Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ทำไมตกหัวใจคนไทยได้ ‘น้ำฝน ภักดี’ ครูสอนบุคลิกภาพตัวมัมเมืองไทยขอแจง

Interview / Professional

น้ำฝน ภักดี หรือที่ลูกศิษย์เรียกขานติดปากกันว่า ‘ครูฝน’ ผู้ก่อตั้งสถาบัน Pronality Academy ซึ่งนำหลักการทางสรีรศาสตร์และจิตวิทยามาช่วยปรับบุคลิกภาพให้แก่ผู้คนมาแล้วหลากหลายอาชีพ…รวมทั้งนักการเมืองหลายคนและหลายพรรค ซึ่งในการเลือกตั้งปี 2023 ซึ่งเธอเห็นภาษากายใหม่ๆของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของนักการเมืองรุ่นใหม่ของประเทศไทย

‘ครูฝน’ อยู่เบื้องหลังบุคลิกภาพสง่าของของผู้บริหาร ผู้นำและศิลปินมากมายมายาวนาน 18 ปี โดยใช้ความรู้ที่ศึกษามาด้านวาทวิทยาและสื่อสารการแสดง จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการได้เข้าร่วม Michael Chekhov Technique Workshop หลักสูตร Psychological Gesture โดยอาจารย์ Sinead Rushe จาก Central School of Speech and Drama, London

ครูฝน น้ำฝน ภักดี ผู้ก่อตั้งสถาบัน Pronality Academy ซึ่งนำหลักการทางสรีรศาสตร์และจิตวิทยามาช่วยปรับบุคลิกภาพให้แก่ผู้คน

ด้วยอาชีพที่ทำมากว่า 18 ปี ครูฝนจึงสังเกตและให้คะแนนบุคลิกภาพของนักการเมืองไทยอยู่ในใจโดยอัตโนมัติ และได้วิเคราะห์ภาษาทั้งที่พูดออกมาและภาษาที่ไม่ได้พูด บุคลิกภาพและภาวะผู้นำของนักการเมืองในค.ศ.นี้ที่นับได้ว่าเป็นบุคลิกภาพแบบใหม่ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในแวดวงการเมืองไทย

LIPS: คุณเคยสอนบุคลิกภาพให้นักการเมืองหรือไม่ ถ้าเคยหรือต้องให้คำแนะนำ สิ่งที่คนเป็นนักการเมืองควรต้องทำคืออะไรในแง่บุคลิกภาพ

น้ำฝน: “เคยค่ะ และหลากหลายพรรค ในแง่ของบุคลิกที่เขาควรทำนั้นขึ้นอยู่กับว่า เขาขาดทักษะทางด้านไหนของบุคลิกภาพ เพราะคำว่าบุคลิกภาพค่อนข้างกว้าง โดยหลักสูตรของเราจะแบ่งออกเป็น 4 หัวใจหลัก คือ a b c d

A คือ APPEARANCE หมายถึงภาพลักษณ์ภายนอกทุกอย่างที่ตามองเห็น ไม่ว่าจะเป็นการเดิน ยืน นั่ง โพสท่าถ่ายรูป เสื้อผ้า หน้า ผม

B คือ BEHAVIOR หมายถึงพฤติกรรมและมารยาทการเข้าสังคม การวางตัว ความมีอารมณ์ขัน ศิลปะในการเข้าหาผู้อื่น หรือมนุษยสัมพันธ์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือเสน่ห์ที่ช่วยสร้างคะแนนนิยมได้มากจริงๆ ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ก็อย่างเช่นกรณีของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่จะเห็นได้ว่าเรื่องการวางตัว การเข้าหาคนอื่น การมีบุคลิกที่ดูถ่อมตัว เป็นมิตร น่าเอ็นดู แต่ก็มีความชัดเจนและมั่นใจ จึงทำให้เกิดกระแส ‘พิธาฟีเวอร์’ ขึ้นมาในสังคมในการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งตรงนี้น่าสนใจมากนะคะ เพราะเราไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆ

C: COMMUNICATION หมายถึงการพูดการสื่อสาร ถ้าเป็นของนักการเมืองก็คือการขึ้นพูดสปีชหาเสียงหรือการดีเบต รวมไปถึงการให้สัมภาษณ์สื่อ ซึ่งข้อนี้นักการเมืองจะมาเรียนกันเยอะที่สุดค่ะ ถ้าเป็นคนทั่วไปก็จะเรียนเรื่องการพรีเซนต์งาน การนำเสนอขาย การปิดการขาย การให้สัมภาษณ์ การไลฟ์ขายของ การพูดพิธีกร เป็นต้น

“ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว คนจำนวนไม่น้อยอาจจะมองว่าการเรียนบุคลิกภาพเป็นเรื่องของการสร้างภาพ เปลือกปลอม หรือเก๊ก ไม่เป็นธรรมชาติ อย่างถ้าใครเคยดูซีรีส์เรื่อง QUEEN MAKER ก็อาจเห็นว่านั่นคือการสร้างภาพ ซึ่งอาจจะสามารถบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือทำยังไงก็ได้ให้เราชนะคู่แข่งใช่ไหมคะ แต่ของเราจะเป็นอาชีพที่แตกต่างจากตรงนั้นค่ะ จุดยืนเรามี เพราะเราก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตในสังคม เราตระหนักเสมอว่าสิ่งที่เราทำนอกจากเพื่อการเลี้ยงชีพแล้ว ยังต้องสร้างคุณค่าและมีความยั่งยืนนะ เพราะเราจะต้องได้รับผลกระทบเช่นกัน ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม สิ่งที่เราจะใส่เข้าไปเสมอเลยก็คือ ข้อนี้ค่ะ

D: DESIGN THINKING นี่แหละค่ะที่จะเป็นอินเนอร์และทัศนคติที่เป็นบวก รวมถึงการวิเคราะห์ตนเองและเข้าใจผู้อื่น “ต้องมาดูว่าสิ่งที่เขาพูดมันมาจากอินเนอร์เขาจริงๆ หรือเปล่า และมันมีคุณค่า จริงใจกับผู้ฟังไหม เพราะในทางการเมืองไม่เหมือนการสร้าง First impression ทั่วไป มันมีอดีตและเครดิตที่ย้อนกลับไปตรวจสอบได้ว่าเราทำอะไรมา ประชาชนเขาดูออกว่าเรา ‘จริง’ ไหม เพราะเขาไม่ได้มองแค่สิ่งที่เราพูดเท่านั้นแล้วค่ะ เพราะโลกมียานพาหนะที่เรียกว่าโซเชียลมีเดียที่สามารถพาเขากลับไปสู่อดีตได้ สามารถย้อนเข้าไปดูคลิปวิดีโอเก่าๆ ที่เราเคยพูดไว้ เราเคยทำอะไรไว้และทำแบบไหน ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ทำให้การพูดในสนามการเมืองแตกต่างจากการพูดเพื่อขายสินค้า หรือ pitch งานทั่วไป การสอนจึงละเอียดอ่อนและต้องลงลึกมากกว่าค่ะ”

LIPS: ช่วงหาเสียงและหลังเลือกตั้งที่ผ่านมา มีนักการเมืองคนใดที่คุณคิดว่า ‘เป็นบทบาทที่ตัวเองได้รับ’ สามารถยกมาเป็นกรณีศึกษาได้ ทั้งแบบที่ควรทำและไม่ควรทำ

น้ำฝน: “สิ่งที่เราเคยพูดเสมอและเป็นแก่นในการสอนบุคลิกภาพของ Pronality Academy ก็คือ ‘ไม่ต้องเป็นตัวของตัวเอง แต่จงเป็นบทบาทที่ตัวเองได้รับ’ ทำไมถึงพูดแบบนี้ เหมือนสวนกระแส และก็เสี่ยงต่อการโดนทัวร์ลง แต่อยากสะท้อนให้เห็นว่าในโลกความเป็นจริง ใน 1 วันเราเล่นกี่บท? เรามีหลายบทบาทมาก เช่น เป็นแม่ เป็นลูก เป็นพ่อ เป็นเจ้านาย เป็นลูกน้อง เป็นหัวหน้า เป็นเพื่อน เป็นพี่ ซึ่งถ้าเราเป็นตัวของตัวเองทุกที่ คือฉันจะทำแบบนี้ จะทำไม ฉันไม่เปลี่ยนหรอก เพราะฉันเป็นตัวของตัวเอง เราอยากถามว่า ‘นี่คือสิ่งที่ดีจริงๆหรือ’ เป็นการตั้งคำถามให้ชวนคิดมากกว่าค่ะ เพราะเอาจริงๆ คนเรามีความเป็นตัวของตัวเองอยู่แล้วค่ะ เป็นทักษะที่ไม่ต้องฝึก

“ทักษะที่ต้องฝึกคือ การปรับตัวและเล่นให้เต็มที่กับบทบาทนั้นๆ นั่นหมายความว่าถ้าเราทำหน้าที่และเคารพ ในสิ่งที่เราทำ ปัญหาต่างๆ จะน้อยลงมาก เพราะจะมีคำว่า ‘รับผิดชอบ’ เข้ามาแทนที่ ถ้าถามว่าจะให้ยกตัวอย่างว่า นักการเมืองคนไหนเป็นกรณีศึกษา ก็ยังพูดไม่ได้ เพราะว่ายังไม่เห็นมิติและบทบาทอื่นๆ ของทุกคนจนครบ

“แต่อยากจะพูดรวมๆ แบบที่ให้คนอ่านได้ประโยชน์ว่า อยากให้ทุกคนลองเอาเรื่องบทบาทของชีวิตไปใช้ในชีวิตประจำวันดู เช่น เป็นแม่ต้องเลี้ยงลูกให้ดี เป็นเซลส์ต้องขาย เป็นเพื่อนต้องจริงใจ เป็นนักการเมืองต้องซื่อสัตย์และเคารพเสียงของประชาชน เป็นต้น เราอาจจะลดความเป็นตัวตนและความเอาแต่ใจไปได้เยอะมาก แล้วเราจะกลับมาใช้ชีวิตในโลกของความเป็นจริงได้ง่ายขึ้น”

LIPS: ในบทบาทนักการเมือง คุณคิดว่าเพศมีส่วนในการกำหนดสิ่งที่แสดงออกมาหรือไม่ นักการเมืองชาย นักการเมืองหญิง นักการเมืองเพศวิถี วางตนแตกต่างกันอย่างไร หรือเมื่อสวมหมวกนักการเมืองแล้ว Sex และ Gender จะพร่าเลือนไป มีเพศเป็นกลาง

น้ำฝน: “นี่คือความเชื่อส่วนตัวนะคะ เราเชื่อว่าการพูดไม่มีเส้นแบ่ง เพศ หรือวัย การพูดมีเส้นเดียว คือเส้น PROFESSIONAL นั่นก็คือว่า การพูดของคุณมีความเป็นมืออาชีพไหม ซึ่งความมืออาชีพในฐานะนักการเมืองดูจากอะไร ดูจาก 5 ข้อนี้ค่ะ

  1. KNOWLEDGE: มีความรู้ มีข้อมูล และแตกฉานในเรื่องที่พูดมากแค่ไหน
  2. STORY TELLING: มีการเรียบเรียง การพูดได้อย่างชัดเจนและตรงประเด็นเพียงไร
  3. DELIVERY SKIILLS: มีทักษะการพูดที่น่าสนใจและสามารถโน้มน้าวคนได้ไหม เช่น ท่าทางแววตา สีหน้า น้ำเสียง จังหวะ เป็นต้น
  4. INNER: มีอินเนอร์และความเชื่อที่แสดงให้เห็นถึงความจริงใจต่อประชาชนมากน้อยแค่ไหน
  5. EQ: การควบคุมอารมณ์และสถานการณ์ได้อย่างมีสติ มีไหวพริบในการตอบคำถาม ซึ่งตรงนี้จะแสดงภาวะผู้นำได้อย่างชัดเจนที่สุด

LIPS: ถ้าให้คุณวิเคราะห์คุณพิธา อะไรที่คุณคิดว่าซื้อใจประชาชนได้จนกลายเป็นนักการเมืองที่ได้รับกระแสนิยมสูงมากในเวลานี้ ในแง่ของบุคลิกภาพ

น้ำฝน: “พอเป็นครูสอนบุคลิกภาพแน่นอนว่าเราก็จับตามองเรื่องนี้ไปโดยอัตโนมัติ ส่วนตัวมองว่าคุณพิธาทำได้ดีมากในด้านบุคลิกภาพ ซึ่งครูชวนมอง 4 ด้านนี้ค่ะ

1. IMAGE: ภาพลักษณ์ภายนอก

ตรงนี้ขอมองข้ามความหล่อไปก่อนนะคะ เพื่อถอดรหัสบุคลิกภาพอย่างเท่าเทียม (หัวเราะ) สังเกตไหมคะว่าเสื้อผ้าหน้าผมของคุณพิธาพร้อมทุกงาน ทุกเวทีดีเบต ทุกอย่างคิดมาแล้ว ซึ่งก็อาจจะเป็นรสนิยมส่วนตัวของเขาอยู่แล้วก็เป็นได้ ครูเห็นความเนี้ยบของปกเสื้อ เห็นสีที่ใช้ที่เหมาะกับสกินโทนของตัวเอง เห็นคัตติ้งที่เนี้ยบของสูท การเซตผมทุกงาน การผูกเนกไทที่แสดงถึงความสุภาพเรียบร้อยและให้เกียรติสถานที่ บอกถึงความพร้อมในการแสดงตนในที่สาธารณะอย่างพอดี รวมไปถึงการที่ไม่ได้ใส่เสื้อพรรคให้ดูเป็นการ tie in แบบตะโกน แต่ใส่เนกไทที่เป็นสีของพรรค เป็นการ tie in แบบเนียนๆ และมีรสนิยม

2. THE ART OF SPEAKING: ศิลปะการพูด

อันนี้เป็นจุดเด่นที่สุดของคุณพิธา ไม่ว่าจะเป็น Speech, Presentation, Debate, Interview หรือการ Small Talk เรียกได้ว่าครบทุกบริบท ตั้งแต่การกล่าวสปีช การนำเสนอ การโต้วาที การให้สัมภาษณ์ จนถึงการพูดคุยเล่นกับพี่น้องประชาชนแบบเข้าถึง นี่คือเสน่ห์ที่ทำให้คุณพิธาเรียกคะแนนความนิยมได้เป็นอย่างดี และครอบคลุมแทบทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ชอบเห็นอะไรเชิงประจักษ์ ซึ่งในทุกบริบทเต็มไปด้วยความมั่นใจ ชัดเจน จริงใจ และสร้างสรรค์ ยิ่งทำให้โดดเด่นกว่าคู่แข่งแบบที่ปฏิเสธไม่ได้

3. STORY TELLING: การเล่าเรื่องให้เห็นภาพ

เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ฟังได้รับความชัดเจน เพราะภาพจะอธิบายทุกอย่างได้แจ่มแจ้งมากขึ้น คุณพิธามีการยกตัวอย่าง เปรียบเทียบ ใส่รายละเอียด พร้อมหลักฐานและหลักการ แถมจบด้วย Quote คำพูดที่สะกดหูและสร้างความจดจำในทุกๆ ครั้ง ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ต้องใช้ประสบการณ์และความรู้ถ่ายทอดผ่านทัศนคติที่จริงใจจึงจะออกมาเป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนท่องมา ที่น่าสังเกตและน่าศึกษาคือคลังชุดคำพูดที่สละสลวยและกระแทกใจ แปลกหูและไม่เฝือ ซึ่งเราไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก

4. SMILE & SMALL: รอยยิ้ม และความอ่อนน้อมถ่อมตน

สิ่งนี้กลายเป็นโลโก้ประจำตัวและช่วยลดแรงเสียดทานในสังคมไปได้เยอะ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าสีหน้าและท่าทีมีผลต่อความชอบส่วนบุคคลมากๆ ‘รอยยิ้มเป็นเครื่องสำอางที่ดีที่สุดที่เราไม่ต้องซื้อ’ และความอ่อนน้อมให้เกียรติคู่สนทนา ตรงนี้คุณพิธาแสดงให้เห็นในทุกๆ เวที ทั้งการไหว้ การค้อมตัวและทักทายเข้าหาก่อน สามารถแสดงความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอได้เป็นอย่างดี ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้คนเอ็นดู และเทคะแนนนิยมให้อย่างล้นหลาม เพราะชอบในการวางตัวของเขานั่นเอง”

LIPS: ประชาชนสามารถหยิบเรื่องใดจากบุคลิกภาพของนักการเมืองที่เราเห็นในข่าวทุกวันมาเป็นบทเรียนแก่ตนเองได้บ้าง

น้ำฝน: “บทเรียนที่ได้นำมาคิดและทบทวนคือ หนึ่ง การพูดและบุคลิกภาพ ที่เราแสดงออกไปมีผลต่อความเชื่อถือของคนจริงๆ มันสร้างพลังมหาศาลได้ ขณะเดียวกันมันก็สามารถทำลายทุกอย่างได้เช่นกัน สอง การควบคุมอารมณ์ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ยิ่งต้องอยู่ต่อหน้าที่สาธารณะและถูกบันทึกทั้งภาพและเสียงไว้ด้วย นั่นคือหลักฐานที่จะมัดตัวเราไปตลอดชีวิต และเราไม่มีโอกาสที่จะแก้ไขมันได้เลย ดังนั้นเราต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอ และฝึกการควบคุมอารมณ์ รวมถึงฝึกสติมากๆ เมื่อต้องพูดในที่สาธารณะ”

LIPS: ถ้าคุณพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เขาควรต้องปรับบุคลิกภาพในเรื่องใดบ้างหรือไม่สำหรับบทบาทใหม่นี้

น้ำฝน: “ต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่สอนมา 18 ปียังไม่เคยเห็นใครที่เป็นลูกศิษย์มาเรียนแล้วเพอร์เฟกต์แบบไม่ต้องแก้ไขอะไรเลย เรากำลังจะหมายความว่า ทุกคนมีจุดที่เพิ่มเติมและทำให้ดีขึ้นได้ทั้งสิ้น เราจะไม่บังอาจไปบอกว่า คนนั้นคนนี้มีปัญหา และต้องแก้ไขอะไร แต่ในฐานะครู หากว่ามีโอกาสได้เพิ่มเติมก็จะขออนุญาตเพิ่มเติมในเรื่องของ Gesture หรือท่าทาง ตามความเห็นของคนที่สอนเรื่องนี้ ซึ่งเป็นส่วนเล็กน้อย 2 จุดเท่านั้น คือ

1. การวางมือ ครูสังเกตว่า เวลากุมมือ หรือประสานมือ คุณพิธาจะมีการขยับนิ้วโป้ง 2 ข้างไปมาอยู่บ่อยๆ บางทีจะเป็นจุดที่ดึงสายตา (DISTRACTION)​ เมื่อวางมือบนโต๊ะหรือวางบนโพเดียม ซึ่งอาจจะแย่งสายตาไปมองที่มือได้

2. การปิดคำ การออกเสียง และการขยับขากรรไกร ที่อาจจะทำให้ภาษาไทยบางคำอาจจะไม่ชัด เช่น ส เสือ คำควบกล้ำ ซึ่งตรงนี้น่าจะมีหลายคนที่เป็นคล้ายกัน แต่มีวิธีฝึกให้ชัดเจนขึ้นได้ค่ะ ต้องใช้แบบฝึกหัดหลายๆ แบบช่วย ซึ่งก็เป็นเรื่องเล็กน้อย ที่หากพัฒนาเพิ่มเติมก็จะทำให้การพูด ไม่ว่าจะของใคร ก็สามารถดีขึ้นได้อีกค่ะ”

Words: Suphakdipa Poolsap
Photos: Pronality Academy

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม