HOME / Culture / Report

MOTIF x TOM DIXON 4th Anniversary in Thailand

ทำความรู้จักดีไซเนอร์ผู้ถูกขนานนามว่า ‘Bad Boy British Designer’
Culture / Report

ป็นระยะเวลาร่วม 4 ปีแล้ว ที่ MOTIF ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมี่ยมของไทย ได้เชื้อเชิญแบรนด์เฟอร์นิเจอร์สุดล้ำอย่าง Tom Dixon เข้ามาอยู่ใต้ชายคาอันแสนอบอุ่นและหรูหรา ซึ่งเราเชื่อว่า คนที่ชื่นชอบในงานดีไซน์ของ Tom Dixon คงจะจดจำดีไซน์แหวกขนบของ Bad Boy แห่งวงการดีไซน์ผู้นี้ได้ดี โดยเฉพาะโคมไฟ MELT อันโด่งดังและโดดเด่นที่พื้นผิวสัมผัสให้ความรู้สึกเหมือนกำลังหลอมละลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่สิ่งที่เราค้างคาใจอยู่ที่ว่า ทำไมดีไซเนอร์วัย 61 ปีคนนี้ถึงได้รับฉายาว่าเป็น Bad Boy กันนะ แล้วอะไรทำให้ดีไซน์ของเขายังคงเป็นอมตะ และยังไม่เคยตกเทรนด์ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนๆ ว่าแล้วก็มาทำความรู้จัก Tom Dixon ให้ดีขึ้นกันดีกว่าค่ะ 

     จากที่เคยนึกว่า ดีไซเนอร์ผู้นี้เป็นชาวอังกฤษมาโดยตลอด แต่แท้ที่จริงแล้ว Tom Dixon เกิดที่ Sfax เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศตูนีเซีย พ่อของเขาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย ซึ่งมาพบรักกับแม่ผู้ซึ่งเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสในดินแดนแห่งนี้ Dixon ใช้ชีวิตอยู่ในแอฟริกาตอนเหนือจนถึงอายุ 4 ขวบ เขาจึงได้ย้ายถิ่นฐานไปยัง Huddersfield ทางตอนเหนือของสหราชอาณาจักร 

     ชีวิตวัยรุ่นของ Dixon นั้นคงต้องบอกว่า เขาเป็นเด็กวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับความรู้สึกแปลกแยก และวิชาศิลปะคือที่หลบภัยของเขาเลยก็ว่าได้ เขาเริ่มสนใจในศาสตร์การปั้นเซรามิกที่ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่า วัสดุจากธรรมชาติสามารถแปลงร่างเป็นสิ่งของที่มีคุณค่าได้อย่างน่าอัศจรรย์ ต่อมาเขาจึงได้เข้าไปร่ำเรียนศิลปะอย่างจริงจังที่ Chelsea School of Art ซึ่งเขาได้ฟอร์มวงดนตรีแนวฟังก์ดิสโก้ชื่อว่า Funkapolitan กับเพื่อนๆ (สมัยนั้นใครๆ ก็เป็นสมาชิกวงดนตรี Dixon กล่าว) ซึ่งวงก็ไปได้สวยถึงขั้นได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง แถมยังได้เป็นวงเปิดให้กับวงระดับตำนานอย่าง The Clash อีกด้วย 

Funkapolitan

     ช่วงชีวิตการเป็นสมาชิกวงดนตรีของเขานั้นทำให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยง และได้รู้จักคนในวงการแฟชั่น และศิลปะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แฮร์สไตลิสต์ เธียเตอร์ดีไซเนอร์ แฟชั่นดีไซเนอร์ ช่างภาพ ฯลฯ และพวกเขาเหล่านั้นก็มักจะมาขอร้องให้ Dixon ทำพร็อพ ทำสิ่งของต่างๆ ให้อยู่บ่อยๆ ทำให้เขากลายมาเป็น โปรดักต์ดีไซเนอร์โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

     จากนั้น Dixon เริ่มต้นเส้นทางในสายงานดีไซน์อย่างจริงจัง ด้วยการเปิดสตูดิโอที่มีหน้าร้านเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ ร่วมกันกับเพื่อนๆ ดีไซน์เนอร์ จากนั้นได้ถูกเชิญเข้าร่วมทำงานกับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่ชื่อดังระดับโลกอีกมากมาย และได้ออกแบบ S Chair ซึ่งกลายเป็นโมเดลไอคอนในการออกแบบเก้าอี้ของโลกและเป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นของแบรนด์ Tom Dixon ด้วยเช่นกัน จนกระทั่งในปีค.ศ. 2002 แบรนด์ Tom Dixon ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะปฏิวัติวงการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ของโลกให้มีชีวิตชีวา สนุก และแหวกออกจากกรอบเดิมๆ 

     แน่นอนว่า ผลงานชิ้นเด่นของ Tom Dixon ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี คงไม่มีชิ้นไหนโดดเด่นเกิน MELT โคมไฟซึ่งเปิดตัวครั้งแรกที่ Milan Fair ในปีค.ศ. 2015 โคมไฟ MELT เกิดจากไอเดียที่ Dixon ต้องการสร้างโคมไฟที่ดูเหมือนรูปร่างไม่สมบูรณ์เพื่อให้ใกล้เคียงกับความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไอเดียอันบรรเจิดของเขานำมาสู่โคมไฟที่เกิดจากการหลอมละลายด้วยเทคนิคพิเศษ ซึ่งเมื่อมองจากภายในแล้วคล้ายคลึงกับภูเขาน้ำแข็งที่กำลังละลาย ความพิเศษของโคมไฟ MELT อยู่ที่คุณสมบัติโปร่งแสงเมื่อไฟเปิด แต่จะเปลี่ยนเป็นพื้นผิวกระจกซึ่งสะท้อนแสงไฟอันชวนหลงไหลเมื่อไฟปิด

     ซึ่งทาง MOTIF ได้นำ โคมไฟ MELT เข้าสู่เมืองไทยครั้งแรกพร้อมกับการเปิดตัวแบรนด์  TOM DIXON ที่เมืองไทยอย่างเป็นทางการ  จนขึ้นแท่นโปรดักต์ยอดฮิตที่ถูกใจทั้งอินทีเรียดีไซเนอร์ และคนรักการแต่งบ้านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นเวลา 4 ปีแล้วที่มนตร์เสน่ห์ของโคมไฟหลอมละลายในรูปทรงกลมจากไอเดียล้ำของ Dixon ได้วางจำหน่ายในเมืองไทยทั้งในรูปแบบ โคมไฟห้อยเพดาน โคมไฟตั้งพื้น และโคมไฟตั้งโต๊ะ โดยมีให้เลือกถึง 4 เฉดสี ได้แก่ Chrome,  Gold และ Copper  และคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดที่มากับสี Black Smoke ที่ดูลึกลับ และสุดแสนจะเท่  

ลิปสเตอร์สามารถไปจับจองกันได้ที่ :
MOTIF at Central Embassy ชั้น 4
IG: motifartofliving
FB : motifartoflibving
Website : motifartofliving.com

Related Articles