Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Interview / People

‘ไบร์ท-นรภัทร วิไลพันธุ์’ จากเด็กเกเรสู่พระเอกดาวรุ่งมาดเท่แห่งช่อง One31

Interview / People

ถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่เกิดขึ้นในชีวิตของ ไบร์ท-นรภัทร วิไลพันธุ์ กับการก้าวสู่วงการบันเทิงและเป็นนักแสดงเลือดใหม่ในฐานะพระเอกช่อง One31 เพราะชายหนุ่มไม่เคยคิดว่าจะก้าวเข้ามาสู่วงการมายา เพราะไม่ได้มีความสนใจในเรื่องของการแสดงมากนัก แต่ด้วยรูปร่างที่สูงสง่าและใบหน้าที่หล่อเหลา รวมถึงบุคลิกที่ดูสุขุมแบบหนุ่มอาร์ต ทั้งหมดนี้จึงทำให้ไบร์ทถูกเลือก และได้รับโอกาสที่ได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปอย่างสิ้นเชิง

     ไบรท์เล่าว่า สมัยยังเด็กเขาเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน ขาดเป้าหมายในการใช้ชีวิต แต่เมื่อเขาได้ก้าวเข้ามาสู่เส้นทางสายบันเทิง จากการชักชวนของผู้จัดการดาราให้เข้ามาออดิชั่นที่ช่อง One31  ก็ทำให้เด็กหนุ่มพูดน้อยโลกส่วนตัวสูง และเกเรในวันนั้น ได้รับรู้ว่า ชีวิตมีเรื่องสนุกและท้าทายให้เรียนรู้อีกหลายด้าน อย่างการเป็นนักแสดงที่ต้องสวมบทบาทเป็นคนอื่นนั้นไม่ง่าย

     “ผมเริ่มต้นจากศูนย์จริงๆ ครับ ส่วนตัวแล้วเป็นคนพูดน้อย ไม่กล้าแสดงออก แต่ท้ายที่สุดก็ได้รับโอกาสเข้ามายืนอยู่ในจุดนี้ โดยงานแรกผมได้เป็นแขกรับเชิญไปร่วมแจมในคอนเสิร์ต 4 โพดำ ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตของ The Star ที่มีพี่แก้ม-วิชญาณี พี่ตั้ม-วราวุธ พี่กัน-นภัทร  พี่โดม จารุวัฒน์ มารวมตัวกัน ผมไม่ได้พูดอะไรกับเขาหรอกครับเหมือนกับไปโชว์ตัว ซึ่งมันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราอยู่บนเวทีท่ามกลางคนดูเยอะขนาดนั้น เป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต

     …ละครเรื่องดอกแก้วกาหลงเป็นละครเรื่องแรกของผมครับ จำได้ว่าถ่ายซีนแรกก็โดนไป 20 เทค เพราะผมยังใหม่มาก ยังไม่เข้าใจในความเป็นตัวละครนั้น ผมยังยึดติดยังเป็นไบร์ทไม่ใช่ตัวละครตัวนั้น แต่ผมก็พยายามฝึกฝนพัฒนาตัวเอง เรียนการแสดงเยอะมากๆ ผมชอบเรียนศาสตร์การแสดงที่ว่าด้วยเรื่องของการตีความ นั่นเพราะทำให้เราเข้าใจในตัวละครอย่างลึกซึ้ง”

     นรภัทรมีผลงานละครให้เราติดตามหลากหลายเรื่อง อย่างสายรักสายสวาท หน้ากากแก้ว หีบหลอนซ่อนวิญญาณ และอสรพิษ ซึ่งทำให้เราได้เห็นพัฒนาการทางด้านการแสดงของเขาที่น่าจับตา
     “การทำงานของผมในวันนี้ อาจจะไม่ได้หวือหวา หรือก้าวกระโดด ผมเดินช้าๆ แต่เดินหน้าไปเรื่อยๆ ไม่กลับหลังหัน เพราะเราเลือกแล้วเราทุ่มเท ต่างจากตอนแรกยอมรับว่าไม่ได้ทำเพราะความชอบ ทำเพราะตื่นเต้น โอกาสเข้ามา ต้องคว้าไว้ แต่ 3-4 ปีที่ผ่านมาทุกอย่างกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว เราไม่เหนื่อยที่ต้องตื่นเช้ามาทำงาน อาจมีช่วงแรกๆ คุยกับเพื่อนว่าทำไมเราต้องเจออะไรหนักขนาดนี้ แต่พอทำไปเรื่อยๆ รู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบแบบอัตโนมัติ

“การทำงานตรงนี้สอนเราได้มากและเปลี่ยนชีวิตของผมไปเลยครับ ทั้งในเรื่องของระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ การจัดการชีวิต ความคิด เพราะเมื่อก่อนผมไม่แคร์โลก ไม่สนใจใคร โลกส่วนตัวสูงมาก จนผู้ใหญ่แนะนำว่า เราควรจะต้องใส่ใจสิ่งรอบข้างมากๆ จะเกิดการเรียนรู้และเข้าใจทุกสิ่ง เราถึงเป็นนักแสดงที่ดีได้”

     …ผมจึงเริ่มปรับตัว เริ่มสังเกตคนรอบข้างมากขึ้น เริ่มคุย เริ่มมองบนถนนว่า คนนี้เขาทำอะไรอยู่ จากเมื่อก่อนคือไม่สนใจ อย่างอยู่ในห้างฯ อยากกินไก่ทอด สิ่งที่ผมคิดคือไก่ทอด ผมจะไม่มองอะไรเลย นอกจากมองหาร้านไก่ มันเป็นอย่างนี้จริงๆ

     …รวมถึงเรื่องการแต่งตัว มีช่วงหนึ่งผมโดนติงเรื่องแต่งตัวดูไม่ดี ผมแต่งตัวชิลล์ ใส่รองเท้าแตะ ชอบใส่กางเกงวอร์ม แรกๆ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องห้าม แต่พอเราเข้าใจเหตุผลที่ว่ากันด้วยเรื่องของภาพลักษณ์และความเหมาะสม ผมก็เปลี่ยนการแต่งตัว ทุกวันนี้ผมเน้นการมิกซ์แอนด์แม็ตช์เป็นหลัก ซึ่งพอเราแต่งตัวดีก็รู้สึกดีกับตัวเองนะครับ แล้วไหนจะเรื่องของการดูแลตัวเอง เป็นนักแสดงต้องฟิตร่างกาย ผมก็เลือกว่ายน้ำและเดินเร็วในสวนที่หมู่บ้าน มันสดชื่นร่างกายก็แข็งแรงขึ้น ก็รู้สึกขอบคุณวงการนี้มากครับ ที่ทำให้เราเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น เติบโตขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น

     …จากแต่ก่อนที่ผมไม่มีเป้าหมายในชีวิต แต่ในวันนี้ผมตื่นเช้าขึ้นมา ผมรู้ว่าต้องทำอะไรและผมตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ผมเรียนไปด้วยทำงานในวงการไปด้วยควบคู่กัน ซึ่งจากแต่ก่อนที่ผมคิดจะเป็นวิศวกรเหมือนคุณพ่อ เลยเลือกเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (SIIT) แต่ปัจจุบันความคิดผมเปลี่ยนเลยย้ายไปศึกษาต่อที่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มหาวิยาลัยกรุงเทพแทนครับ ตอนนี้อยู่ปี 3 แต่กำลังจะจบแล้ว ผมตั้งใจเรียน 3 ปีจบ ผมไม่ชอบเรียนนานๆ ส่วนผลงานละครพระเอกเต็มเรื่องในช่วงนี้ยังไม่มีครับ แต่จะมีรับเชิญเรื่อง “ห้องสุดท้ายหมายเลข 6” เป็นละครแนวลี้ลับ ชวนขนหัวลุก สนุกปนฮา ก็รอติดตามชมกันได้ทางช่อง One31ส่วนในอนาคตถ้ามีโอกาสผมก็อยากลองเล่นภาพยนตร์สักครั้ง รวมถึงร้องเพลงเพราะเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยทำครับ อยากลองทำดู”


┃Photography : Somkiat K. 
┃Wearing : Burberry, Ermenegildo Zegna
┃ขอบคุณสถานที่ Sofitel Bangkok Sukhumvit
www.sofitel-bangkok-sukhumvit.com

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม