๊ก ต้องหาวิธีการแสดงแบบใหม่มาลองเล่นดู โชคดีที่ Voice ได้เตรียมตัวก่อนประมาณ 6 เดือน ต้องฝึกเล่นโยคะทุกวันวันละ 4 ชั่วโมงเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อเล่นในซีนที่ผมเล่นโยคะฉายแค่ 30 วินาที แต่เราก็ต้องเล่นทุกวันให้คนเห็นว่า เราเล่นโยคะเก่งจริงๆ อันที่จริงผู้กำกับฯ บอกว่า ถ้าผมทำไม่ได้เขาใช้สลิงได้นะ แต่เราไม่อยากใช้สลิง อยากเล่นเอง ตัวละครจะได้ดูมีมัดกล้ามเนื้อแบบคนเล่นโยคะจริงๆ คนดูจะได้เชื่อ
…ส่วน One Year ไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะบทเป็นนักแสดงอยู่แล้ว ซึ่งตรงกับตัวผม ปัญหามีอยู่แค่การสวิตช์โหมดหนักๆ ให้เข้าสู่โหมดตัวละครนี้ให้ได้ ได้ร่วมงานกับนักแสดงใหม่หลายคนเลย ต้องทำเวิร์กช็อปกันเยอะหน่อย”
แน่นอนว่า ต้องประกบคู่กับไอดอลสาวที่แฟนคลับทั้งรักทั้งหวง ความกดดันน่าจะถ่ายโอนมาที่ฝั่งเขามากกว่า แต่ไอซ์ซึก็บอกว่า รับมือได้ไม่มีปัญหา
“ผมติดตามผลงานน้องปัญมาบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นเป็นโอตะนะ แค่รู้จักเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย แล้วก็รู้จักเฌอปรางตอนที่เขาไปเล่นหนังเรื่อง Homestay ตอนนั้นผมไปออกกองเป็นเบื้องหลังด้วย เลยได้รู้จักกับเฌอปราง ส่วนน้องปัญเพื่อนผมเป็นโอตะเขาอยู่แล้ว รูปโพรไฟล์เกมยังเป็นหน้าน้องปัญเลย เพื่อนผมนี่รู้ว่า ผมเล่นคู่ปัญนี่โวยวายเลยนะ ด่าผมใหญ่เลย อิจฉาน่ะแหละ
…แต่ไม่ได้มีฉากถึงเนื้อถึงตัวน้องเขานะ อาจจะมีแค่กอด เสี่ยงแล้วเหรอ จริงๆ ผมก็กังวลนะว่า จะต้องโดนด่าแน่ๆ เลย แต่ตอนไปคุยในเวิร์กช็อป น้องเขาก็บอกว่า ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกร็ง แฟนคลับเขาส่วนมากรู้อยู่แล้วว่า เป็นการทำงาน ผมฟังแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นว่า เราเล่นได้เต็มที่นะ แต่ก่อนที่เราจะแตะต้องตัวเขา เราจะคอยถามพี่ที่ดูแลน้องก่อนเสมอ”
เราย้อนถามเขาถึงเรื่องที่ดีที่สุดในปีที่ผ่านมา คำถามของเราทำให้เราเซอร์ไพรส์ และนึกชื่นชมในตัวเขาไปพร้อมๆ กัน
“สร้างบ้านครับ ผมกำลังสร้างบ้านหลังแรกและหวังว่าจะเป็นหลังสุดท้ายในชีวิต เพื่ออยู่กับแฟนสองคนครับ แต่เรายังไม่ได้คิดถึงขั้นแต่งงานนะ แต่เราอยากสร้างบ้านอยู่ด้วยกัน เราเวิร์กเรื่องนี้มา 2 ปีแล้ว จริงจังมาก ตอนนี้มาถึง 60% แล้วก็ประสบความสำเร็จพอสมควรนะ แต่บอกได้เลยว่า งบบานปลายมาก (หัวเราะ)
…ผมเป็นคนติดบ้านมากนะ แทบไม่ออกไปไหนเลย เนิร์ดมาก ชอบอยู่บ้านเล่นคอมฯ Introvert ฮิคิโคโมริเลยแหละ ถ้าไม่มีงานแสดงผมคงไม่ออกจากบ้านเลยแหละ ขออยู่บ้าน มีคอมฯ มีเน็ต มีแมว แค่นั้นผมก็อยู่ได้แล้วนะ ยิ่งเดี๋ยวนี้สั่งอาหารมาทานที่บ้านได้ง่ายมาก แทบไม่ได้ออกไปไหนเลย ผมจึงพยายามสร้างที่ที่เราจะอยู่ให้อยู่แล้วสบายใจที่สุด ไม่อยากซื้อตามหมู่บ้าน เพราะมันฟิกซ์เกินไป ไม่มีความเป็นตัวเรา ไม่ตอบโจทย์เรา เราอยากได้บ้านที่มีความยูนีคจริงๆ อยากเลือกวัสดุทุกอย่างด้วยตัวเอง เลยมาหาที่ปลูกบ้านเองดีกว่า”
“ผมเป็นคนติดบ้านมากนะ แทบไม่ออกไปไหนเลย เนิร์ดมาก ชอบอยู่บ้านเล่นคอมฯ Introvert ฮิคิโคโมริเลยแหละ ถ้าไม่มีงานแสดงผมคงไม่ออกจากบ้านเลยแหละ”
สร้างบ้านแบบนี้มีแพลนว่าจะแต่งงานหรือเปล่า เราถามตรงๆ
“ผมไม่อยากแต่งงานด้วยซ้ำนะ หรือเขาอาจจะอยากก็ไม่รู้นะตามประสาผู้หญิงแหละ แต่อาจจะไม่ได้จัดงานใหญ่โต แค่อยู่ด้วยกันก็โอเคแล้ว
…ผมคบกับแฟนมา 11 ปีแล้วนะ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ป. 1 – ป.6 พอเข้ามัธยมก็ย้ายโรงเรียน กลับมาเจอกันตอนม. 4 แล้วถึงค่อยมาคุยกัน คนที่อยู่กับผมได้ต้องโคตรอดทนนะ เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยดีเท่าไร โผงผาง ชอบสั่งการ ซีเรียส จริงจังเรื่องงานมาก จนบางครั้งไม่ค่อยสนใจคนที่อยู่ด้วย เล่นก็เต็มที่ ถ้าเขาต้องการเวลามากๆ อาจจะอยู่กับผมไม่ได้ ต้องมีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน ชอบดูหนัง ดูงานศิลปะ และชอบแมว ชอบเล่นเกม”
“คนที่อยู่กับผมได้ต้องโคตรอดทนนะ เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยดีเท่าไร โผงผาง ชอบสั่งการ ซีเรียส จริงจังเรื่องงานมาก จนบางครั้งไม่ค่อยสนใจคนที่อยู่ด้วย”
“ทำไมไม่ปิดเรื่องแฟน” เราคิดว่า หลายคนคงสงสัยเหมือนเรา
“ตอนเข้าวงการแรกๆ คิดมากๆ เลยนะครับ ต้องสร้างภาพไหม ห้ามลงรูปคู่ไหม แต่ผมมานั่งคิดดูนะ ยิ่งมาเล่นเรื่อง One Year ที่เป็นเรื่องนักแสดงกับคนนอกวงการก็ยิ่งคิด ผมเลยอยากรับบทนี้เพราะอยากถ่ายทอดเรื่องนี้แหละ เราจะสร้างภาพทำไม เราเป็นนักแสดง เราไม่ได้วางตัวเองเป็นไอดอล เพื่อทรีตแฟนคลับให้เขาอิมเอมใจ แต่ผมมาในฐานะนักแสดง เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว นักข่าวถามเราตอบได้ ไม่ผิดอะไร ถ้าผมบอกว่า ผมไม่มีแฟน แล้วคนจะดูผลงานผมมากขึ้นไหม ซึ่งผมคิดว่า ไม่ได้มีผลกระทบ เพราะผมไม่ได้เล่นแนวคู่จิ้น ตอนนี้ในเมืองไทยดาราก็เปิดเรื่องนี้มากขึ้นนะ
…ตอนแรกผมเปิดตัวมาเป็นคู่จิ้นเลย งานชาย-ชายก็ติดต่อเข้ามาเยอะ แต่ผมไม่ได้เล่น เพราะจะรับเฉพาะบทที่ผมอยากถ่ายทอดมากกว่า ผมไม่ได้ทำงานเพื่อที่ว่า จิ้นแล้วจะได้เงินเยอะ ไม่ได้ตั้งเป้าว่า งานนี้ดังแน่นอน ฟอลโลเวอร์เยอะแน่นอน แต่ตั้งไว้ว่า งานนี้บทดีแน่นอน งานต้องออกมาดี ผมตั้งเป้าแบบนั้นมากกว่าการสร้างกระแส
…แต่ตอนแรกก็คิดนะว่า เราต้องดังว่ะ แล้วพอถอยจากวงการแสดงมาปีหนึ่งมานั่งคิดกับตัวเองว่า สรุปเราอยากเป็นอะไรกันแน่ จนได้รับคำตอบว่า อยากเป็นนักสแดงที่คนดูชื่นชอบเราจากผลงานเรา ถ้างานเราดีแล้วดังก็ถือว่า วิน-วิน ทำให้เราเป็นตัวเองและกล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด และเป็นการให้เกียรติแฟนผมในฐานะที่เขาอยู่ข้างๆ เราด้วย แต่ผมไม่ได้ลงรูปคู่เขาในอินสตาแกรมนะ เพราะผมถามเขาแล้วว่า เขาอยากเปิดเผยหรือเปล่า แต่เขาก็อยากมีชีวิตส่วนตัวของเขา เราก็เคารพในการตัดสินใจ”
สำหรับเป้าหมายปีหน้า เขาบอกกับเราว่า อยากเล่นละครที่พ่อแม่ดูได้
“ผมวางแผนเล่นละครอยู่ เพราะเป็นศาสตร์ที่ไม่เคยเข้าไป อยากลองดูว่า เราจะทำได้ไหม การเล่นสไตล์นั้นยากนะ ต้องเป็นมืออาชีพจริงๆ อยากลองดู คนที่บ้านคุณพ่อคุณแม่จะได้ดูผลงานเราด้วย เพราะเขาไม่ค่อยดูซีรีส์ เขาอยากดูละครมากกว่า”
Special Thanks : Gucci, Dior
Text : Pisuthinee
Photography : Nucha J.
