แฟชั่นวีคช่วงสองปีที่ผ่านและคราวนี้ต่างกันคนละเรื่อง แม้สถานการณ์โควิด19 ไม่ได้นิ่งร้อยเปอร์เซ็นส์รวมถึงเรื่องราวบาดหมางระหว่างยูเครนและรัสเซียก็ค่อนข้างจะตึงเครียดพอสมควร แต่เหล่าดีไซเนอร์พยายามคุมสติและปล่อยพลังผ่านงานดีไซน์ของพวกเขา วันที่ 3 ของมิลานเข้มข้นและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพและยังให้มุมมองใหม่ๆ มากกว่าแค่เซ็กส์หรือ Y2K
เรารวบรวมโชว์เด็ดที่สุดของวันที่ 3 มาให้ผู้อ่านกันแล้ว ลองไปดูกันเลยว่ามีโชว์ไหนที่เข้าตาเราในวันนี้บ้าง
Tod’s
ถ้าคิดว่าซีซั่นนี้จะเห็นแต่เสื้อผ้าแรงๆ แฟชั่นจัดๆ ต้องเว้น Tod’s ไว้หนึ่งแบรนด์ Walter Chiapponi ดีไซเนอร์ของแบรนด์เลือกลดทอนหยิบความมินิมอลแบบ 90s มานำเสนอในคราวนี้ จุดแข็งของ Tod’s คือความคลาสสิกแบบอิตาเลียนที่อาจไม่ได้โดนใจ Gen Z เท่าไหร่ในตอนนี้ คอลเลคชั่นนี้ของ Walter แม้จะเน้นความคลาสสิกแต่ปรับบริบทใหม่ให้โมเดิร์นขึ้น
นอกจากสองพี่น้องบ้าน Hadid แล้ว ซิลูเอ็ตต์ของเสื้อผ้าที่เรียบง่ายแต่ทันสมัยด้วยคัตติ้งวัยรุ่นมากขึ้น น่าจะสามารถเรียกฐานลูกค้าที่เด็กลงมาได้ ความเรียบง่ายของ Tod’s ยังแน่นด้วยคุณภาพเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมุมมองที่สดกว่า ถือเป็นอีกหนึ่งคอลเลคชั่นที่เข้ามาเบรกความแรงของภาพรวมได้พอดิบพอดี
Etro
แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องลายพิมพ์อาจฟังแล้วท้าทายในการทำแต่ละคอลเลคชั่นอย่างไรให้แตกต่างกัน ซิกเนเจอร์ลายพิมพ์ของ Etro ก็คือลาย Paisely ที่มักปรากฎบนทุกคอลเลคชั่น แล้วจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคไม่รู้สึกเบื่อดีละ คำตอบของ Veronica Etro คือการไม่หยุดทดลอง สร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับลายพิมพ์ของตัวเอง
เป็นเหตุผลว่าทำไมซีซั่นนี้ของ Etro จึงวาไรตี้และหลากหลายมากๆ เพราะเธอต้องการเน้นที่ Personality ของผู้ใส่แต่ละคนมากกว่า ลายพิมพ์เลื่องชื่อถูกนำเสนอในเชปและฟอร์มที่หลากหลาย ไม่มีความตายตัวให้ดูแล้วเป็นยูนิฟอร์มแต่เป็นทางเลือกให้กับผู้ใส่ว่าอยากจะเห็นลายนี้บนตัวเองอย่างไร ข้อสังเกตหนึ่งที่เราเห็นคือความสดใหม่ในแง่ของดีไซน์ที่ปรับมาแน่นอนเพื่อเรียกฐานลูกค้าที่เด็กลง คอลเลคชั่นของ Etro คราวนี้จึงครบหมดทุกมู้ด สาวเท่ สาวหวาน สาวเปรี้ยวหรือแม้แต่สาวเซ็กซี่
Gucci
การกลับมาโชว์ที่มิลานอีกครั้งในรอบสองปีของ Gucci ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ก่อนจะพูดถึงงานคอลแลบเราขอย้อนกลับไปหน่อยในช่วงที่ Alessandro Michele เริ่มต้นที่ Gucci ใหม่ๆ จุดสำคัญที่เขาเปลี่ยนมุมมองแฟชั่นไปเลยไม่ใช่เรื่อง Maximalist แต่เป็นเรื่องของ ‘เพศ’ การเบลอเส้นแบ่งของเพศที่ปัจจุบันก็ยังเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Gucci ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ เช่นเดียวกับคอลเลคชั่นล่าสุดที่ได้แรงบันดาลใจกันไปมาระหว่างสองเพศ เสื้อผ้าแบบไฮบริดที่ไม่ต้องคำนึงถึงเพศอีกต่อไปถ้าใจอยากจะใส่เสียอย่าง
งานเทเลอร์คือส่วนสำคัญของคอลเลคชั่นนี้เมื่อ Alessandro นำเสนอออกมาในรูปแบบที่หลากหลายและไม่ว่าเพศใดจะสวมบนรันเวย์ก็ตามเรามองว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อทุกเพศสภาพ และเทเลอร์นี้ยังปรากฎบนงานคอลแลบสุดเซอร์ไพรส์ระหว่าง Gucci และ Adidas อีกด้วย การโคจรมาพบกันของสองความต่างบาลานซ์ให้คอลเลคชั่นนี้มีมิติมากขึ้น โลโก้ Adidas และ Gucci ผสานเป็นหนึ่งที่ไม่ว่าจะไปปรากฎบนไอเท็มไหนจะต้องขายดีหมดเกลี้ยงแน่ๆ เมื่อวางขาย และ Adidas เองที่ช่วยให้มู้ดของงานเทเลอร์คมกริบของ Gucci ซีซั่นนี้ดูชิลล์และสนุกมากขึ้น หัวพ่อค้าจริงๆ นะ Alessandro
Versace
ถ้าต้องมาฟาดกันด้วยเรื่องความแซ่บ Versace กินขาดอยู่แล้ว โดยเฉพาะกระแสเซ็กซี่ทำกำลังขับเคลื่อนแฟชั่นอยู่ขณะนี้มีหรือที่ผู้นำด้านนี้จะแพ้บ้านอื่นๆ คอลเลคชั่นนี้ของ Donatella Versace เน้นความเผ็ดเป็นพิเศษ เดรสเอวสับที่มาพร้อมคอร์เซ็ตในตัวคีย์ลุคที่โผล่มาเกือบทุกเฉดสี อีกหนึ่งคีย์ไอเท็มที่เราชอบเป็นพิเศษคือพวกชิ้นนอกที่ซีซั่นนี้ Versace เน้นความโอเวอร์ไซส์เพื่อแมตช์เข้าเสื้อผ้าเข้ารูปตัวจิ๋ว
ความเผ็ดยังไม่จบแค่นั้นเลิกกิ้งลาแท็กซ์น่าจะกลายเป็นไอเท็มที่ IT Girl น่าจะหยิบไปใส่ในซีซั่นต่อไป สำหรับใครที่คิดถึงเสื้อผ้าสับๆ Versace คือศูนย์รวมของสิ่งนั้น ที่สำคัญเธอทำได้ถึงแก่นอีกด้วย
Palm Angels
นอกจากคอลแลบ Gucci และ Adidas แล้ว เซอร์ไพรส์ของโชว์คราวนี้คือการมาของ Palm Angels แบรนด์ลักชูรี่สตรีทที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเจเนอเรชั่นใหม่ เสน่ห์ของแบรนด์นี้ก็คือคอลเลคชั่นที่ตอบโจทย์มาเพื่อคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ เสื้อผ้าสไตล์สตรีทที่มีครบแบบ 360 องศา จะต้องมีสักชิ้นที่คุณชอบจนได้
Francesco Ragazzi ตั้งใจให้แบรนด์ของเขาเป็นมากกว่าแค่แบรนด์แฟชั่น ซึ่งเขาหมายถึงไลฟ์สไตล์แบรนด์นั่นเองแต่การจะไปตรงนั้นได้คุณต้องพิสูจน์ก่อนว่าคอลเลคชั่นหลักที่คุณต้องรับผิดชอบมันดีพอหรือยัง ซึ่งวันนี้เราได้คำตอบแล้วว่ามันดีพอ เพราะเสื้อผ้าทุกชิ้นที่เขาดีไซน์คราวนี้ทุกชิ้นสามารถแตกชิ้นมาแมตช์กันไปมาได้อย่างไม่รู้จบและนั่นเหละคือข้อดีมากๆ ของคอลเลคชั่นนี้
