Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

‘ไอซ์-ภาณุวัฒน์ เปรมมณีนันท์’ พระเอกเลือดใหม่ช่อง 3 ผู้ไม่เคยละทิ้งความฝันของตัวเอง

Interview / People

ชายหนุ่มมาดเท่และสุขุมคนนี้ แจ้งเกิดจากการแสดงซีรีส์สะท้อนสังคมเรื่อง SOCIAL DEATH VOTE  และเป็นที่รู้จักในฐานะมือเบสสุดหล่อของวงดนตรี THE FINS สังกัดค่ายแชนเดอเลียร์ มิวสิค ไอซ์จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาโฆษณาและประชาสัมพันธ์ยุคดิจิทัล มหาวิทยาลัยศรีปทุม และปัจจุบันได้ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงมาเป็นระยะเวลา 5 ปีเต็ม โดยในปีนี้นับเป็นปีทองของไอซ์-ภาณุวัฒน์ ก็ว่าได้เพราะเขาได้เรียนรู้ ฝึกฝน และได้ก้าวข้ามทุกอุปสรรคสู่การเป็น “นักแสดง” เลือดใหม่และขึ้นแท่นเป็น “พระเอก” อย่างเต็มตัว

     “5 ปีในการทำงาน จริงๆ แล้วมันไม่นานเลยครับ เพราะในแต่ละปีเราต้องเรียนรู้อะไรมากมาย จริงๆ ผมอยากเล่นละคร ในใจคิดว่า เมื่อไรจะได้เล่น จนตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่า ทำไม 5 ปีที่ผ่านมา เราถึงยังไม่ได้รับโอกาส เพราะว่าเรายังไม่มีความพร้อม ทั้งด้านบุคลิกภาพ ความสามารถต่างๆ รวมถึงคาแร็กเตอร์ของตัวเองที่มันชัดเจน ผมก็เริ่มฝึกฝนตัวเองไปทีละเล็กทีละน้อย ผมร้องเพลงไม่เป็น ไม่กล้าร้องเพลง ไม่กล้าคุยกับใคร พูดไม่เก่ง ผมก็เริ่มไปเรียนการแสดง ไปเรียนแอ็กติ้ง ผมเล่นดนตรีไม่เป็นผมก็ไปเรียน ลองฝึกจากยูทูบ รูปร่างยังไม่สมส่วนก็ไปเข้าฟิตเนส ไปทำให้ตัวเองพร้อม เมื่อเราพร้อมเราก็เริ่มไปออดิชั่น เลยได้รับโอกาสนั้นๆ มา 

     …ซึ่งทำให้รู้ว่าโอกาสมันไม่ได้มาง่ายๆ ครับ มันอยู่ที่ตัวเราเองด้วย ถ้ามันมาง่ายๆ ก็ถือว่าเป็นโชคดีก็ถือเป็นกำไร แต่บางทีเราก็ต้องขวนขวายหาความรู้ด้วยตัวเอง แล้วเดี๋ยวโอกาสก็จะเข้ามาเองครับ โดยเฉพาะในปีนี้ผมถือว่าเป็นปีแห่งการเรียนรู้และทำงานอย่างจริงจังสำหรับผม ผมได้เล่นละครเต็มตัวเป็นครั้งแรกในชีวิตถึง 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือวาสนารัก ที่จะออนแอร์ปลายเดือนสิงหาคมนี้ และเรื่องเก็บแผ่นดินครับ”

     เก็บแผ่นดินเป็นละครดังระดับมาสเตอร์พีซของค่ายเป่าจินจงที่นำมารีเมคใหม่เพื่อร่วมฉลองวาระยิ่งใหญ่ครบรอบ 50 ปีช่อง 3 และครบรอบ 20 ปีของละครเรื่องนี้เก็บแผ่นดินเป็นละครน้ำดีที่พูดถึงเรื่องราวความรักชาติและการต่อสู้เพื่อแผ่นดินเกิดของชนเผ่าคาเซชนกลุ่มน้อยที่จะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อรักษาชาติพันธุ์ของตนไว้ซึ่งในครั้งนี้ไอซ์ได้มีโอกาสเข้ามารับบทบาทเป็น “มินทะดา” ชายหนุ่มจากเผ่าคาเซที่รักบ้านเกิดยิ่งชีวิตในเวอร์ชั่นปัจจุบัน

     “มันท้าทาย กดดัน แล้วเราก็ตื่นเต้นมากครับ ผมต้องไปเรียนการแสดง รวมถึงต้องฝึกเรื่องการใช้เสียงและลมหายใจ เพราะเสียงพูดผมจะขึ้นจมูก แล้วพอเราใหม่เรายิ่งเกร็ง ทีนี้พอมีปัญหาเรื่องเสียงปุ๊บเราจะลืมเรื่องการแสดงไปหมดเลย ทำให้ผมกังวล แล้วทำไม่ได้ ผมเลยทำเวิร์กช็อป ก่อนการทำงานในครั้งนี้หนักมาก แต่โชคดีที่ผมได้รับคำแนะนำจากพี่ๆ ทุกคนที่ดีมากครับ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันกับพี่อเล็กซ์ เรนเดลล์ ซึ่งเป็นแบบอย่างในการทำงานของผมเลยครับ พี่เขาน่ารักมากครับ เขาคอยสอน คอยช่วยเหลือ เขาไม่ถือตัว คอยเทคแคร์ แล้วมีคำพูดหนึ่งที่ผมประทับใจมาก เขาพูดว่า ‘เดี๋ยวจะพาไปให้ถึงจุดหมายให้ได้ ไม่ต้องกลัว ไปด้วยกันนี่แหละ’ ประโยคนี้มันซื้อใจผมได้ง่ายๆ แล้วกองเก็บแผ่นดิน ทุกคนเหมือนเป็นครอบครัว อบอุ่นมาก 

     …ส่วนการทำงานในช่วงโควิด-19 ผมได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มาก ผมในฐานะนักแสดงคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนหลายอย่างมาก ผมได้เรียนภาษาของเผ่าปกาเกอะญอ กับ ดร.สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์ ยากครับ ยากมาก ต้องฝึกร้องเพลงภาษาถิ่น ต้องฝึกเล่นเตหน่ากู เป็นเครื่องดนตรีโบราณคล้ายๆ พิณ เป็นเครื่องดนตรีประจำถิ่นของเผ่าปกาเกอะญอ ในอดีตสายของเตหน่ากูจะใช้วัสดุที่หาได้ตามธรรมชาติอย่างเถาวัลย์และเอ็นสัตว์ ปัจจุบันนิยมใช้สายเบรกจักรยานยนต์ เวลาดีดมันจะมีความไพเราะมาก ฟังแล้วสบายหู รวมถึงต้องฝึกศิลปะการต่อสู้ปันจักสีลัต ต้องสวมใส่เสื้อผ้าแบบชนเผ่าโบราณ 

“การเล่นละคร จริงๆ แล้วมันทำให้ผมได้มองย้อนกลับไปในยุคสมัยก่อนนะครับ ทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิต ได้เห็นวัฒนธรรมท้องถิ่น ประเพณีพื้นบ้าน ได้เห็นประวัติศาสตร์ ที่คนรุ่นใหม่อย่างผมได้เรียนรู้ มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ครับ” 

     ชายหนุ่มเอ่ยเล่าด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนปลีกตัวไปเพื่อถ่ายภาพขึ้นปกนิตยสารลิปส์ในครั้งนี้ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของหนุ่มไอซ์อีกเช่นกันซึ่งหนุ่มมาดเซอร์เจ้าของนัยน์ตาชวนฝันยิ่งดูหล่อเหลาเอาการเมื่ออยู่ในชุดที่ถูกออกแบบตัดเย็บด้วยผ้าไทยในสไตล์โมเดิร์น
     หลังจากโพสท่าถ่ายภาพในชุดผ้าไทยแล้วเสร็จหนุ่มไอซ์เอ่ยปากบอกกับเราว่าปกติไม่เคยได้ใส่ผ้าไทยในชีวิตประจำวันมากนักแต่เมื่อได้ใส่ถ่ายแบบรู้สึกว่าเท่ดูเป็นแฟชั่นและรู้สึกได้ว่าผ้าไทยนั้นมีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

     “ในความคิดของคนทั่วไป ถ้าพูดถึงผ้าไทย คนจะคิดว่าเป็นผ้าไหม เป็นผ้าลายเก่า ลายโบราณ แต่ในวันนี้เราสามารถใส่ผ้าไทยออกงานก็ได้ ใส่ไปเที่ยว ในแบบแฟชั่นก็ได้ หรือว่าใส่ในชีวิตประจำวันก็ดี เพราะว่ามันสบาย แล้วก็ไม่ร้อนครับ แล้วทุกวันนี้ดีไซเนอร์ไทยก็ออกแบบให้มีทั้งกางเกง เสื้อ หรือสูท เอาจริงๆ แล้วถ้าให้ผมใส่ผ้าไทยในชีวิตประจำวัน ผมอยากนุ่งโสร่งผ้าไทยกับเสื้อยืด เพราะว่ามันสบาย มันไม่ร้อน แล้วมันเข้ากับทรงผมของผมด้วยนะครับ (หัวเราะ)
     …แล้วเราจะเห็นว่าอย่างดาราหลายๆ ท่านที่เป็นคนรุ่นใหม่ใส่ผ้าไทยในชีวิตประจำวันก็ดีนะครับ เพราะเป็นการอนุรักษ์ความเป็นไทยให้คงอยู่ เพราะว่าคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่เขาจะนิยมใส่ของที่มันเป็นสากล แต่ถ้ามีดาราหันมาหยิบใส่นำเสนอความเป็นไทยในรูปแบบของความเป็นแฟชั่น มันก็เป็นเรื่องที่ดี 

“ส่วนตัวผมคิดว่าถ้ามีงานเดินแบบ ถ่ายแบบ หรืองานที่เราสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนหรือนำเสนออัตลักษณ์ของความเป็นไทยได้ หรือเป็นงานการกุศล ช่วยเหลือเด็กยากไร้ ช่วยเหลือสังคมได้ ผมยินดี” 

     ในวันนี้ชายหนุ่มได้รับโอกาสที่ดีเข้ามาในชีวิตมากมาย การเป็นนักแสดงที่ดีคือจุดหมาย เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตเขาให้ก้าวไปข้างหน้า ซึ่งไอซ์เชื่อว่าการไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตนเอง คือกุญแจสำคัญในการก้าวสู่ความสำเร็จ 
     “จริงๆ ทุกวันนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วครับ เพราะเราได้ทำในสิ่งที่เราเคยฝันไว้ ได้ทำในสิ่งที่เราหลงใหล ได้เล่นละคร ได้เดินแบบ ได้ทำในสิ่งที่แม่อยากเห็น ได้แบ่งเบาภาระของครอบครัว และเราตื่นมาทำงานตอนตี 2 ตี 3 ได้โดยที่เราไม่อิดออด เราอยากทำให้มันเต็มที่ เราเต็มใจ เราแฮปปี้ ทั้งหมดนี้ คือ ความสุขครับ” 

┃Photography : Nucha J.
┃Styling : Torrinee 

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม