Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

เฌอเอม – พัทธ์ กับนิยามคำว่า เพื่อนสนิท และพาร์ทเนอร์ชั่วชีวิต

เจาะใจความสัมพันธ์ของคนสองคนที่แตกต่างสุดขั้ว แต่ลงตัวเกินคาด
Interview / People

เฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์ ที่ทุกคนเห็น คือ นางงามสายสปีชผู้ตอบคำถามปัง และนักกิจกรรมที่ส่งเสียงดังเพื่อสังคม แต่เฌอเอมที่เป็นคนรัก เพื่อนสนิท และพาร์ทเนอร์ชั่วชีวิตของ พัทธ์ ยิ่งเจริญ ศิลปิน และคนเลี้ยงแมว อาจเป็นอีกมุมที่เราแทบไม่เคยเห็น

คนหนึ่งคือคลื่นความถี่สูงปรี๊ดและดิ่งสุด อีกคนอยู่ในย่านความถี่กลางสุดเสถียร
คนหนึ่งรายล้อมอยู่กับผู้คน อีกคนนั่งเผชิญหน้ากับผืนผ้าใบและพู่กันทั้งวัน
คนหนึ่งคือความโกลาหล อีกคนคือระเบียบ
คนหนึ่งถูกฟาดแล้วฟาดอีกให้ล้มอีกคนคอยพยุงให้ยืน

“ซึ่งจะมีสักกี่คนที่ปล่อยให้คนรักไปทำอะไรก็ได้ จะเป็นอะไรก็ได้” เฌอเอมเอ่ย

พัทธ์กับเฌอเอมปรากฏตัวในชุดสีแดงทั้งคู่โดยนัดหมายล่วงหน้า “วันแรกที่คบกันเป็นแฟนรอบที่ 2 เอมใส่เสื้อสีแดง” พัทธ์บอกเบื้องหลังเดรสโค้ดคู่ในวันนี้ “ครั้งแรกที่เจอเอมคือวันรายงานตัวที่คณะจิตรกรรม ศิลปากร เราเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันเมื่อ 11 ปีที่แล้ว จำได้ว่าเอมตัวสูงสุดและผมแดงมาเลย” พัทธ์คุ้ยแคะความทรงจำซึ่งมีสีแดงมาเกี่ยวพันอย่างไม่เจตนา ขณะที่เฌอเอมรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วยรอยยิ้มมาดมั่นว่า “วันรายงานตัว…เอมไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ”

เพราะกิจกรรมรับน้องที่กินเวลาเกือบทั้งเทอมแรกของนิสิตปี 1 ทำให้เฌอเอมและพัทธ์ต้องเจอกันบ่อยไปเอง ตั้งแต่เวลาไปเรียนจนถึงเวลากลับบ้าน “แต่ก่อนเวลาผู้หญิงจะกลับบ้านต้องให้ผู้ชายเดินไปด้วย เพื่อน ๆ อยู่ฝั่งปิ่นเกล้ากันหมด คนที่อยู่ฝั่งพระนครมีแค่ผมกับเอม เลยขึ้นรถเมล์กลับบ้านกันสองคน เวลาจะไปเรียนก็จะให้ที่บ้านวนรถไปรับเอมแล้วไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน เอมเลยเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในรุ่น เพราะอยู่ด้วยกันเยอะสุด” พัทธ์เล่า

“เขามาอยู่ด้วยตลอด ไปไหนก็ไปด้วย อะไรจะว่างขนาดนั้น ถ้าเอมไม่กินข้าว เขาจะซื้อข้าวมาให้ เอมจะจัดห้อง ปริ๊นเตอร์เสีย ลืมกระเป๋าตังค์ ต้องกลับไปเอาเงินที่บ้าน พัทธ์จะทำให้ทันที เหมือนไม่ใช่เพื่อน แต่เหมือนเป็นเบ๊ และพัทธ์เป็นยอดมนุษย์ ทำทันทุกอย่าง จัดการได้หมดทุกสิ่ง ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใครเลย มีแต่เราที่ขอเพราะเราจัดการตัวเองไม่ได้เลย รู้สึกว่าเราโดนตามใจ เพราะมีบัทเลอร์คอยทำให้โดยที่เราไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ” เอมเล่าถึงความสัมพันธ์งง ๆระหว่าง ‘เพื่อนสนิท’ ที่อยากอยู่ใกล้กันตลอดเวลา

ถ้าเห็นพัทธ์ข้างนอก คุณจะไม่นึกเลยว่าเขาเป็นจิตรกร และเป็นมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน “ผมแต่งตัวแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เนื้อตัวสะอาด ปาดผมเรียบ ไว้ผมสั้นตัดเรียบร้อย และอาบน้ำ (หัวเราะ)” พัทธ์บรรยายลุคศิลปินของตนเอง “คนจะมองว่านี่ไม่ใช่ชายแท้ ความเป็นชายแท้ในคณะจิตรกรรมผูกกับความเป็นศิลปินด้วย แต่พัทธ์ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย เอมก็ไม่ได้แต่งตัวติสต์ ทุกคนพยายามรุมทึ้งเราว่า ทำไมเราแต่งตัวแบบนี้ ติดสวย ท่าทางแบบนี้เรียนไม่เก่งหรอก แต่เราได้ A นะ สภาพแวดล้อมที่นี่ทำให้เราสองคนเป็นตัวประหลาด เพราะแต่งตัวเนี้ยบกันสองคน”

ประจวบเหมาะที่เฌอเอมเริ่มทำงานนางแบบ รูปเงาของเธอเริ่มเลือนหายไปจากสังคมเพื่อน และในที่สุดก็เจือจางไปจากเพื่อนสนิทคนเดียวที่มีอยู่ “พอเราเริ่มไม่ค่อยอยู่ เพื่อนคนอื่นก็เริ่มเอาพัทธ์ไปอยู่ด้วย เราก็ไม่ได้คุยกับพัทธ์มากเหมือนแต่ก่อน เพราะกลัวว่าเขาจะเกลียดเราไปแล้วหรือเปล่า เรารู้สึกโดดเดี่ยวจากคณะมาก เพื่อนคนเดียวของเราบางทีก็ดูเย็นชา บางทีก็ไปอยู่กับคนอื่น เราเชื่อไปแล้วว่าเราตัวคนเดียว พอคนอื่นแรงกับเรา เราก็ยิ่งแรงกลับ พอมาเป็นนางแบบ เราก็ทำได้ไม่ดีนัก เอเจนซี่ใช้ไม้แข็งเพื่อกดดันให้เราดีขึ้น เราเจอแต่ไม้แข็งมาตลอด ที่คณะก็โดน ทำไมเราต้องเป็นคนที่โดนฟาดตลอด ทำอะไรก็ขัดหูขัดตาคนอื่น” เฌอเอมที่พัทธ์พูดถึงเมื่อแรกเห็นว่า ‘ดูเป็นคนแรง ๆ’ แต่ดูจากเรื่องราว กลับจะเป็นฝ่ายได้รับความรุนแรงเสียมากกว่าระบายสิ่งที่ค้างคาใจ

“ตอนนั้นมีคนมาชวนให้กินยาลดความอ้วน อย่างน้อยก็ควรจะหุ่นดี เราคิดแบบนั้น พอกินก็ลอย ๆ เดิน ๆ อยู่รู้สึกเหมือนจะโดนคนทำร้าย ใครมองหน้าก็คิดว่ามาหาเรื่อง เรามีโลก 2 ใบ คือ โลกนางแบบกับโลกที่คณะ แล้วเป็นโลกที่เราอยู่ไม่ได้ทั้งสองใบ แต่โลกนางแบบเรายังต้องติดต่ออยู่เพราะต้องทำงาน เลยเหลือแต่โลกนางแบบ โลกมหาวิทยาลัยก็หายไป วันที่เอมจะดรอปเรียน มีอาจารย์บางคนที่ยังพูดดีกับเราบอกว่าลงมาลากันหน่อยก็ยังดี พอเราลงไป อาจารย์อีกคนเดินมาทันทีพูดว่า ‘นี่หนีตามผู้ชายหรือ’ เราไม่ได้อยากให้ใครมาโอ๋ แต่อย่างน้อยปฏิบัติกับเราเหมือนมนุษย์บ้าง”

“เราเป็นห่วงแต่เราไม่ได้เข้าใจเขาทั้งหมด” พัทธ์ค่อย ๆ คัดสรรคำมาบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีก่อน “เราคิดด้วยซ้ำว่าเป็นเพราะเราหรือเปล่า เพราะเราใกล้เขาที่สุด เขาไม่ชอบเราแล้วหรือเปล่า เราโทษตัวเองเพราะไม่รู้ว่าจะโทษอะไร ผมอยู่กับเพื่อนหลายกลุ่ม มีกลุ่มที่พูดถึงเอมอย่างนั้นอย่างนี้ก็มี แต่เราก็ไม่ได้เชื่อ เรารู้สึกว่าเอมต้องมีเหตุผลที่ยังไม่ได้บอกเรา ระหว่างที่เอมผจญภัยในชีวิตตัวเอง ผมก็ไปอีกทาง เราสองคนเป็นส่วนผสมที่ไปอยู่คณะจิตรกรรมแล้วไม่น่าจะเวิร์ก ซึ่งเอมก็ดีดตัวออกไปเลย แต่ผมพยายามแกะโค้ดว่าจะอยู่ที่นี่อย่างไร แล้วผมทำสำเร็จ ตั้งแต่ปี 2 เทอมแรกไปจนปี 5 เทอม 2 ผมไม่เคยได้เกรดอื่นเลยนอกจาก A มันเหมือนเกม พอผมรู้ว่าเกมนี้เล่นอย่างไร ผมก็เล่นไปตามนั้น เรียนดี อาจารย์รัก เราสองคนเลยไปกันคนละทาง”

สองชีวิตที่แยกห่าง แต่กลับมาพานพบกันอีกครั้งด้วยเรื่องงาน

“พอกลับมาเจอกันอีก เห็นหน้ากันแล้วก็รู้ว่ารักกัน แต่รักกันไม่ได้ เขาเป็นเหมือนพาร์ทเนอร์ชั่วชีวิต ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เราก็ยังเป็นครอบครัว เป็นคนที่จะกลับมานั่งคุยกันได้เหมือนเก่า” รู้ใจกันแต่ไม่มีใครลงมือทำอะไร สะกดใจทำทีคุยกันไปเพื่อนสักพัก กระทั่งเฌอเอมเป็นฝ่ายบุกไปหาแล้วขอคบให้หายคาใจ มีสถานะเป็นแฟนกันจริงจังให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แฮปปี้เอนดิ้งเสียที เราคิดในใจ “คบกันเดือนกว่า เรารู้สึกว่าพัทธ์ดีเกินไปเลยไปขอเลิก รู้สึกเหมือนไปทำลายชีวิตเขา” เรามองหน้าเฌอเอมอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เธอได้กระทำลงไปในนามของความรัก

“ความเลวร้าย คือ เอมสั่งทำแหวนคู่ตั้งแต่คบกัน กว่าจะได้แหวนก็เลิกกันซะก่อน เอมเพิ่งโพสต์รูปเก่า ๆ วันที่คบกันครบ 10 ปี แล้วมีรูปคู่รูปหนึ่งที่พัทธ์เห็นแล้วบอกว่า เอม จำได้ไหม รูปนี้คือวันที่เราเลิกกัน” เฌอเอมเล่าเรื่องจี๊ดที่ผ่านไปนานแล้วแต่คนนั่งข้าง ๆ ฟังแล้วยังทำหน้าเจ็บแปลบอยู่ “คบกันเดือนเดียวแต่ผมเฮิร์ทไปเป็นปี แล้วเอมก็หายไปอีกแล้ว เสียใจจริงแต่ก็ไม่คาใจ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่คาใจว่าถ้าคบกันแล้วจะเวิร์กไหม พอเลิกกันเลยปลดล็อกว่ามันไม่เวิร์กจริง ๆ ตอนนั้นผมเรียนอยู่ปีท้าย ๆ แล้ว อะไรที่กระทบชีวิตก็เอามาสร้างเป็นงาน” พัทธ์ยิ้มแห้ง “ข้างหลังวิทยานิพนธ์ของพัทธ์ต้องเขียนขอบคุณเอมนะที่เป็นแรงบรรลัยกาลในชีวิต” เฌอเอมแซวตัวเอง

จากคำถามแรกของเราที่ว่าทำไมใส่เสื้อแดงมาคู่กัน คำตอบเพิ่งจะกระจ่างตรงนี้เมื่อเรื่องราวการคบกันรอบสองคลี่คลาย “กลับมาเจอกันเพราะเรานัดหมอนวดที่อยู่แถวบ้านพัทธ์ แล้วหมอนวดไม่มา เอมไม่มีอะไรทำ เลยไปร้านอาหารแม่พัทธ์ จะไปกินผัดไท” เฌอเอมเล่าเป็นฉาก ๆ “พอเจอหน้ากันรู้สึกโลกรอบตัวหมุนช้า เป็นภาพสโลว์โมชั่น ทุกความรู้สึกกลับมา เรากลับมาใกล้ชิดอีกแต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่มีเอ๊ะ ๆ ในใจ จนวันหนึ่งนั่งกันสองคนในร้าน เอมใส่เสื้อสีแดง จู่ ๆเอมก็พูดขึ้นว่า ‘เรายังชอบแกอยู่’ ชอบมาตลอด แต่มันยังไม่ลงตัว เปิดใจคุย เราไม่ได้คาดหวัง แค่อยากบอกความในใจ พอพัทธ์ขอคบ เอมบอกขอคิดดูก่อน (หัวเราะ)” ฟังแล้วก็ละเหี่ยใจในจังหวะชีวิต และจังหวะอารมณ์ที่คาดเดาไม่ได้ของทั้งคู่

“ปีแรกที่คบกันเราทะเลาะกันตลอด เอมร้องทั้งปี มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร คิดว่าจะไปไม่รอดด้วยซ้ำ” เฌอเอมเล่าถึงจุดเริ่มต้นของมรสุมลูกใหม่ “ผมรับมือเรื่องอารมณ์ได้แย่มาก เหมือนสมองประมวลแต่เรื่องเหตุผล ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวิธีเลี้ยงดูของที่บ้านหรือเปล่า ถ้าผมร้องไห้ ที่บ้านจะไม่ตี แต่จะให้เราอยู่ในห้องจนกว่าจะเงียบแล้วเดินออกมาเอง เลยรู้สึกว่าความเงียบจะแก้ปัญหาทุกอย่าง” พัทธ์พูดถึงจุดเปราะบางของตนเอง

“เราใช้เวลาปีแรกที่ปรับความเข้าใจ อย่างเรื่องที่เขาไม่พูด เราเคยคิดว่าเขาไม่ตั้งใจจะพยายามสื่อสารกับเรา แต่จริง ๆ แล้วเขาเองก็ไม่ตั้งคำถามกับความเงียบของตัวเอง เขาละเลยตัวเองมากเสียจนไม่รู้ว่าตัวเองคิดอย่างไรในบางเรื่อง แล้วพอเขาไม่พูด เราก็ยิ่งคาดคั้น เอมบอกว่าที่ผ่านมาที่อยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะพัทธ์ไม่เคยพูดอะไรเลย เขาไม่คอยบอกอะไรหรือสื่อสารกับเรา สิบปีที่ผ่านมาเรา Lost In Translation เขาใช้วิธีถอยห่างเราตลอด เราไม่เคยรู้ว่าพัทธ์คิดหรือรู้สึกอย่างไร ถามก็ไม่ตอบ ประโยคนั้นน่าจะทำให้เขาคิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยทะเลาะกันอีกเลย” นั่นเป็นครั้งแรกที่สองคนคบกันอย่างปกติสุข เราฟังเรื่องราวดี ๆ ต่อจากนี้อย่างมีสันติสุขในใจ

“เรารู้ใจกันมาก แค่เอมมองแก้วน้ำ พัทธ์จะรู้ละว่าเอมหิวน้ำก็จะเติมน้ำให้ พอเอมกลับบ้าน พัทธ์จะเทกับข้าวให้เลย และคบกันรอบนี้สนุกขึ้นเพราะชีวิตลงตัว อาชีพการงานของทั้งสองคนรุ่งเรือง เราตระหนักว่าคนนี้ คือ คนที่เราจะใช้เวลาอยู่ด้วยทั้งชีวิต เราเลยทุ่มสุดตัว เอมเอาเงินเก็บทั้งหมดไปซ่อมบ้าน แล้วให้พัทธ์มาอยู่ด้วย ตอนแรกคิดว่าไม่กี่แสน แต่ไป ๆ มา ๆ หมดเป็นล้าน เงินพัทธ์ด้วยส่วนหนึ่ง เป็นบ้านที่เราพยายามมาด้วยกัน” เฌอเอมหยุดเล่า ทำนองว่าให้ผู้อ่านได้เตรียมตัวเตรียมฟังเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้

“แต่มีเหตุพลิกผัน ตอนเลือกตั้งปี 62 เอมออกตัวว่าจะเลือกพรรคอนาคตใหม่ เรารู้สึกว่ามีสิทธิ์ที่เราจะพูดได้ ก็เลยพูดเฉย ๆ ของเรา แต่วันรุ่งขึ้นไม่มีใครจ้างงานเลย ปัญหาส่วนตัวเราไม่มี ไม่ทะเลาะกัน แต่มีปัญหาชีวิตจากปัจจัยภายนอก เอมกลายเป็นภาระพัทธ์ทันที มีเอเจนซีที่สิงคโปร์ติดต่อมา เราก็กัดฟันเอาเงินที่เหลืออยู่ไปแสวงโชคที่เมืองนอก ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก กลายเป็นว่า 10 ปีที่รักกันมาได้อยู่อย่างสงบด้วยกันแค่ปีเดียว เรื่องปากท้องทำให้เราห่างกัน เอมได้งานที่อิตาลี กะว่างานนี้รุ่งแน่ ก็ดันมีโควิดอีก เอมไม่อยากอยู่เฉย ๆ เลยไปสมัครนางงาม หาตลาดอื่นบ้าง แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของความวิบัติ” นั่นเป็นแค่ช่วงโหมโรงในมหากาพย์ชีวิตของเฌอเอม ผู้จองพื้นที่ข่าวพาดหัว และสารพัดเฟคนิวส์จากบัดนั้นมาจนบัดนี้

ในขณะที่คนรักผจญเพลิงคำวิจารณ์ และลุยงานเพื่อสังคม ชีวิตการเป็นศิลปินของพัทธ์รุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เขาเขียนรูป ทำนิทรรศการกลุ่ม นิทรรศการเดี่ยว เป็นอาจารย์พิเศษ “ชีวิตผมจะเสถียรนิ่ง เอมจะขึ้นลง มีสีสันมาก เป็นช่วงวัยที่เราต้องหาประสบการณ์ ต้องเป็นช่วงนี้แหละที่เอมจะทดลองอะไรได้ ผมทำหน้าที่หลังบ้าน ทำมาหากิน ดูแลบ้าน รดน้ำต้นไม้ จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหารแมว เอมก็ไปลุยกิจกรรมข้างนอก”

อาจเป็นทั้งตัวเธอเอง และแรงคาดหวังของสังคม ที่ทำให้ชื่อเฌอเอมย้ายจากข่าวบันเทิงไปปรากฏในข่าวการเมืองและข่างสังคม หากนี่คือเบื้องลึกในใจคนที่กลายเป็นโฉมหน้าการรณรงค์ขับเคลื่อนสังคม “เราเคยเฟลมากกับเรื่องนี้ว่าเราจะมีชื่อเสียงเกียรติยศไปทำไม โลกยกย่องเรา แต่ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ทำให้เราวนเวียนกับการหาคุณค่าให้ตัวเอง เพียงเพราะคนอื่นมาตัดสินเรา แต่จะมีสักกี่คนที่ให้คนรักไปทำอะไรก็ได้ หรือไปทำงานแต่ไม่ได้เงินด้วยซ้ำก็ไม่เคยว่า” เฌอเอมหันไปมองคนข้าง ๆ “เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตหลายครั้ง จนมีจุดหนึ่งที่เรานั่งคุยกับพัทธ์ว่า ถ้าเราจะไปต่อด้านสังคม แล้วชีวิตเราจะเป็นอย่างไร ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วเราต้องแยกกันอยู่จะเป็นอย่างไร สุดท้ายความรักจะถูกแยกด้วยอุดมการณ์หรือเปล่า แล้วทุกวันนี้เราเสียสละเพื่อใคร เรามีคนฟอลโลว์เป็นแสน เดินไปไหนมีคนรู้จัก มีคนขอถ่ายรูป แต่ข้างในว่างเปล่ามาก อำนาจบารมี เกียรติยศ ชื่อเสียง สามอย่างนี้ไม่ได้มาด้วยกัน” เฌอเอมสรุปความเป็นจริงที่ตีแสกหน้าเธออย่างจัง

“เราก้มหน้าก้มตาทำงานกันคนละฝั่ง และงานเราต่างกันโดยสิ้นเชิง เอมเจอคนเยอะแยะมากมาย แต่ผมแทบไม่เจอใครเลย ทำงานเงียบ ๆ ของเราไปในสตูดิโอ เจอคนในแกลเลอรี เหมือนเข้างานทุกวัน เราอยู่นิ่ง ๆ คอยดูเขา แต่ช่วงที่เหตุการณ์รุนแรงก็กังวลพอสมควร เราเข้าใจในแง่ที่ว่าก็ต้องส่งเสียงบางเรื่อง เราจะเงียบไม่ได้ แต่จะมีขอบเขตที่สามารถทำได้ ดีกว่าไม่ได้ทำ แต่ไม่ใช่ว่าเราทุ่มสุดตัว สุดท้ายไม่มีใครได้อะไรเลย” พัทธ์เล่าในมุมของคนที่คอยปักหลังยันหลังให้คนเบื้องหน้า “ถ้าไม่มีเรื่องการเมือง พัทธ์ก็จะประหวั่นพรั่นพรึงว่า วันนี้เอมจะมีข่าวอะไรหรือเปล่า บางช่วงเราโพสต์อะไรก็โดนตลอด โดนตัดต่อรูป เรามีชีวิต 2 โลก เป็นเฌอเอมที่อยู่ข้างนอกกับเป็นเอมที่อยู่กับพัทธ์” หญิงสาวผู้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกสองแบบที่ต่างกันสุดขั้วมาโดยตลอดกล่าว
เฌอเอมเป็นข่าวพาดหัวทุกสำนักตั้งแต่ต้นปี เมื่อเธอตัดสินใจก้าวเข้าสู่โลกนางงามอีกครั้ง “ตอนเอมประกวดในยูนิเวิร์สไทยแลนด์ (MUT) เราเข็นกันมา ผมเป็นคนติวตอบคำถามให้เขา แต่สุดท้ายจบแบบค้างคา แล้วนี่เป็นปีสุดท้ายที่เอมจะประกวดได้ อายุจะเกินแล้ว พอเขาประกวดมิสแกรนด์ก็เอาเลย” พัทธ์บอกอย่างเปิดกว้าง

“มีวันหนึ่งเราตื่นมาง่วง ๆ พัทธ์บอกเงินที่ให้ ถ้าเอมไม่ได้ตำแหน่ง เอมไม่ต้องคิดว่าติดค้างอะไรเรานะ เราให้เพราะอยากให้ วินาทีนั้นเป็นต้นมา เราเปลี่ยนมุมมองการประกวดเลย ชื่อเสียงเงินทองถ้าได้มาก็ดี แต่เราอยากได้ชีวิตของเราคืนมา ไม่ใช่ชีวิตที่ต้องมองหาคุณค่าไปวัน ๆ พรุ่งนี้ต้องทำอะไร มีอะไรที่คนอื่นต้องการไหม เราเริ่มแยกแยกกับคุณค่าที่เราให้ตัวเองกับคุณค่าที่สังคมให้ไม่ออก ถ้าไม่ทำอะไรเพื่อสังคมจะรู้สึกเหมือนไม่มีคุณค่า” เฌอเอมค่อย ๆ กลั่นกรองความคิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“มันคือการจาริกแสวงบุญที่รอนแรมเพื่อหาอะไรบางอย่างที่เราคิดว่าถ้าค้นพบแล้วจะเจอสันติสุข เราหาสิ่งนี้มานานมาก จนเราคิดตกแล้วว่าจะกลับมาประกวดมิสแกรนด์ ได้ตำแหน่งก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่มีกระแสก็ไม่เป็นไร ก็กลับบ้าน มีชีวิตที่ทำงานเต็มที่แล้วกลับบ้านมาเล่นกับแมว แค่รู้สึกว่าเรามีความสุขกับสิ่งที่เราเป็นกับสิ่งที่เราทำ โดยไม่ใส่ใจว่าสิ่งที่เฌอเอมทำจะยิ่งใหญ่แค่ไหน เราอยากเอาทุกอย่างที่เราทำพิสูจน์ให้คนเห็นว่าเราพยายามทำทุกอย่างแล้ว หลายเรื่องที่เกิดขึ้นเราโดนกล่าวหาโดยที่ไม่จริงเลย แล้วมาสงสัยแฟนเราด้วยว่าแฟนเราดีหรือ ฉลาดหรือ ทำไมมาคบเฌอเอม

“ถ้าเราไม่ได้มงกุฎ เราน่าจะได้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต ต่อให้เจอคนที่ว่าเราว่าไม่ดี พูดจาไม่ฉลาด เรายังคงความเป็นตัวเองได้เพราะความรักของคนรอบข้าง”

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม