Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

ส่องไฮจิวเวลรีปี 2023 จาก Chanel, Cartier จนถึง Fendi สูงทั้งราคา ไฮทั้งนวัตกรรม

Fashion / Watches & Jewelry

นวัตกรรมและงานฝีมือใหม่ๆเริ่มต้นขึ้นในคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์เสมอ ทั้งเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ LIPS พาชมไฮจิวเวลรีสุดวิจิตรที่ไม่อาจทอแสงได้เลยหากไร้ซึ่งเทคนิคสุดล้ำในยุคนี้ จาก Chanel ถึง Cartier

BOUCHERON

เมซงเครื่องประดับที่ก่อตั้งในปี 1858 ลุกขึ้นมาปรับโฉมตัวเองขนานใหญ่ใน MORE IS MORE คอลเล็กชั่นที่ใช้เครื่องพิมพาสามมิติพิมพ์ไทเทเนียม ทำเป็นเครื่องประดับดีไซน์สุดป๊อปที่การันตีว่าได้ไลค์ในโซเชียล แถมยังใส่ได้กับเสื้อฮู้ด ใช้งานได้หลายแบบ อาทิ แหวนที่ใส่เป็นเครื่องประดับผมได้แบบไม่เคอะเขิน จีเนียสสุดกับวิธีคิดของ Claire Choisne ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของเมซงที่ทำให้เจนซีหันมามอง BOUCHERON ในมุมใหม่

CHANEL

เหลือเชื่อว่านี่คือสร้อย เพราะมองเผินๆดูคล้ายผ้าทวีด เอกลักษณ์หลักของ Chanel แต่นั่นละคือแนวคิดหลักของคอลเล็กชั่น TWEED DE CHANEL ที่พยายามค้นหาเทคนิคที่ทำให้อัญมณีดูคล้าย ยืดหยุ่น พลิ้วและน้ำหนักเบาเหมือนผ้ามากที่สุด โดยใช้โลหะและอัญมณีชนิดต่างๆ

CARTIER

คอลเล็กชั่น LE VOYAGE RECOMMENCÉ มีสร้อยคอชิ้นใหญ่เป็นสเตทเมนต์พีซมากมาย แต่ความแปลกตาของ Ondule Ring แหวนเพชรแฟนซีสีม่วงเทานับร้อยเม็ด ซึ่งทั้งสีและขนาดหายากยิ่ง เรียงซ้อนขึ้นไปในแนวตั้งเป็นทรงพระจันทร์ครึ่งดวง ราวกับเป็นสถาปัตยกรรมบนนิ้วมือ

ส่วน APATURA NECKLACE สร้อยคอจากคอลเล็กชั่น BEAUTÉS DU MONDE ฉายความงามบนผืนโลกสมดังชื่อคอลเล็กชั่น โดยเป็นสร้อยคอรูปทรงปีกผีเสื้อที่เกิดจากหินสีต่างๆเรียงตัวกัน อาทิ หินเม็ดกลางคือโอปอล์ออสเตรเลียน ล้อมเพชร แซปไฟร์สีส้มและแซปไฟร์ทรงลูกปัด ซึ่งสามารถถอดออกแล้วสวมเป็นสร้อยคอปราศจากจี้สุดแปลกตานี้ได้

TIFFANY & CO.

OUT OF THE BLUE ผลงานแรกจากคอลเล็กชั่นตำนาน BLUE BOOK ที่ออกแบบโดย Nathalie Verdeille ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์คนใหม่ของเมซงที่นำแรงบันดาลใจจากเครื่องประดับแนวแฟนตาซีของ Jean Schlumberger ดีไซเนอร์ในตำนานของเมซง ผู้ใช้รูปทรงของธรรมชาติมาสร้างเป็นจิวเวลรี และทะเลคือแหล่งแรงบันดาลใจไพศาลของคอลเล็กชั่นที่โผล่ออกมาทะเล OUT OF THE BLUE โดยฌองตีความว่าทะเลคือโลกที่ไร้ขอบเขตและไม่มีใครรู้จักดีขนาดนั้น จึงเต็มไปด้วยความลึกลับที่กลายเป็นเสน่ห์

BUCCELLATI

เมซงเครื่องประดับจากอิตาลีที่มีทายาทสืบทอดงานฝีมือมาตั้งแต่ปี 1919 โดยเฉพาะในคอลเล็กชั่นล่าสุด MOSAICO ที่มีชิ้นเด่นแสดงเทคนิคชั้นสูงผ่านสร้อยข้อมือเยลโลว์โกลด์และไวท์โกลด์ 18 K ประดับเพชรขาวบริลเลียนต์คัท 520 เม็ด ร่วมกับเพชรสีขาวและเหลืองอีก 296 เม็ดในคัทต่างๆ ที่เรียงอัญมณีเหมือนกระเบื้องโมเสกในศิลปะไบแซนไทน์ โดยใช้เทคนิคร้อยตาข่ายเชื่อมต่อกัน ทำให้สร้อยมีน้ำหนักเบา พลิ้ว แลดูเคลื่อนไหวได้ราวกับผืนผ้า อันเป็นเทคนิคที่ใช้กันมาในเมซงตั้งแต่ยุค 1920

CHAUMET

ไฮไลต์ของคอลเล็กชั่น LE JARDIN DE CHAUMET คือสร้อยคอรูปทรงรวงข้าวสาลี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำเมซงมากว่า 200 ปี ซึ่งสร้อยคอเส้นนี้พิเศษตรงที่แท้จริงมันคือสร้อย 2 เส้น หนึ่งคือสร้อยไวท์โกลด์ประดับเพชรเหลี่ยมมรกต 10.254 กะรัต อีกเส้นคือสร้อยเยลโลว์โกลด์ทำเป็นรูปทรงรวงข้าว ช่างฝีมือของเมซงคิดค้นสปริงแบบแบนขึ้นมาใช้แทนการร้อยเส้นทองอันเป็นวิธีการดั้งเดิม ซึ่งทำให้สร้อยเปราะบาง นอกจากนี้ยังต้องทำหูเกี่ยวรวงข้าวเพื่อประกอบเข้ากับเพชร จากนั้นใช้เลเซอร์ช่วยให้ผนึกเข้าด้วยกันทีละชิ้นจนเป็นรวงข้าวบนตัวเรือนบางเฉียบ ช่างฝีมือ 3-4 รายต้องใช้เวลารวม 1,750 ชั่วโมงเพื่อเนรมิตสร้อยคอเส้นนี้ขึ้นมา ซึ่งหากเป็นเมื่อ 10 ปีก่อน ด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีในตอนนั้นจะไม่อาจทำสร้อยสุดวิจิตรเช่นนี้ขึ้นมาได้

FENDI

เดบิวต์ไฮจิวเวลรีคอลเล็กชั่นแรก FENDI TRIPTYCH ผลงานของทายาทรุ่นใหม่ของตระกู Delfina Delettrez Fendi ที่สร้างผลงานจากงานวิจัยที่พบว่าอัญมณีสีอ่อนโทนพาสเทลได้รับความนิยมในยุคนี้ เครื่องประดับทุกชิ้นจึงออกมาในโทนสีคลุกแป้ง โดยเลือกใช้สปิเนล แซปไฟร์แพดพารัดชา (Padparadscha) ที่หายาก ราคาแพง เป็นพลอยจากศรีลังกา ชื่อเป็นภาษาสันสกฤตแปลว่า ดอกบัว ตามสีชมพูอมส้มราวกับสีกลีบบัวแรกแย้ม ร่วมกับเพชรสีขาวและเพชรสีแฟนซีอื่นๆ เช่น เขียว เหลือง ส้ม มาเรียงร้อยกันเป็นโมทีฟที่เป็นสัญลักษณ์ต่างๆของเมซง อาทิ ตัวเอฟคู่ อันเป็นโลโก้ หรือเลือกใช้อัญมณีทรงเหลี่ยมผืนผ้าหรือบาแก็ตต์คัท เป็นการคารวะต่อ Baguette กระเป๋ารุ่นก่อร่างสร้างแบรนด์ของ FENDI

DOLCE & GABBANA

เปิดตัวคอลเล็กชั่น ALTA GIOIELLERIA หรือเครื่องประดับชั้นสูงในชื่อ GREEN GOLD – OLIVE OIL เพื่อเปิดเผยความงามของต้นไม้เก่าแก่ สัญลักษณ์ของอิตาลีและเป็นตัวแทนของความชอุ่มตลอดกาล โดยอัญมณีแต่ละเม็ดไม่ผ่านการเผา เพื่อคงความดิบตามธรรมชาติ และทางเมซงเลือกใช้การเจียระไนแบบคัสตอมคัท ซึ่งเป็นเทรนด์มาแรงในวงการจิวเวลรีในปีนี้ โดยเป็นการเจียระไนให้ได้อัญมณีรูปทรงที่เหมาะสมกับดีไซน์ของเครื่องประดับแต่ละชิ้น

Words: Suphakdipa Poolsap
ข้อมูลจาก:

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม