Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

Bright Young Girl – ดิสรยา เตชะไพบูลย์

ทายาทสาวสวยของ ปภัสรา-พรเทพ เตชะไพบูลย์
Interview / People

เติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่งที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง กล้าคิด กล้าแสดงออก และสร้างความภาคภูมิใจให้ครอบครัวมาตั้งแต่ยังเด็ก สำหรับ เหนือ-ดิสรยา เตชะไพบูลย์ ลูกสาวสุดรักสุดหวงของ กบ-ปภัสรา อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2531 นักแสดงและผู้จัดละครชื่อดัง และเอ๋-พรเทพ เตชะไพบูลย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ด้วยความเป็นนักกิจกรรม และนักกีฬาตัวยงของโรงเรียนจิตรลดา และโรงเรียนนานาชาติ International School Bangkok อย่างการเป็นนักกีฬาแชร์บอล นักกีฬาแบดมินตัน และนักกีฬาวอลเล่ย์บอล ที่สร้างผลงานน่าจับตามองในระดับแชมป์ของประเทศไทย ทั้งยังสอบติดได้เป็นนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการจัดการสื่อสาร (หลักสูตรนานาชาติ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตามความตั้งใจอีกด้วย

     “สมัยยังเป็นเด็กหนูเป็นนักกีฬาแชร์บอลของโรงเรียน ที่หนูชอบเล่นกีฬา เพราะหนูติดคุณพ่อมาก คุณพ่อจะพาไปตีกอล์ฟ ตีแบดฯ ตีเทนนิส ว่ายน้ำ ขี่ม้า ทำกิจกรรมลุยๆ เต็มไปหมด เริ่มมาจริงจังกับกีฬาตอนเรียนอยู่ชั้นป.3 โรงเรียนจิตรลดา ก็จะมีทีมแชร์บอลของโรงเรียน เราก็อยากเล่น ก็เข้าไปเล่น ไปซ้อมกับเพื่อน ซ้อมกันหนักมาก ซ้อมเช้าเย็น ยิ่งช่วงแข่งนี่ซ้อมถึงดึกเลย ก็ไปแข่งหลายรายการค่ะ ชนะบ้าง แพ้บ้าง แต่ที่ประสบความสำเร็จมาก คือ แชร์บอลที่ได้ไปแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยให้กับโรงเรียนจิตรลดาแล้วก็ได้ที่ 1 มาครองค่ะ
     …หนูได้อะไรหลายอย่างจากการเล่นกีฬา ทั้งสุขภาพ สมาธิ ความอดทน ความรับผิดชอบ เราต้องซ้อมทุกวัน ต้องตรงต่อเวลา เราต้องรู้ว่าเราต้องไปก่อน 7 โมงเสร็จ 9 โมง กลับบ้านทำการบ้านให้เรียบร้อย ต้องจัดการบริหารเวลาทุกอย่าง แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย แล้วอยู่ในช่วงโควิด-19 ก็ไม่ค่อยได้เล่นกีฬามากนัก 

     …แล้วอีกไม่กี่วันมหาวิทยาลัยก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้วค่ะ จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เราต้องเรียนออนไลน์ใช้ชีวิตกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นหลัก ซึ่งเหนือดีใจที่จะได้ไปเรียนตามปกติ ได้ไปเจอเพื่อนๆ ได้ออกไปใช้ชีวิต เพราะส่วนตัวแล้วเหนือไม่ชอบเรียนออนไลน์ มันไม่สนุก ไม่ค่อยโฟกัสสักเท่าไร ส่วนการเรียนที่จุฬาฯ มันเป็นความฝันของหนูตั้งแต่เด็กว่าจะต้องสอบเข้าเรียนที่นี่ให้ได้ เพราะหนูเคยไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ ทั้งที่อังกฤษ นิวซีแลนด์ จีนก็เคยไป มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดี แต่หนูคิดว่าถ้าเราไปอยู่อย่างนั้นเราคงจะไม่มีความสุข ก็เลยเรียนอยู่ที่นี่แล้วกัน หนูเล็งคณะนิเทศศาสตร์ของจุฬาฯ แล้วก็ B.J.M. คณะวารสารศาสตร์ฯ ภาคอินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไว้”

     ในครั้งนั้นดิสรยาเอ่ยปากบอกกับเราว่าเธอรู้สึกเครียดมากอยู่ไม่น้อยเพราะในช่วงไฮสคูลเธอค่อนข้างดื้อเกเรเถลไถลและจากครั้งแรกที่พลาดจากการสอบเข้าที่จุฬาฯไปเพราะเธอเตรียมตัวได้ไม่ดีพอ 

     “การสอบเข้าครั้งที่สอง เราตั้งใจทำอย่างเต็มที่ค่ะ คุณพ่อเป็นติวเตอร์ที่ดีของหนูมากๆ ทุกเช้าบนโต๊ะอาหาร เราจะนั่งคุยข่าว วิเคราะห์ข่าว จับประเด็นเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจ และทั้งคุณพ่อคุณแม่ลุ้นกับเรามาก คุณแม่บอกว่า คิดหาถ้อยคำตลอดว่า จะปลอบลูกสาวอย่างไรหากเราผิดหวัง แล้วพอเหนือโทรไปบอกว่า หนูทำสำเร็จแล้ว คุณแม่บอกว่าทั้งสองท่านน้ำตาไหล ดีใจกับลูก หนูเองก็รู้สึกภูมิใจมากค่ะ”

     …หนูเลือกเรียนสาขาการจัดการการสื่อสาร หรือ Communication Management หนูคิดว่า มันเหมาะกับคนที่มีความเป็นตัวของเอง มีความกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบเปิดโลกกว้าง ซึ่งมันเป็นการเรียนที่เน้นการบริหารจัดการสื่อ ทำอย่างไรให้เราใช้สื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้ประโยชน์สื่อด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ในอนาคตหนูอาจจะทำงานด้านการสื่อสารการตลาด หนูคิดว่า น่าสนุกดี ตอนนี้หนูขึ้นปี 2 ก็มีช่วงปี 3 เขาให้ไปฝึกงานอยู่แล้ว ก็อยากลองฝึกทำงานทางด้านนี้ดูค่ะ
     …ส่วนงานในวงการบันเทิง ที่ผ่านมาหนูมีโอกาสได้เป็นนักแสดงรับเชิญในละครให้กับคุณแม่มาบ้าง แต่ได้ลองทำแล้วคิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัดนัก เพราะถ้าให้หนูไปเล่นละครของคุณแม่แบบถ่ายยาวๆ 4-5 เดือน อันนี้หนูคิดว่ายังไม่ใช่ตัวเราสักเท่าไร  หนูจะชอบเป็นแบบถ่ายรูปมากกว่า เพราะหนูชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว ทั้งถ่ายเองกับถูกถ่าย ชอบทั้งคู่เลยค่ะ แต่อย่างบางทีที่มหาวิทยาลัยก็จะมีพี่ๆ ชวนไปออกกองไปถ่ายหนังสั้น หรือถ้าเป็นการถ่ายเอ็มวีสั้นๆ น่ารักๆ ถ่าย 1 วัน 2 วันเสร็จ อันนี้หนูค่อนข้างโอเคนะ สนุกค่ะ

     …นอกจากนี้ในตอนนี้หนูกำลังเริ่มต้นทำแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นกับเพื่อนค่ะ เป็นงานดีไซน์เองในแบบใส่สบายสไตล์ Everyday Look คอลเล็กชั่นแรกอาจจะเป็นชุดเต็มตัว เหมือนรอมเปอร์ เป็นชุดบอดี้สูท สวมตัวเดียวได้ ซึ่งเพื่อนกับตัวหนูต่างคนต่างก็ไม่ได้เรียนดีไซน์มา แต่เราก็เอาความชอบส่วนตัวมาใช้มาบอกช่าง เราไปเดินตลาดผ้า ไปดูผ้า ทำกันเองทุกอย่างเลย ซึ่งคุณพ่อก็ให้เขียนแผน ทำแพลนนิ่ง จะได้รู้ขั้นตอนในการทำงานว่า เราต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง ส่วนคุณแม่ก็คอยให้ความช่วยเหลือ แนะนำในเรื่องต่างๆ อย่าง ช่างตัดเสื้อ การเลือกซื้อผ้า 

     …คุณแม่เป็นแบบอย่างที่ดีมากสำหรับหนูอย่างในเรื่องของความเพียรพยายามคุณแม่จะคอยย้ำว่าอยากทำอะไรอยากได้อะไรก็ต้องพยายามนั่นเป็นสิ่งที่หนูได้รับการสั่งสอนและปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก” 

┃Photography : Nucha J. 
┃Styling :Anansit K. 
┃Makeup & Hair : Tachapol S.
┃ขอขอบคุณเสื้อผ้าจาก ASAVA 

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม