Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

Now or Never – คชาพร แพรงาม

เมื่อเมคอัพอาร์ติสต์งัดข้าวหมกไก่สูตรเด็ดของครอบครัว มาปั้นเป็นแบรนด์ข้าวหมกไก่สายแฟ “BUNG-iS”
Interview / People

ถ้าหากไม่ต้องเจอะเจอกับวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้งานถ่ายแฟชั่นหดหายงานออกกองโฆษณาเลื่อนกำหนดการส่วนงานแต่งงานก็ต้องหาฤกษ์ใหม่ชีวิตเมคอัพอาร์ติสต์คิวงานแน่นเกือบ 7 วันต่อสัปดาห์อย่างอีสซี่-คชาพรแพรงามคงไม่มีโอกาสงัดข้าวหมกไก่สูตรเด็ดของครอบครัวมาอัพเดทเวอร์ชั่นให้หน้าตาทันสมัยใส่กิมมิกโปรโมทสนุกๆตามประสาชาวโซเชียลแต่ยังคงความอร่อยไว้ครบถ้วนอย่างข้าวหมกไก่ “BUNG-iS” ไซด์โปรเจ็กต์ Delivery ที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนแต่จริงจังจนน่าจะต่อยอดออกไปได้อีกไกล

     อีสซี่เริ่มยึดอาชีพเป็นเมคอัพอาร์ติสต์ตั้งแต่เรียนจบจากด้าน Jewelry Design จากรั้วมศว. ประสานมิตร เธอสั่งสมประสบการณ์ในวงการแฟชั่น โฆษณา และงานแต่งหน้าเจ้าสาวมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อดาราเซเลบริตี้หลายคนไว้วางใจให้เธอแต่งหน้าให้ ไม่ว่าจะเป็น เต้ย-จรินทร์พร, ซาร่า เล็กจ์ และสู่ขวัญ บูลกุล 

     “ช่วงปีที่แล้วถือเป็นช่วงงานชุกมาก งานแต่งหน้าดาราเยอะขึ้น ทำให้มีงานอีเว้นต์ งานโฆษณาตามมาด้วย แล้วยังมีลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เข้ามาก็คือ งานแต่งงาน เพราะคนทั่วไปที่อยากสวยเหมือนดาราคนที่เราแต่งให้  ไทม์ไลน์ช่วงสิ้นปีที่เป็นเทศกาลแต่งงานงานเราจะยิ่งเยอะเป็นพิเศษ บางวันออกจากบ้านตี 3 เสร็จงาน 2 ทุ่มก็มี”

     จนกระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์สัญญาณไม่ดีเริ่มสังเกตได้จากคิวจองงานที่เริ่มบางตาลงเรื่อยๆ

     “ สัญญาณมันจะเริ่มมาแล้ว ขอเลื่อนงานนี้ออกไปก่อนนะคะ หรือแม้กระทั่งงานที่ต้องบินไปถ่ายเมืองนอก ก็โดน cancel ไปอย่างไม่มีกำหนด จนสุดท้ายก็เหลืออยู่แค่ไม่กี่งาน 
     …ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนะ คิดแค่ว่า วันนี้ตื่นมาไม่มีงานนี่หว่า ทำอะไรดี ทีนี้เริ่มถี่ขึ้นๆ จนกลายเป็น ว่างขึ้นๆ เราก็เริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว เพราะหนึ่ง รายได้เราหายไป แล้วเราเป็นฟรีแลนซ์ รายได้เราไม่แน่นอนอยู่แล้วใช่ไหมคะ บวกกับเราไม่ได้มีฐานเงินเดือนที่แบบทุกวันที่ 25จะมีเสียง “ติ๊ง” เสียงแห่งความสุขที่มีเงินโอนเข้ามา แล้วในเดือนหนึ่งเราก็มี fix cost มีค่าใช้จ่ายของเรา ก็เลยเริ่มคิดว่า เกิดอะไรขึ้น แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดี” 

     ก่อนหน้านี้เมคอัพอาร์ติสต์มาดนางแบบมีงานถ่ายแบบบ้างประปรายแต่เธอก็บอกว่านั่นเป็นเพียงงานสนุกๆที่ไม่ได้คิดจะนำมาเป็นอาชีพจริงจังมีแต่งานแต่งหน้านี่แหละที่เป็นรายได้หลักแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแผนสำรองจึงต้องถูกงัดมาใช้อย่างเร่งด่วน 

     “แพลน B ของเราเริ่มมาตอนที่ออกกองสุดท้ายเสร็จปุ๊บ แล้วหยุดไปประมาณ 4 วัน ที่เขาไม่ให้ออกไปไหน ออกได้แค่ไปตุนของ ให้เฝ้าระวัง สปาเริ่มปิด ร้านค้าเริ่มปิด ทีนี้กลายเป็นว่า งานที่คนจองไว้ ในเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมเริ่มขอยกเลิกแบบไม่มีกำหนด รวมถึงงานเจ้าสาวก็ขอเลื่อนไปแบบยังไม่รู้ว่าจะได้แต่งงานตอนไหน 

     ..เราก็เริ่มคิดว่า เราหาอะไรทำดี แล้วตอนนั้นเหมือนเราเพิ่งอยู่บ้านใหม่ๆ เราก็จะสั่งอาหารนอกบ้าน Deliveryมาส่งตลอด  จนมาคิดออกว่า หรือเราทำอาหารขายดีนะ อาหารมันก็เป็นปัจจัยสี่ที่คนต้องกินอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจทำเลย โทรคุยกับเพื่อนสนิท แล้วต่อมาก็โทรคุยกับพ่อเลย

     …พอคุยกับเพื่อเสร็จ เราก็เลยมานั่งดูว่า เรามีอะไรดีที่บ้านบ้าง จริงๆ เคยคุยกับคุณพ่อไว้นานแล้ว เพราะว่าท่านใกล้จะเกษียณ ก็คุยว่าถ้าเกิดพ่อเกษียณเมื่อไรเราอยากเปิดร้านข้าวหมกไก่ให้พ่อ เพราะสมัยเด็กๆ พ่อเคยเปิดร้านข้าวหมกไก่อยู่แถวมีนบุรี แล้วเราก็ช่วยพ่อขายมาตั้งแต่เด็ก แล้วพ่อก็เลิกขายไป ประมาณ 10 ปีแล้ว เราก็โทรคุยกับพ่อว่า ถ้าเกิดอยากทำข้าวหมกขาย ณ ตอนนี้ พ่อสนใจไหม ขายได้ไม่ได้ ไม่รู้แหละ อยากลองทำก่อน ตอนนั้นคิดเร็ว ทำเร็วเลย เราเปลี่ยนการรอให้เป็นโอกาสในตัวเอง

     “จริงๆ พ่อเขามีสูตรลับ จุดเด่นของเขา คือ ความกลมกล่อมของข้าว รสชาติของข้าว ข้าวเรียงเม็ดสวย รสชาติไม่จัดจนเกินไป วิธีการทำของพ่อมันไม่เหมือนคนอื่นตรงที่เขาจะมีเครื่องสด เป็นเครื่องที่เขา develop ของเขาเองจากการที่ไปเรียนกับปรมาจารย์มา แต่ด้วยความที่พ่อคงไม่ได้หุงมานานก็คงกะสัดส่วนผิด รสมือเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง แล้วก็น้ำจิ้มซึ่งแม่เป็นคนทำ แต่แม่ก็ทำสมุดสูตรตัวเองหายไปอีก เราก็ไปรวบรัดตัดตอนเลย พยายามส่งให้เพื่อนประมาณ 10คนให้ลองชิม ทุกคนก็คอมเม้นต์มา เราบอกพ่อให้ลองเอาใหม่อีกหม้อหนึ่ง พอมารอบสองปุ๊บ ทุกอย่างใช่ รสชาติถูกต้อง

     …เราก็ทำขายเลย โดยแบ่งหน้าที่กันในบ้าน อย่างพี่สาวก็จะมีความชอบทำอาหารตั้งแต่เด็ก เราเองก็โตมากับอาหารที่พี่สาวทำ พี่สาวก็จะเป็นมือปรุงซุป ส่วนข้าวไม่มีใครหุงอร่อยได้เท่าพ่อแล้ว แม้กระทั่งหอมเจียวคนที่เจียวที่อร่อยที่สุดก็คือแม่ ทุกคนก็จะมีหน้าที่ของตัวเอง

“เราอยากให้คนที่ซื้อข้าวหมกไก่ไปได้กินของที่ดีที่สุด เพราะว่าพ่อก็ concern ในเรื่องของคุณภาพอาหารมาก เขาใช้ของดีหมดเลยนะ แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ เราก็ไม่ได้อยากขายแพงมาก เราแค่อยากให้ คนได้ลองกินข้าวหมกของเราให้เยอะที่สุด  เวลาพ่อหุงข้าวแต่ละหม้อ เราจะเห็นเลยว่า เขารักข้าวของเขามาก ประคบประหงมเหมือนไข่ในหินเลย ยืนเฝ้าเตาตลอดเวลา พอเสร็จปุ๊บส่งให้เราแพ็คปุ๊บเขาก็ต้องมาคิวซี มาดู มาตักกากสมุนไพรออก งานเนี้ยบมาก”

     ภายใน 4 วันแบรนด์ข้าวหมกไก่ “BUNG-iS” จึงถือกำเนิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของเพื่อนสนิทที่ช่วยออกแบบแพ็คเกจและโลโก้ให้ดูร่วมสมัย ถ่ายภาพ สร้างคอนเท็นต์ขายข้าวหมกไก่กันอย่างจริงจัง เน้นขำขัน เจือกลิ่นอายแฟชั่นบางๆ และเข้าถึงง่าย

     “สำหรับชื่อ “BUNG-iS” (บังอีส) เป็นการเล่นตัวเองไปเลย เรามีชื่ออิสลามอยู่แล้วชื่อว่า “ลอร์อีส” แล้วน้องชายเราจะเรียกเราว่า “บังอีส “เราก็เลยใช้ชื่อ “บังอีส” ขายข้าวหมกไก่ไปเลย 

     …เราคิดว่า ทำแล้วก็ทำให้ดีไปเลย เพราะมันอาจจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่หารายได้ให้เราได้ เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่า เราจะได้กลับไปแต่งหน้าอีกเมื่อไร อย่างเรื่อง PR Marketing เราก็ไม่ได้คิดเป็นระบบ แต่เราดึงจากสิ่งใกล้ตัวเราเลย ดึงจากความเป็นตัวเรา เพราะเอาจริงๆ ช่วงนี้คนเครียดเยอะ ไม่มีใครอยากอ่านอะไรเครียดๆ เพราะฉะนั้น อิสซี่ก็เลยรู้สึกว่า เราลองโพสต์อะไรที่มันตลก เป็น positive ออกไปดีกว่า ให้คนได้เห็นแล้วยิ้มน่ะ 

https://www.instagram.com/p/B_2LCEAjNhQ/?igshid=6ltfab8d46ex

     …เราจะมีกลุ่มโปรดักชั่นของเราอยู่ เป็นคนที่สนิทกันใช้คำว่า “ครอบครัว” ดีกว่า มาช่วยกันทำ พอทุกคนมีไอเดียที่สนุกๆ แล้วพอด้วยความที่เราไม่ได้ทำงานด้วย ทุกคนก็เลยพร้อมที่จะอยากร่วมสนุกไปด้วย เราเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวเราเลย เอาความเป็นตัวเรา แล้วแค่ดึงเหตุการณ์ ณ ตอนนั้น มาขยับให้มันตลกแค่นั้นเอง อย่างวีคล่าสุดเป็นกระหัง เพราะเข้าไปอ่านคอนเท็นต์ในข่าวเรื่องกระสือแล้วรู้สึกว่า กระสือมันก็คงอยากกินข้าวหมกเนอะ  แล้วก็กลายเป็นทุกคนรอดูว่า วีคนี้บังอีสจะโผล่มาเป็นอะไร

“เราแค่รู้สึกว่า หรือถ้าเกิดมันทำให้คนที่เห็นคลิปนี้แล้วเขามีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย แม้กระทั่งคนที่เขาจะสั่งข้าวหมกเรา คือ คุณก็มีความสุขตั้งแต่คุณกดสั่งยันคุณกินมันจนคำสุดท้าย มันก็เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ”

     จากแพลน B ในวันที่คนทำอาชีพอิสระทำงานไม่ได้กลายมาเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงคนในบ้านให้มีเป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือ…

     “อยากทำร้านให้พ่อ เพราะด้วยความที่บ้านมี knowhow ในเรื่องของการทำอาหารฮาลาล อาหารมุสลิมอยู่แล้วเราก็รู้สึกว่ารสชาติที่เรากินตั้งแต่ตอนเด็ก เป็นรสชาติที่อร่อย เราก็แค่อยากส่งมอบความอร่อยนี้ไปกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ กลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ อีก ก็เลยคิดว่า อยากทำร้านเล็กๆ ให้พ่อ แล้วก็ขายในสิ่งที่เรามีอยู่นี่แหละ แต่อยากอยู่ในเมือง ทำร้านให้เป็นโมเดิร์นมุสลิมไปเลย  เพราะเอาจริงๆ อาหารฮาลาลแอบหากินยากนะ

     …จริงๆ พฤติกรรมผู้บริโภคทุกวันนี้มันอาจจะเปลี่ยนไปในระยะยาว อาจจะกลายเป็น New Normal ใหม่ ที่คนไม่ออกมากินอาหารนอกบ้าน สั่งผ่านออนไลน์เอา เพราะฉะนั้นหน้าร้านเราอาจจะกลายเป็นออนไลน์ก็ได้ เราก็ต้องมาดูว่าตอนนั้นจะทำอะไร ถ้าเกิดเป็นออนไลน์จริงจัง เราก็ต้องเข้าสู่ระบบ GP Model หรืออะไรก็ตามจะได้ส่งข้าวหมกไปถึงลูกค้าในระยะเวลาที่รวดเร็ว ทันใจ”

     ดูเหมือนว่าข้าวหมกไก่ Delivery ที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตจะถูกวางอนาคตไว้ยาวไกลส่วนตัวผู้ลงมือปั้นแบรนด์เองอย่างเมคอัพอาร์ติสต์ผู้นี้ก็มองถึงอนาคตของตัวเองไว้ว่า 

     “เคยคิดว่า จะทำงานแต่งหน้าไปเรื่อยๆ แต่เริ่มรู้สึกว่า เดี๋ยวนี้ช่างแต่งหน้าเจเนอเรชั่นใหม่มาเร็ว และโตเร็วมาก เพราะฉะนั้น เราต้องหา solution อื่น อาจจะต้องหาอย่างอื่นทำ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร แต่คิดว่า ก็คงจะแต่งหน้าต่อไปจนกว่าเราจะหมด passion ในการทำ แล้วก็อาจจะต้องเอาตัวเองไปทำอย่างอื่นบ้าง มันเป็นเรื่องของอนาคตน่ะ

     …อย่างเรื่องที่เราเคยคิดจะทำร้านให้พ่อเราก็เคยคิดมาตลอดแต่ไม่เคยคิดว่าจะเอาตัวเองไปอยู่ในเฟรมนั้นจนมันกลายเป็นคำว่า “บังอีส” ไปแล้ว 

┃Photography : Nucha J. , Bung-Is

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม