Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview

A Year of Survival – LIPTA

ก้าวผ่านปีที่ต้องเดินช้าลงเพื่อให้อยู่รอดของแทน-คัตโตะ Lipta
Interview

15 ปีที่ผ่านมา Lipta ถือเป็นวงดนตรียอดขยันที่หมั่นปล่อยเพลงออกมาสร้างความสุขให้คนฟังถึงปีละ 10 เพลงเป็นอย่างต่ำล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมาก็ออกมาสองซิงเกิ้ลติดๆกันทั้ง “โรคแอบชอบ” และ “เจอแต่คนใจร้าย” แต่ปีค.ศ. 2020 เป็นปีที่ทั้งสองต้องผ่อนจังหวะการทำเพลงเหลือเพียง 6-7 เพลงซึ่งถือว่าน้อยกว่ามาตรฐานที่ Lipta เคยทำได้แต่ด้วยความที่เป็นปีที่วงดนตรีที่มองโลกในแง่ดีสม่ำเสมออย่างนี้ยังยอมรับว่าเป็นปีที่ยากลำบากแต่พวกเขาก็ผ่านมาได้ด้วยรอยยิ้มและพร้อมที่จะมอบความสุขให้ทุกคนได้ฉลองที่ผ่านพ้นปีอันแสนสาหัสมาด้วยกัน 

ลิปส์ : ปีที่ผ่านมาของ Lipta เป็นปีที่ดีหรือปีที่ยากลำบาก  
คัตโตะ : น่าจะเป็นปีที่ยากที่สุดสำหรับทุกคน ทุกคนเหนื่อยกันหมด แล้วก็เป็นปีที่พิสูจน์อะไรหลายๆ อย่าง ปีนี้เราได้เห็นวงดนตรีหลายๆ วงหายไป เพราะโควิด-19 เข้ามาเร่ง process เหล่านี้ วงที่สนิทๆ กัน วงที่โตมากับเรา วงรุ่นน้องเราหลายวงเหมือนกัน 

“ช่วงโควิด-19 เหมือนเป็นการล้างไพ่เหมือนกัน ถ้าไม่ได้รักการทำเพลงจริงๆ ก็คงอยู่ไม่ได้ จริงๆ แล้วเราจะมีอัลบั้มปล่อยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแล้ว เราก็ต้องหยุดไว้ ค่อยๆ ปรับแผนการคิดงานกันไปทีละเดือนสองเดือน เป็นปีที่มองแบบ short term มากต่างจากปกติที่มองแบบ long term แพลนกันอาทิตย์เว้นอาทิตย์เลย”  

คัตโตะ : มีหลายเพลงที่ทำเสร็จไปแล้ว แต่พอโควิดฯ มาปุ๊บมันไม่เข้ากับสถานการณ์เลย เพราะมันเป็นเพลงที่สนุกมาก เรา concern เรื่องนี้มากๆ ครับ เราเห็นหลายคนทำเพลงสนุกๆ ออกมาช่วงนั้นแล้วมันไม่เวิร์ก เพราะบรรยากาศมันไม่ได้จริงๆ เราเห็นตัวอย่างมาเยอะ เราศึกษามาทุก case study ทำให้ได้ข้อสรุปว่า ปี 2020 เป็นปีที่ยากมากของวงการดนตรี รวมถึงคอนเสิร์ตด้วย เราต้องพยายามพยุงองค์กรเอาไว้ 

แทน : ซึ่งเพลงที่เราทำเก็บเอาไว้ เราก็ยังไม่ได้เอามาปล่อยในช่วงนี้ เพราะมันเหมือนทำอาหารเก็บทิ้งไว้สักพักแล้วมันก็ไม่อร่อยเท่าเดิม วงเราเวลาทำเพลงอะไรออกมาก็อยากรีบปล่อยทันที มันเหมือนอาหารปรุงสุกใหม่ ทานเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้รสชาติ 

คัตโตะ : ดนตรีเป็นเรื่องของเทรนด์แฟชั่นด้วย เพลงแบบนี้อาจจะดีเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว แต่พอทิ้งช่วงไปมันก็เลยเวลาของมันไปแล้ว 

ลิปส์ : แสดงว่าเทรนด์ของดนตรีเปลี่ยนไวไม่ต่างจากเทรนด์แฟชั่นเลย 
คัตโตะ : ถูกต้องครับ ทุกอย่างแหละผมว่า อย่างอาหารก็เหมือนกัน ผมว่า ถ้าทำบิงซูขายตอนนี้ก็ดูเชยแล้วนะ หรือช่วงหนึ่งที่คนฮิตเปิดร้านขายผัดกระเพราสูตรนั้นสูตรนี้ ผมว่า มันก็เลยจุดพีคมาแล้วนะ กลายเป็นของธรรมดาไปแล้ว ทุกวงการมีการแข่งขันกันเยอะมากครับ 

ลิปส์ : แล้ว Lipta เปรียบตัวเองเป็นอาหารเมนูไหน 
แทน : ผมว่า ก็คงไม่พ้นผัดกระเพราแหละ (หัวเราะ) 
คัตโตะ : ผมว่า Lipta เป็นร้านอาหารที่ไม่ได้ขายดีมาก แต่เป็นอาหารที่ตั้งใจทำ และ customize ตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงอายุ เราอยู่มา 15 ปีแล้วก็ยังอยู่ต่อได้ แล้วเราก็ยังสนุกกับการทำอาหารอยู่ และยังใส่ใจในคุณภาพของมัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ

ลิปส์ : อย่างที่บอกว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากอะไรที่ทำให้เราปรับตัวแล้วอยู่รอดได้
แทน : ผมว่า องค์กร Lipta เป็นองค์กรที่ไม่ใหญ่มาก เรายังมีความยืดหยุ่นในหลายๆ เรื่อง มันมีโอกาสบางอย่างที่เข้ามา เราก็ปรับตัวแล้วเราก็ยังมีไฟกันอยู่แค่รอเวลาเท่านั้น อย่างการปล่อยเพลง 2-3 เพลงในช่วงท้ายปีเลย ซึ่งเรารู้สึกว่า ฤดูกาลนี้โอเค 
คัตโตะ : เราต้องยอมรับในปัญหาแล้วก็แก้ไขอย่างตรงไปตรงมา สมมติ ช่วงล็อคดาวน์เราก็เลือกปล่อยเพลงให้ตรงกับสถานการณ์ ถ้าเราปล่อยเพลงที่ชวนให้ทุกคนออกมาสนุกกันก็คงไม่ได้ อาจจะต้องเป็นเพลงแนว “ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะ ยังคิดถึงกันอยู่ไหม” มันก็เหมาะกับสถานการณ์มากกว่า 

ลิปส์ : สิ่งที่อยากจะฉลองให้กับ Lipta ในปีที่ผ่านมา 
คัตโตะ : มีแน่นอนครับ ผมว่า ทุกคนเก่งมากที่ผ่านปีค.ศ. 2020 มาได้ แค่ยังอยู่ได้ ยังได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำอยู่บ้างนิดหน่อย ผมว่า ทุกคนสอบผ่านปีค.ศ. 2020 แล้วแหละ หลายคนต้องเปลี่ยนแปลงหนักกว่าเรา ผมเห็นเพื่อนๆ หลายคนต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองเยอะ ผมก็นับถือเขานะ และผมเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนมีเกียร์พิเศษที่สามารถต่อสู้กับความยากลำบากได้ แต่ก็ต้องใช้พลังใจเยอะ 
แทน : ช่วงล็อคดาวน์ผมไม่เคยต้องอยู่บ้านนานขนาดนั้น ผมไม่รู้ว่า วันพรุงนี้จะเป็นอย่างไร มองในด้านดีมันก็ได้ใช้เวลากับคุณแม่ กับน้องหมาที่บ้านเยอะขึ้น จากที่เคยเจอกันตั้งแต่ช่วงเช้ากับช่วงดึก เพราะฉะนั้น ท่ามกลางเรื่องแย่ๆ ก็ยังมีเรื่องดีอยู่เสมอ ผมได้จัดห้องตัวเอง ได้ทำอะไรที่ปกติผมไม่ได้ทำ ได้ดู Netflix แล้วได้ลองทำซุปกิมจิกินเอง มันก็เป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เราได้มองปีนีในมุมที่ไม่หดหู่จนเกินไปนัก

ลิปส์ : กราฟชีวิตในเรื่องไหนพุ่งขึ้นสูงที่สุดในปีนี้ 
คัตโตะ : สำหรับผมคงเป็นเรื่องครอบครัว ในเมื่อเรามีเวลาเหลือเราก็มีเวลาให้คนรอบตัวเยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือครอบครัว พอเจอกันก็ได้คุยกันเยอะขึ้น 
แทน : ผมก็คล้ายๆ กัน โดยเฉพาะเรื่องคุณแม่ ไม่ว่าคุณแม่อยากทำอะไร อย่างเช่น อยากเล่นปิงปอง เราก็ไปซื้อโต๊ะปิงปองมาเล่นกับคุณแม่ที่บ้าน คุณแม่อยากเรียนร้องเพลงเราก็หาคนมาช่วยสอนให้ ซึ่งเรื่องแบบนี้บางทีเราทำงานทุกวันเราก็ละเลยมันไป เราได้กลับมามีเวลาให้กันมากขึ้น

ลิปส์ : เพลงทีแทนชีวิตในปีที่ผ่านมาได้ดีที่สุด 
แทน : ผมว่า Season Change น่าจะเข้าที่สุด
คัตโตะ : เลือกเพลงหนึ่งของ Lipta ที่ปีนี้อยู่ดีๆ ก็ได้กลับมาเล่นบ่อย ปกติไม่ค่อยได้เล่น คือ “ไม่ต้องกลัว” เป็นหนึ่งในเพลงที่มีความหมายของการที่เราจะสู้ไปด้วยกัน ช่วงโควิดฯ เราเลยได้ใช้เพลงนี้บ่อย 

ลิปส์ : Person of the Year ของ Lipta คือใคร
คัตโตะ : ถ้าเป็นในวงการดนตรีผมชอบ URBOY TJ อัลบั้มใหม่เขาน่าสนใจดี รู้สึกว่า เขาเป็นคนที่รับในทุกอย่างของตัวเองได้ แล้วเอาสิ่งนั้นกลับมาทำเป็นงานที่มีพลัง
แทน : ผมขอยกให้คนใกล้ตัวอย่างน้องอิ้งค์-วรันธร ก็แล้วกัน ผมว่า อิ้งค์มาเรื่อยๆ อย่างก้าวกระโดด ทุกเพลงปังขึ้นเรื่อยๆ แล้วเขาทำให้ผมประหลาดใจได้ตลอดเวลา ยิ่งปีนี้โควิดฯ ก็ทำอะไรอิ้งค์ไม่ได้

ลิปส์ : เล็งเอาไว้หรือยังว่าปีหน้าอยากจะ featuring กับใครอีก
คัตโตะ : ผมเลือกไว้ให้แทนคนหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่อยากบอก เพราะถ้าปล่อยไปเดี๋ยวข้อมูลไม่ใหม่แล้ว ขอเก็บเป็นความลับ
แทน : ผมอยากทำเพลงลูกทุ่งแบบ Lipta นะ เรายังไม่เคยทำเลยน่าจะแปลกใหม่ดี

ลิปส์ : คนที่อยากเห็นในมิวสิกวิดีโอของ Lipta ในปีหน้า 
คัตโตะ : ญาญ่า-อุรัสยา คงไม่ได้ แต่เคยคิดเอาไว้นานแล้วครับ 
แทน : ขอลอกการบ้านคัตโตะแล้วกัน ขอตอบ ญาญ่า ด้วย เวลาเลือกนางเอกเอ็มวีเราเลือกจากความชอบส่วนตัวล้วนๆ เลย บางทีก็มีแย่งกันเลือกบ้างนะ อย่างเพลงนี้ผมขอเลือกแล้วกันเพลงหน้าคัตโตะค่อยเลือก 

ลิปส์ : ถ้าให้มอบรางวัลให้ตัวเองสักหนึ่งรางวัลจะเป็นรางวัลอะไรดี 
แทน : รางวัล “ลูกรักของแม่” เพราะปีนี้ผ่านอะไรมากับคุณแม่เยอะ ทั้งเรื่องโควิดฯ และเรื่องส่วนตัวที่บ้าน 
คัตโตะ : ผมให้รางวัลตัวเองเรื่องการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนปล่อยวางมากขึ้น 

“ช่วงโควิดฯ มันเป็นช่วงที่ไม่มีความสุขเลยจริงๆ เพราะผมทำหลายๆ องค์กรอยู่ แล้วคนรอบข้างเพื่อนๆ ผมเปิดบริษัทกันเยอะ แล้วกำลังอยู่ในจุดที่แย่มาก แล้ววันหนึ่งผมรู้สึกว่า ที่ทำงานมาทั้งหมด เราอยากมอบความสุขให้กับตัวเองบ้าง เพราะฉะนั้น จึงเป็นปีที่ปล่อยวางมาก แล้วก็ไม่แคร์อะไรแล้ว” 

     อยากทำชีวิตให้มีความสุขมากที่สุด อยากให้ลูกน้องรอดก็พอแล้ว นอกนั้นผมก็ปล่อยแล้ว โดยปกติผมจะต้องมีโปรเจ็กต์ใหม่ๆ แต่ผมตัดทิ้งหมดทุกอย่าง ปีนี้ไม่ทำอะไรใหม่แล้ว พอสิ้นปีก็จะฉลองอย่างเดียว แล้วปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ ความสุขของเราเราก็ต้องเป็นคนมอบให้กับตัวเอง ให้คนอื่นมอบคงเป็นไปไม่ได้ อยากเอาเวลาไปใช่ให้ถูกที่ถูกคนมากขึ้นด้วย อันนี้ก็สำคัญ

ลิปส์ : ของขวัญที่อยากมอบให้กับคนอื่นๆในปีนี้
คัตโตะ: ปีหน้าเรามีอัลบั้มที่อยากมอบให้กับคนฟัง ให้ตัวเองด้วย มันจะเป็นอัลบั้มที่เราลงทุนกับมัน เรียกได้ว่า ดีกว่าเอาเงินไปซื้อรถสปอร์ตสักคัน เพราะผมไม่ได้ชอบนั่งรถสปอร์ต เหมือนเอาเงินไปลงทุนกับสิ่งที่อยู่ในใจของเรา หรือลงทุนกับสิ่งที่จะอยู่ในความทรงจำของคนฟังเราไปอีกนาน นี่เป็นสิ่งที่อยากซื้อเป็นของขวัญให้ตัวเองและคนฟัง ลงทุนในสิ่งที่ไม่มีทางได้กำไรกลับมาแน่นอน เป็นเหมือนงานศิลปะที่เราอยากเก็บเอาไว้ 
แทน : อยากมอบผลงานที่มีคุณภาพที่ดีอยู่เรื่อยๆ และต้องหาอะไรใหม่ๆ ให้วงตัวเองเรื่อยๆ ด้วย หรืองานที่รับผิดชอบให้คนอื่นก็ต้องทำออกมาให้ดีด้วย

┃Photography : Somkiat K.

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม