Search
Close this search box.
Search
Close this search box.
HOME / Fashion / Trends

เมื่อ Louis Vuitton ไม่ได้พา Pharrell Williams มาทำ (แค่) เสื้อผ้าผู้ชาย

ไม่หยุดที่แฟชั่นเมื่อ LV แปลงร่างเป็นคัลเจอร์แบรนด์
Fashion / Trends

หลังปล่อยให้ทั้งโลกเดาใจไปต่างๆนานาว่าใครหนอจะมาเป็นครีเอทีฟได้เร็กเตอร์ที่แผนก Menswear ของ Louis Vuitton ที่เก้าอี้ว่างมาตั้งแต่การจากไปของ Virgil Abloh ในปี 2021 แล้วหวยก็ไปออกที่ Pharrell Williams ขาใหญ่ในโลกดนตรี ว่าแต่พี่เขาจะมาทำเสื้อผ้าได้แน่นะ

Virgil Abloh และ Pharrell Williams ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนที่ 1 และ 2 ของ Louis Vuitton Menswear
Virgil Abloh และ Pharrell Williams ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนที่ 1 และ 2 ของ Louis Vuitton Menswear

นั่นไม่แม้แต่จะเป็นปัญหา เมื่อทีมดีไซน์ in-house บวกกับทรัพยากรของ LV แข็งและแกร่งระดับแบรนด์แรกของโลกที่ทำยอดขายเกิน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปเมื่อปีก่อน หรือดูผลลัพธ์จากคอลเล็กชั่นฟอลล์-วินเทอร์ 2023 ที่ชวน KidSuper ดีไซเนอร์สตรีทแวร์สุดเฟี้ยวจากบรูกลินมา ‘ให้แนวทางและดูภาพรวม’ นั่นแปลว่า ทีมดีไซน์รันตัวเองได้ ขอแค่นายหัวที่จะมาให้วิสัยทัศน์เจ๋งจึ้งพอที่จะทำให้ LV ยังคงรักษาสถานะซูเปอร์แบรนด์อันดับ 1 ของโลกแฟชั่นเอาไว้ได้

แต่นั่นหรือคือวิสัยทัศน์ที่เหมาะสมสำหรับแบรนด์ใหญ่ระดับนี้ และนั่นคงไม่ใช่เหตุผลที่ Pietro Beccari ถูกดึงตัวจากแบรนด์คู่แข่งอย่าง Dior ให้มาเป็นซีอีโอป้ายแดงที่ LV เป็นแน่

สิ่งที่ทำให้แฟชั่นเป็นอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งเติบโตได้จากการขายสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่เป็นที่ปรารถนาจนผู้คนต้องยอมจ่ายมาจนป่านนี้ได้นั้น เป็นเพราะแฟชั่นคือแฟชั่น มันขี้เบื่อ ไม่อยู่เฉย และมันมีชีวิตของมันเอง

วงจรแฟชั่นที่ปลดดีไซเนอร์คนเก่าออก หาคนใหม่มาแทนวนไปแบบที่ทำๆ กันมานั้น ไม่อาจทำให้แฟชั่นไปถึงไหน และคำว่า ‘ถึงไหน’ ก็เป็นการตั้งคำถามใหม่ที่ย่อมนำไปสู่คำตอบใหม่ที่สะกดว่า ‘ฟาเรลล์ วิลเลียมส์’

คนดังทำแบรนด์แฟชั่นไม่ใช่เรื่องใหม่ Rihanna กับ Fenty (ซึ่งปิดตัวไลน์เสื้อผ้าอย่างไวใน 2 ปี) Beyonce กับ Ivy Park ซึ่งยอดขายลดลงกว่าครึ่งในปีที่ผ่านมา หรือ Victoria Beckham กับแบรนด์ชื่อเดียวกัน ฯลฯ

แม้แบรนด์คนดังมักถูกปรามาสว่าก็แค่ขายชื่อเสียงเจ้าของแบรนด์ จะไปได้สักกี่น้ำ หรือการแต่งตัวเก่งกับแอตติจูดว่าฉันรักแฟชั่นนั้นเป็นคนละเรื่องกับการทำธุรกิจแฟชั่น

แล้วฟาเรลล์เล่า มีอะไรที่ต่างออกไป ที่ LV จะมั่นใจว่าเขาจะไม่ลงเอยสมคำปรามาสเหล่านั้น

คำตอบคือไม่มีหรอก ถ้ามันบ้งก็คือบ้ง ใครจะรู้ แม้เดิมพันนี้จะเสี่ยงสูง แต่มันถึงเวลาที่ต้องขอลอง

ทิศทางใหม่ของซีอีโอใหม่ก็คือ ทำให้ LV ขยับขยายไปสู่การเป็นคัลเจอร์แบรนด์ ที่แผ่ขยายไปทั้งแฟชั่น ดนตรี ศิลปะ และหมวดหมู่ใดๆที่ประกอบกันเป็นวัฒนธรรม ระยะหลังแบรนด์แฟชั่นทั้งหลาย รวมทั้ง LV เองก็ไม่เว้นที่หันไปเล่นสนามนิทรรศการกันหนักมาก

The See LV นิทรรศการป็อป-อัปของ Louis Vuitton ที่ซิดนีย์
The See LV นิทรรศการป็อป-อัปของ Louis Vuitton ที่ซิดนีย์

นี่มิใช่คือความพยายามจะพาแฟชั่นเชื่อมกับวัฒนธรรม

นี่มิใช่หรือคือสิ่งที่ฟาเรลล์ติ๊กถูกทุกข้อ ขณะที่จะหาแฟชั่นดีไซเนอร์เพียวๆคนใดที่ครบเครื่องได้อย่างเขา

ฟาเรลล์อยู่ใจกลางวัฒนธรรมป๊อปมา 2 ทศวรรษ ตั้งแต่ยุค 2000 เพลงที่คลื่นวิทยุเปิด 43 % ล้วนคลอดออกมาจาก The Neptunes ทีมโปรดักชั่นทำงานดนตรีของเขากับเพื่อนทั้งสิ้น อาทิ Hollaback Girl ของ Gwen Stefani และ Slave 4 U ของหนูหอก Britney Spears

ในยุคต่อมาที่ฟาเรลล์เป็นแร็ปเปอร์และนักร้องวง N.E.R.D. (ซึ่ง RM วง BTS สารภาพรักกับฟาเรลล์ว่าส่งอิทธิพลต่อเขามากมายในการพูดคุยคู่กันที่ Rolling Stone) ก็ได้วางให้เขาอยู่ใจกลางซับคัลเจอร์อย่างฮิปฮอป ก่อนที่มันจะกลายเป็นวัฒนธรรมกระแสหลัก ซึ่งมาถึงจุดพีคสุดสมัยเวอร์จิลได้เป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ผิวดำคนแรกในประวัติศาสตร์ของไฮแบรนด์ที่ LV นั่นแล

ฟาเรลล์ซึ่งได้รางวัลแกรมมี 13 ตัว มีเพลงอันดับ 1 ในชาร์ตบิลบอร์ด 4 เพลง ไม่ตอบรับทว่าก็ไม่ปฏิเสธในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ธุรกิจ FT – The Financial Times ในเดือนกันยายนปีที่แล้วว่า เป็นฟาเรลล์หรือเปล่าที่กำลังทำผลงานเพลงใหม่ในรอบ 6 ปีของริฮานน่า ในบทสัมภาษณ์นั้น ฟาเรลล์ตอบว่า กำลังเคลียร์พื้นที่ในชีวิตขนานใหญ่ เพื่อเปิดรับสิ่งใหม่และใหญ่ที่จะเข้ามา

ปีที่แล้วฟาเรลล์โละผลงาน collab ทางแฟชั่นตลอด 20 ปี ซึ่งผู้จัดการของเขาบ่นว่ามีมหาศาลจนต้องใช้ห้องเก็บของ 11 ห้อง ตั้งแต่แจ็กเก็ตหนังสลักคำว่า Women’s Right ไปจนถึง Blackberry ชุบทอง

ส่วนอินสตาแกรมยุคหลังจากที่สวมหมวกเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนใหม่แล้วของฟาเรลล์ ก็เหลือแค่ 3 โพสต์ถ้วนที่ล้วนเกี่ยวกับ LV เท่านั้น อาทิ ภาพเก่าที่เจ้าตัวไปขุดมาตั้งแต่ยุค 2000 เพื่อบ่งชี้สายใยที่ไม่เคยสะบั้นระหว่างเขากับ LV ทั้งการร่วมงานครั้งแรกในปี 2004 ที่ฟาเรลล์ออกแบบแว่นกันแดด Millionaire และร่วมออกแบบเครื่องประดับคอลเล็กชั่น Blason ในปี 2008

ยังไม่นับว่าฟาเรลล์เป็นผู้ชายคนแรกที่ปรากฏบนแอดแคมเปญของ Chanel ในปี 2017 ออกแบบแว่นกันแดดติดเพชร 25 กะรัตให้ Tiffany & Co. ทำแจ็กเก็ตฉลอง 70 ปี Moncler และทำแบรนด์ของตัวเอง ทั้งแบรนด์บิวตี้ชื่อ Humanrace และทำแบรนด์สตรีทแวร์ Billionaire Boys Club

แฟชั่นกับดนตรีแยกจากกันไม่ได้

ฟาเรลล์กล่าวเมื่อครั้งให้สัมภาษณ์กับ FT เหตุผลของเขาเรียบง่ายมากว่า แม้แต่ Mozart ก็ยังต้องใส่อะไรสักชิ้นล่ะน่ะ

ชมผลงานเดบิวต์ของฟาเรลล์ว่าจะทำให้แฟชั่น ดนตรี และวัฒนธรรมต่างๆกลืนกลายกันเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างไร

และหมวกใบนี้จะไม่ใหญ่เกินไปสำหรับฟาเรลล์ใช่หรือเปล่า

Pharrell Williams

Words: Suphakdipa Poolsap

ข้อมูลจาก:

Related Articles

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ เราได้อธิบายความหมายและวิธีการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผย รวมถึงทางเลือกในการใช้คุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม