Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Beauty / Fragrance

รู้หรือไม่? ‘กลิ่นหอม’ สามารถปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศได้

รวมน้ำหอมและเครื่องหอมที่กระตุ้นความรู้สึกทางเพศด้วยคอนเซปต์และเนื้อกลิ่น
Beauty / Fragrance

หลายคนคงรู้กันดีว่า ‘กลิ่นหอม’ นั้นทรงพลังต่อความรู้สึกและความทรงจำของมนุษย์มากๆ การรับกลิ่นนั้นเป็นระบบประสาทความรู้สึกในร่างกายที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตไม่แพ้ระบบอื่นๆ เพราะมันส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ของมนุษย์ เช่น การรับประทานอาหารที่กลิ่นสามารถทำให้เราอยากอาหารเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ รวมไปถึงเรื่องของเซ็กส์ที่กลิ่นก็เข้ามามีส่วนในกิจกรรมนี้ด้วย 

มีหลายๆ คนเคยตั้งคำถามว่า “น้ำหอมที่ยั่วยวนควรมีกลิ่นอย่างไร?” บางคนก็บอกว่าต้องเป็นกลิ่นแนวมัสก์ที่ให้กลิ่นคล้ายแป้งและกลิ่นกายมนุษย์สิ แต่ในขณะที่หลายวัฒนธรรมทั่วโลกกลับชูกลิ่นของดอกไม้หรือตระกูลกลิ่น Floral อย่างดอกกุหลาบหรือดอกมะลิเป็นตัวกระตุ้นการเกิดกิจกรรมทางเพศนี้มาหลายพันปี ปัจจุบันนักปรุงน้ำหอมชื่อดังหลายๆ คนได้ตีความน้ำหอมที่กระตุ้นความรู้สึกทางเพศใหม่โดยใช้โน๊ตกลิ่นตระกูล Animalic, Oriental รวมไปถึง Gourmands มาปรุงน้ำหอมสุดยั่วยวนแทน ซึ่งประกอบไปด้วยโน๊ตกลิ่นอย่างมัสก์ อำพัน ไม้จันทน์ และวานิลลา 

แต่เรื่องกลิ่นหอมนั้นเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลมากๆ หลายคนอาจจะชอบหรือไม่ชอบกลิ่นที่นักปรุงน้ำหอมเหล่านั้นปรุงจากโน๊ตที่เรากล่าวไปก็ได้ ดังนั้น ‘คอนเซปต์’ รวมถึง ‘ชื่อ’ ของเครื่องหอมนั้นก็สำคัญมากกับความรู้สึกของมนุษย์เพราะมันช่วยมาสร้างภาพในหัวให้ชัดเจนพอนำไปใช้ก็ยิ่งกระตุ้นความรู้สึกทางเพศได้มากขึ้น วันนี้เราเลยรวบรวมเครื่องหอมที่มีกลิ่นสุดเย้ายวนแถมมีชื่อและคอนเซปต์สุดติดเรตมาให้ทุกคนได้เลือกช้อปกันเพื่อไปเติมเต็มกิจกรรมทางเพศของคุณ!

This Smell Like My Vagina by Goop

เมื่อช่วงต้นปี 2020 นักแสดงสาวฮอลลีวูดอย่าง Gwyneth Paltrow ได้ประกาศขายเทียนหอมกลิ่นที่ทำให้วงการบิวตี้และเครื่องหอมต้องสั่นสะเทือนอย่างเทียนหอมกลิ่น ‘This Smell Like My Vagina’ ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ‘กลิ่นนี้เหมือนจิ๊มิ๊ของฉัน’ เทียนหอมกลิ่นนี้เกิดจากการคอลแลบระหว่าง Goop แบรนด์และเว็บไซต์แนว Lifestyle ของ Gwyneth กับแบรนด์เครื่องหอมนิชอย่าง Heretic 

ในเว็บ Goop ได้อธิบายคอนเซปต์ของกลิ่นนี้ว่าเกิดจากอารมณ์ขันระหว่าง Gwyneth และ Douglas Little นักปรุงน้ำหอมของ Heretic ระหว่างดมกลิ่นนี้ตอนคิดค้นกลิ่น Gwyneth ก็พูดขึ้นมาว่า “กลิ่นเหมือนน้องสาวของฉันเลย” นอกจากนั้นเว็บไซต์ได้บรรยายกลิ่นไว้ว่าเป็นกลิ่นที่เซ็กซี่แบบมีอารมณ์ขันจาก กลิ่นเปลือกส้ม มะกรูด ต้นซีดาร์ ดอกเจอเรเนียม กุหลาบมอญ และชะมดต้น ซึ่งก็มีโน๊ตกลิ่นที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศอย่างดอกกุหลาบและชะมดต้นที่เป็นกลิ่นแนวมัสก์ในตระกูลกลิ่น Animalic

Sécrétions Magnifiques by Etat Libre d’Orange

สำหรับน้ำหอมแบรนด์นิชจากฝรั่งเศสอย่าง Etat Libre d’Orange ซึ่งหลายๆ คนอาจจะไม่รู้จักเพราะว่ามีความติสต์สูงมากๆ จนผลิตกลิ่นหอมคอนเซปต์สุดแปลกนี้ออกมาที่มีชื่อกลิ่นว่า ‘Sécrétions Magnifiques’ ออกมาซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ‘ความลับอันงดงาม’ ซึ่งนักรีวิวน้ำหอมหลายๆ คนได้บอกว่ามันคือกลิ่นของเลือดและน้ำอสุจิของผู้ชายและก็ได้ชมนักปรุงน้ำหอมกลิ่นนี้ด้วยว่าปรุงออกมาได้เหมือนมาก 

น้ำหอมกลิ่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการระบาดของโรคเอดส์ในช่วงยุค 80s ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ Etienne de Swardt เจ้าของแบรนด์ได้พบเจอ เขาบอกว่าในช่วงนั้นผู้คนหวาดกลัวระหว่างโรคนี้มากแถมเป็นช่วงเวลาที่เซ็กส์และความกลัวได้ผสมผสานกัน เขาจึงหยิบเอาเรื่องนี้มาเป็นคอนเซปต์ของน้ำหอมกลิ่นนี้ นอกจากกลิ่นน้ำอสุจิที่กระตุ้นเซ็กส์แบบ Fetish แล้วกลิ่นนี้ยังประกอบไปด้วยโน๊ตอย่าง สาหร่าย นม มะพร้าว ดอกไอริส อำพัน และไม้จันทน์ ซึ่งสองกลิ่นหลังคือโน๊ตที่นักปรุงน้ำหอมยุคปัจจุบันมักนำสร้างกลิ่นสุดยั่วยวนในน้ำหอม

Oliver by Strangers Parfumerie

กลิ่นต่อมาเป็นน้ำหอมนิชแบรนด์ไทยที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง Strangers Parfumerie น้ำหอมแต่ละตัวของแบรนด์นี้มีคอนเซปต์ที่ชัดเจนมากซึ่งน้ำหอมกลิ่นที่เราพูดถึงอย่าง ‘Oliver’ ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง Call Me By Your Name ซึ่งเป็นคอลเลคชั่น LGBTQ ของแบรนด์ที่ออกมาเพื่อเฉลิมฉลองและโอบรับความหลากหลายทางเพศ

กลิ่นหอมนี้ถูกบรรยายไว้ว่าเหมือนผ้าสะอาดและกลิ่นตัว (Skin Scent) ของผู้ชายในหน้าร้อนบริเวณชนบทอิตาลีอย่างเมือง Crema ซึ่งฉากหลังของภาพในหนังเรื่อง Call Me By Your Name น้ำหอมกลิ่นนี้นั้นให้ความรู้สึกแบบกลิ่นกายมนุษย์จากโน๊ตกลิ่นชะมดซึ่งเป็นตระกูล Animalic แต่ด้วยความที่เป็นน้ำหอมนิชทำให้มีโน๊ตกลิ่นอีกหลายกลิ่นมากนำมาปรุงให้เราเห็นภาพชายหนุ่มที่มี Sex appeal สูงในชนบทราวกับเอากลิ่นของตัวละคร Oliver มาใส่ในขวดด้วยโทนกลิ่นซิตรัสอย่าง ส้ม มะกรูด กิ่งก้านของต้นส้ม รวมไปถึงแนว Greeny จากใบไม้ใบหญ้าอย่าง มอส โอ๊คมอส  หญ้า สมุนไพรต่างๆ เป็นกลิ่นอีกกลิ่นที่ดีมากสำหรับหนุ่มๆ ที่อยากเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเอง

Kiss by No.36 Perfume Lab

มาต่อกันที่แบรนด์น้ำหอมนิชสัญชาติไทยอีกแบรนด์ที่มีคอนเซปต์เก๋ไม่แพ้กันอย่าง No.36 Perfume Lab แบรนด์น้ำหอมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากมนุษย์ ซึ่งแบรนด์นี้น้ำหอมแต่ละตัวก็ล้วนเกี่ยวจากกิจกรรมต่างๆ ของซึ่งกลิ่นที่เราจะหยิบมาพูดถึงมีชื่อว่า ‘Kiss’ เป็นกลิ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากกลิ่นแห่งความทรงจำแห่งการกอดและจูบแรกที่ได้สัมผัสกับคนรักของเรา 

แค่แรงบันดาลใจของกลิ่นก็แบบโรแมนติคสุดๆ เรามาดูโน๊ตกลิ่นกันบ้างว่ามีอะไรบ้าง กลิ่นเปิดมาด้วยกลิ่นส้ม เลมอน และอเลมี่ให้ความรู้สึกเฟรชคล้ายหมากฝรั่งที่คนรักของเราเคี้ยว หลังจากนั้นเราจะได้กลิ่นพริกไทยชมพู ดอกไวโอเล็ต อำพัน หญ้าแฝก ไม้ซีดาร์ และมอส มาช่วยทำให้กลิ่นดูมีมิติและสร้างความ Masculine ให้กับกลิ่นได้เป็นอย่างดี ถึงคอนเซปต์จะดูเป็นน้ำหอมผู้ชายแต่โลกของน้ำหอมนิชไม่มีเพศนะ ใครที่ชอบน้ำหอมแนวอบอุ่นๆ ลองกลิ่นนี้เลยนอกจากจะมีมิติในกลิ่นมากๆ แล้วยังหวนรำลึกถึงความทรงจำเก่าๆ ของเราได้อีกด้วย

Love Sleep Seduction Candle by This Works

สำหรับใครที่เคยใช้ Deep Sleep Pillow Spray ของแบรนด์ This Works แล้วชอบเราเชื่อว่าคุณจะต้องชอบเทียนหอมกลิ่น ‘Love Sleep Seduction Candle’ จากแบรนด์นี้เช่นกัน เพราะเทียนหอมกลิ่นนี้ถูกออกแบบมาเผื่อผ่อนคลายและช่วยปลอบประโลมเราจากโลกอันวุ่นวายในปัจจุบัน แถมยังช่วยเสริมสร้างบรรยากาศให้เราใกล้ชิดสนิทสนมกับคนรักของเรามากขึ้นและที่สำคัญเทียนหอมกลิ่นนี้ยังคงช่วยเรื่องการนอนหลับซึ่งเป็นจุดขายของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี 

ซึ่งข้อดีของเทียนหอมกลิ่นนี้ผลิตจากส่วนผสมธรรมชาติถึง 100% ซึ่งคือน้ำมันหอมระเหยจากดอกกระดังงา กำยาน และแพทชูลี่ ซึ่งน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้ช่วยสร้างบรรยากาศในห้องนอนของเราให้เหมาะกับการพักผ่อน การนอนหลับ และรวมถึงการมีเซ็กส์ที่เทียนกลิ่นนี้สามารถสร้างความใกล้ชิดกับคนรักของเราได้เป็นอย่างดีอย่างที่เราบอกไป

Lust by Lush

แบรนด์บิวตี้สัญชาติอังกฤษที่มีจุดเด่นในเรื่อง Hand Made แถมเป็นแบรนด์ Vegan เหมาะมากสำหรับใครที่ชอบแบรนด์บิวตี้รักษ์โลก นอกจาก Bath Bomb สุดโด่งดังของแบรนด์แล้วนั้น Lush เนี่ยมีไลน์น้ำหอมที่เก๋และซับซ้อนมากเรียกว่าคุณภาพของกลิ่นน้องๆ แบรนด์นิชเลย วันนี้กลิ่นสุดยั่วที่เราอยากหยิบมาพูดถึงก็คือ ‘Lust’ ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยตรงตัวคือราคะนั่นเอง 

น้ำหอมกลิ่นนี้ได้ใช้โน๊ตกลิ่นหอมที่นักปรุงน้ำหอมนิยมใช้สร้างสรรค์น้ำหอมที่ปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศเกือบทุกกลิ่นเลยตั้งแต่กลิ่นดอกกระดังงา วานิลลา ไม้จันทน์ รวมไปถึงใช้กลิ่นของดอกไม้ที่หลายๆ วัฒนธรรมนิยมนำมาใช้ในการปรุงน้ำหอมเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศอย่างดอกกุหลาบและดอกมะลิด้วย ทำให้น้ำหอมกลิ่นนี้ออกมาเป็นโทน Floral-Woody สำหรับสาวๆ ที่นอกจากจะหอมยั่วยวนแล้วยังเข้มข้นมากๆ ถ้าพูดให้เห็นภาพชัดก็ต้องบอกว่าเป็นกลิ่นเรียกแขกได้เลยเพราะการกระจายตัวดีมากๆ

Musc Ravageur by Frederic Malle

น้ำหอมที่เรียกว่าเป็นน้ำหอมกลิ่นมาสเตอร์พีซจากแบรนด์น้ำหอมนิชคุณภาพสูงอย่าง Frederic Malle โดยกลิ่นนี้นั้นมีชื่อว่า ‘Musc Ravageur’ ซึ่งชื่อบอกชัดๆ อยู่แล้วว่าเป็นกลิ่นของมัสก์ซึ่งคำหลังแปลว่าทำลายล้าง กลิ่นนี้ถ้าเรายังไม่ได้ดมก็รู้เลยว่าเป็นกลิ่นโทน Animalic หรือ Musky ที่รุนแรงมากๆ ซึ่งเหมาะมากสำหรับหนุ่มๆ หรือสาวๆ บางคนที่ชอบน้ำหอมสุดยั่วยวนที่ไม่ใช่โทนกลิ่น Floral หรือ Woody 

กลิ่นโทน Spicy Sex และ Animalic กลิ่นนี้ประกอบไปด้วยโน๊ตลาเวนเดอร์ มะกรูด อบเชย กระวาน วานิลลา มัสก์ อำพัน ไม้จันทน์ และไม้ซีดาร์ ซึ่งเข้าสูตรน้ำหอมยั่วเพศเลยแต่ความพิเศษของกลิ่นนี้คือคุณภาพของส่วนผสมที่แบรนด์ Frederic Malle ปล่อยให้นักปรุงน้ำหอมได้ใช้แบบไม่มีข้อจำกัดเลยเพราะเป็นแบรนด์นิชคุณภาพสูง ทำให้กลิ่นนี้ที่นอกจากจะยั่วยวนแล้วยังบ่งบอกถึงหรูหราราวกับเอาคาแรคเตอร์พระเอกในนิยายโรแมนติกยัดใส่ขวดเลยจึงเหมาะมากสำหรับหนุ่มๆ ที่ต้องการความยั่วยวนแบบไม่ประเจิดประเจ้อ 

Lost Cherry and Bitter Peach by Tom Ford 

สำหรับน้ำหอมจากบ้าน Tom Ford หลายๆ คนรู้ว่าน้ำหอมจากบ้านนี้เต็มไปด้วยความยั่วยวนและเซ็กซี่สอดคล้องไปกับรากเหง้าและ DNA ของแบรนด์อยู่แล้ว แต่เมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Tom Ford ได้ออกน้ำหอมสุดยั่วยวนอย่าง ‘Lost Cherry’ และ ‘Bitter Peach’ ออกมา นอกจากชื่อที่สื่อไปถึงการมีเพศสัมพันธ์แล้วนั้นกลิ่นของทั้งสองเรียกว่ากระตุ้นอารมณ์ทางเพศและยั่วยวนมากๆ ตามสไตล์น้ำหอมจากแบรนด์นี้ 

แต่จุดเด่นที่เราเลือกน้ำหอมสองกลิ่นนี้มาไม่ใช่เพราะชื่อที่มีความหมายติดเรท 18+ แต่เป็นการเอาโทนกลิ่นแนว Fruity มาตีความใหม่ทำให้มีความยั่วยวนและดาร์กมากกว่าแบรนด์อื่นๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Tom Ford เลย Lost Cherry มีโน๊ตหลักอย่างเชอร์รี่ที่ผสมผสานมากับโน๊ตกลิ่นสุดยั่วยวนอย่าง อัลมอนด์ มะลิ ไม้จันทน์ และกุหลาบตุรกี ส่วนกลิ่น Bitter Peach มีโน๊ตหลักอย่างลูกพีชแทรกมาด้วยกลิ่นอย่าง เหล้ารัม กระวาน ไม้จันทน์ วานิลลา กำนาน และแพทชูลี่ ซึ่งเราพูดเลยว่า Tom Ford เป็นไม่กี่แบรนด์ที่นำเอากลิ่นแนว Fruity มาทำให้มีความยั่วยวนและปลุกเร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม