Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview

THE WIND OF WEALTH

ความเชื่อที่เสกให้ทุกสิ่งใน The List เป็นจริง
Interview
ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ

‘เก่งหรือจะสู้เฮง’ เป็นความเชื่อที่ ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ ได้รับการถ่ายทอดจากครอบครัวเชื้อสายจีนตั้งแต่เด็ก ดังนั้นทุกเส้นทางความสำเร็จทั้งการศึกษาและการทำงานล้วนได้รับพลังใจเพิ่มเติมจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาเลื่อมใสศรัทธา ทั้งเจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้าแชกง และกังหันที่เมื่อใดที่ใบพัดของกังหันเคลื่อนไหว กระแสลมแห่งความโชคดีจะพัดพาความสุขและเงินทองมาให้ทุกครั้ง

ป๊อป-วราวุธ ผู้ไม่มีไอจีและเฟซบุ๊กได้เล่าย้อนเรื่องความเชื่อในวัยเด็กที่เป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จในทุกเรื่องให้ลิปส์ฟังว่า “ตอนเกิดคุณพ่อให้เจ้าเข้าทรงตั้งชื่อจีนให้ จำความได้ก็เข้าศาลเจ้าจนเป็นเรื่องปกติ พ่อแม่สอนเสมอว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เชื่อไว้ไม่เสียหาย อย่างน้อยเป็นกำลังใจ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ

“มีคนแนะนำให้ไปฮ่องกงเพื่อไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่รีพัลส์ เบย์ แล้วรายการก็ดีขึ้น
หลักจากได้เจออาจารย์สมัยเป็นนักเรียน ท่านบอกว่า
“วราวุธทำรายการโทรทัศน์ ต้องไหว้องค์แชกง” ท่านศักดิ์สิทธิ์มากเรื่องเงินๆ ทองๆ”

จุดเปลี่ยนด้านความเชื่อในศักดิ์สิทธิ์ครั้งใหญ่คือการเดินทางไปขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมที่ฮ่องกง “จนมาถึงช่วงที่ทำรายการโทรทัศน์ นอกจากทำรายการก็ต้องขายสปอนเซอร์เองด้วย ก็มีคนแนะนำให้ไปฮ่องกงเพื่อไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่รีพัลส์ เบย์ แล้วรายการก็ดีขึ้น หลักจากได้เจออาจารย์สมัยเป็นนักเรียน ท่านบอกว่า “วราวุธทำรายการโทรทัศน์ ต้องไหว้องค์แชกง” ท่านศักดิ์สิทธิ์มากเรื่องเงินๆ ทองๆ อาจารย์ได้ให้เช่ากังหันต่อมา 40 เหรียญ สังเกตว่าวันไหนหมุนกังหัน วันนั้นจะมีสปอนเซอร์เข้า แล้วอาจารย์ได้บอกไว้ว่าถ้าเห็นแล้วรู้สึกศรัทธา ก็ตั้งจิตอธิษฐานว่าวันหนึ่งจะกลับไปไหว้ด้วยตัวเอง

…สิ้นปีนั้นก็เลยกลับไปฮ่องกงเพื่อไหว้องค์แชกงเป็นครั้งแรกและได้เช่ากังหันองค์ใหญ่กลับมาด้วย จริงๆ มีทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ แต่เขาบอกว่า “big fan, big money” กังหันยิ่งใหญ่ เงินจะยิ่งไหลเข้ามาเยอะ เชื่อไหมปีที่ไปคือ 2011 เป็นปีน้ำท่วมใหญ่ ตอนเดือนพฤศจิกายนหมุนกังหันไป สองอาทิตย์ให้หลังรายการมีสปอนเซอร์เต็มไปทั้งปี 2012 เกิดความประทับใจมาก เพราะขายโฆษณาได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าปีต่อไปเลย

…หลังจากที่ไหว้แบบ beginner ก็ค่อยๆ พัฒนาการไหว้ ความศรัทธาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พยายามไปไหว้ตลอดทุกปี แต่จุดสูงสุดของ คือ การจุดตะเกียงหน้าองค์พระเล็กๆ ที่อยู่ด้านหน้าองค์แชกง จะจุดไฟและเขียนคำอธิษฐาน ตอนแรกทำตามงบ เริ่มจากหนึ่งเดือน สามเดือนก่อน ตอนหลังก็นำเงินสดไปประมาณ 20,000 บาท เพื่อจะจุดตะเกียงได้ตลอดหนึ่งปี โดยทุกปีต้องไปจุดต่อ

จี้กังหัน แหวนกังหันและกำไลกังหัน

“หลายครั้งที่จู่ๆ ก็จะมีคนโทรเข้ามาขอซื้อโฆษณาหนึ่งครั้งหรือสองครั้ง เหมือนเป็นการต่อลมหายใจให้เราไปได้ จนเกิดความศรัทธาถึงขนาดไปเช่ามาเป็นเครื่องประดับเอาไว้พกติดตัว
เป็นจี้กังหัน แหวนกังหันและกำไลกังหัน”

“ในความเป็นจริงการทำรายการโทรทัศน์ก็ต้องมีช่วงที่สปอนเซอร์ลดลงบ้าง แต่หลายครั้งที่จู่ๆ ก็จะมีคนโทรเข้ามาขอซื้อโฆษณาหนึ่งครั้งหรือสองครั้ง เหมือนเป็นการต่อลมหายใจให้เราไปได้ จนเกิดความศรัทธาถึงขนาดไปเช่ามาเป็นเครื่องประดับเอาไว้พกติดตัว เป็นจี้กังหัน แหวนกังหันและกำไลกังหัน ทุกครั้งที่จะต้องไปขายของ ไปเจอลูกค้า ก็จะใส่ติดตัวเพื่อให้องค์แชกงท่านอยู่กับเรา ปกปักษ์รักษา ทำให้การค้าประสบความสำเร็จ

…เริ่มแรกเช่าจี้ห้อยคอมาก่อน ซึ่งค่อนข้างหนัก เวลาจะทำอะไรก็หมุน เพราะกังหันจะมีพลังก็ต่อเมื่อเกิดแรงหมุน พลังงานที่ดีจะไหลผ่านเข้ามาในชีวิตเรา แต่ต่อให้เราโยกตัว กังหันก็อาจจะไม่หมุน รู้สึกว่าไม่ค่อยลงตัว เลยซื้อชิ้นที่สองมาเป็นกำไล เราก็ใส่รวมกับแอ็กเซสซอรี่อย่างอื่นบนข้อมือ รู้สึกว่าเวิร์ก เวลาทำการค้า ใส่กำไลก็จะได้กำไร คุยไปสะบัดแขนไป กังหันจะหมุนตลอดเวลา แล้วก็ตามมาด้วยแหวน แต่หลักๆ จะใส่เป็นกำไลเพราะจะเข้ากันดีกับเหลด สร้อยข้อมือเพชร ให้ดูกลืนๆ กันไป”

“ล่าสุดพี่สาวไปยืมเงินจากเจ้าแม่กวนอิมที่ฮ่องฮำ และได้ยืมมาให้เราด้วย”

หลังจากนำกังหันและเครื่องประดับกังหันมามาให้ชมและเก็บภาพ พี่ป๊อปของเรายังได้เล่าเรื่องการยืมเงินจากเจ้าแม่กวนอิมให้ฟังอีกด้วย

“สมมติมีแบงก์ยี่สิบบาท ก็จะเขียนเติมเลขศูนย์เข้าไปจนกลายเป็น 2,000,000 บาท พอเราได้สองล้านก็นำเงินไปคืนท่าน แต่ในที่นี้ต้องเขียนในจำนวนที่เป็นไปได้ด้วย เมื่อผ่านการทำพิธีแล้วให้นำมาเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ เมื่อสมดังตั้งใจก็ซื้อเงินกงเต๊กเอาไปเผาคืนท่านให้หมด ทั้งหมดเป็นความเชื่อส่วนบุคคลจริงๆ สิ่งที่อยู่ในใจเราคืออย่างน้อยก็ไม่ได้ไปทำสิ่งที่ไม่ดี ไปไหว้พระสวดมนต์ยังไงก็เป็นสิ่งที่ดี ช่วง 5-6 ปีหลังมานี้ไปฮ่องกงจะไม่ได้ช้อปปิ้งเลย ไปไหว้เจ้า กินข้าวแล้วก็กลับ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับอายุเท่านี้”

“เราสวดมนต์ทุกวัน สวดแบบยาวหลายๆ บท
เลือกบทที่รู้สึกถูกชะตาอย่างพาหุงมหากา ชินบัญชร ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก และบทสวดเพื่อแผ่เมตตา สวดครั้งหนึ่งจะใช้เวลา 20 นาทีถึงครึ่งชั่วโมง”

แต่ถึงแม้จะมีความเชื่อในเรื่องเทพเจ้าจีนและเครื่องรางของขลังมากแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยขาดสำหรับพิธีกรมากความสามารถคนนี้คือการไหว้สวดมนต์ตามแบบฉบับของพุทธศาสนิกชนที่ดี

“ตั้งแต่อายุ 40 ปีเรื่อยจนมาถึงวันนี้อายุ 47 ปี เราสวดมนต์ทุกวัน จะสวดแบบยาวหลายๆ บท เลือกบทที่รู้สึกถูกชะตาอย่างพาหุงมหากา ชินบัญชร ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกและบทสวดเพื่อแผ่เมตตา สวดครั้งหนึ่งจะใช้เวลา 20 นาทีถึงครึ่งชั่วโมง ช่วงหลังคล่องแล้วก็จะสวดได้เร็วขึ้น

…เริ่มสวดมนต์ตอนตั้งแต่อายุ 40 ปีแล้วรู้สึกว่า ชีวิตดีขึ้นมากจริงๆ ช่วงอายุ 41ปีได้เจอหมอดูคนหนึ่ง เขาถามว่า “สวดมนต์ทุกวันใช่ไหม” ก็ตอบไปว่า”ใช่” เขาบอกว่า “ทำไมแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรก่อนตัวเอง” เราก็ตกใจ เขาบอกให้เปลี่ยนเป็นแผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน แล้วค่อยแผ่ไปให้เจ้ากรรมนายเวร นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง ที่ผ่านมาไม่แผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน เพราะรู้สึกเหมือนเรางกบุญไว้กับตัวเองก่อน แต่คิดผิด

…เขาสอนว่าเมื่อเราทำบุญเสร็จ บุญจะล่องลอยอยู่ในอากาศ ถ้าเราแผ่ให้เจ้ากรรมนายเวรเลย บุญจะกระจัดกระจาย เจ้ากรรมนายเวรและเทวดาอารักษ์ที่ดูแลตัวเราจะได้รับแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ถ้าเราแผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน บุญที่ลอยอยู่ในอากาศจะมาหาเราก่อนอย่างเป็นกลุ่มเป็นก้อน เมื่อเราแผ่เมตตาให้คนอื่น เราจะให้เขาได้อย่างเต็มที่ เขาบอกให้เชื่อเขานะ ถ้าเชื่ออีกสองปีจะได้เกษียณ แล้วพออายุ 43 ปีก็ได้เกษียณจริงๆ ลาออกจาก Dior ณ ช่วงเวลาที่อิ่มตัวและเพียงพอแล้ว อาจจะไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนอื่น แต่เราพอใจกับชีวิตที่มี ส่วนตัวคิดว่ารวยหรือจน พอหรือไม่พอ มันอยู่ที่ใจ คิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ในนิตยสาร Lips ฉบับธันวาคม 2562

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม