เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีภาพยนตร์ Netflix Original เรื่องใหม่จากเกาหลีใต้อย่างเรื่อง ‘Love and Leashes’ ได้เข้าฉายแบบสตรีมมิ่ง ภาพยนตร์สไตล์โรแมนติกคอเมดี้ดัดแปลงมาจากเว็บตูนเรื่อง Moral Sense เรื่องราวที่ว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานอย่าง ‘ชองจีฮู’ (อีจุนยอง U-Kiss) และ ‘ซองจีอู’ (ซอฮยอน SNSD) ซึ่งทั้งสองมีได้มีความสัมพันธ์แบบ BDSM ในออฟฟิศแห่งนี้
เราจะเล่าเรื่องย่อของหนังเรื่องนี้ให้ฟังคร่าวๆ เรื่องราวมันเกิดจากที่พนักงานประชาสัมพันธ์สาวอย่างชองจีอู (ซอฮยอน) เกิดรับพัสดุผิดเพราะชื่อดันไปคล้ายกับชองจีฮู (อีจุนยอง) รองผู้จัดการแผนกที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ สิ่งของในกล่องนั้นทำให้เธอได้ล่วงรู้รสนิยมทางเพศแบบ ‘BDSM’ ที่เขาปกปิดเอาไว้จากสังคม โดยไปเจอกับอุปกรณ์พันธนาการอย่างปลอกคอหนามทำให้เรื่องราววุ่นๆ นั้นเกิดขึ้นและได้ทำให้ชองจีอูได้กลายมาเป็นนายหญิงของทาสชายอย่างชองจีฮู
ถึงแม้ว่าภาพยนตร์จะไม่ได้โดดเด่นเหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเกาหลีที่ได้รับรางวัลระดับโลกหรือเราอาจจะเห็นภาพยนตร์แนวนี้มาแล้วบ้าง แต่พูดเลยว่าภาพยนตร์เกาหลีใต้เรื่องนี้ช่วยและปรับมุมมองให้กับคนทั่วโดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียไปเข้าใจในรสนิยมทางเพศแบบ BDSM มากขึ้นและในมุมมองที่บวกสุดๆ วันนี้เราจะมาขยายความคำว่า BDSM ว่ามันพิเศษและแตกต่างไปจากกิจกรรมทางเพศที่คนส่วนใหญ่มีอย่างไร
ภาพจำของใครหลายๆ คนคงมองว่ารสนิยมทางเพศแบบ BDSM นั้นรุนแรง ไม่ปกติ และอันตรายเพราะสื่อหลายๆ สื่อได้ผลิตภาพจำว่า BDSM นั้นเป็นกิจกรรมทางเพศที่ล้วนประกอบไปด้วยโซ่ แส่ กุญแจมือ รวมถึงการกักขังหน่วงเหนี่ยวและการด่าทอซึ่งสร้างความเจ็บปวดทางจิตใจของผู้ถูกกระทำเลยทำให้คนส่วนใหญ่ในสังคมมีภาพจำกับรสนิยมทางเพศในแง่ลบ
ความจริงแล้วนั้น BDSM คือกิจกรรมทางเพศของคนกลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบในความเจ็บปวดและความแฟนตาซี เพราะสิ่งเหล่านั้นสามารถเพิ่มความตื่นเต้นในการสำเร็จความใคร่ของพวกเขาระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้ ซึ่งในรสนิยมทางเพศรูปแบบนี้เราจะเห็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยฝ่ายหนึ่งจะมีอำนาจเหนือกว่าอีกฝ่ายและผ่านหนึ่งจะมีอำนาจน้อยกว่าอีกฝ่ายเหมือนกับบทบาทสมมุตินายหญิงและทาสชายในเรื่อง Love and Leaches ซึ่ง BDSM สามารถแตกออกไป 5 ประเภท
เริ่มด้วยตัวย่อแรกของ BDSM อย่าง ‘Bondage’ หรือ ‘การพันธนาการ’ เป็นหนึ่งในกิจกรรมของรสนิยมชนิดนี้ซึ่งฝ่ายหนึ่งจะพันธนาการร่างกายของอีกฝ่ายด้วยการผูก มัด รัด ยัด หนีบ หรือยืดอวัยวะต่างๆในร่างกาย หรือการกักขัง หน่วงเหนี่ยว หรือห้อยโหนร่างกายเอาไว้ด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสูญเสียอำนาจในการเคลื่อนไหวหรือการควบคุมร่างกายของตัวเอง ซึ่งการพันธนาการอาจจะไม่ต้องทำให้เกิดความเจ็บปวดก็ได้อาจจะเป็นการทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกดีกับการพันธนาการด้วยวิธีข้างต้น
ถัดมาที่คำที่สองอย่าง ‘Discipline’ การสร้างกฎและบทลงโทษ ทั้งสองฝ่ายที่สมมุติตัวเองว่าเป็นนายกับบ่าวจะสร้างกฎขึ้นมาเพื่อเชื่อฟังและปฏิบัติตาม หากฝ่าฝืนหรือกระทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจก็จะถูกลงโทษ เช่น การใช้แส้ฟาดหรือเขียนไปตามร่างกายเหมือนที่เราเห็นชองจีอูทำกับชองจีฮูในตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องนี้
ส่วนตัวย่อสองตัวสุดท้ายอย่าง ‘Dominance’ และ ‘Submission’ คือการสวมบทบาทที่ฝ่ายหนึ่งมีสถานะเหนือกว่าอย่าง ‘นาย’ และอีกฝ่ายมีสถานะต่ำกว่าอย่าง ‘ทาส’ ส่วนคำสุดท้ายอย่าง ‘Sadomasochism’ เป็นความสุขทางเพศอย่างหนึ่งที่เราคุ้นหูกันอย่าง ‘ซาดิสม์’ ผู้ที่สนุกกับการทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด และ ‘มาโซคิสม์’ ผู้ที่มีความสุขในการถูกอีกฝ่ายทำให้เจ็บปวดทรมาน
กฎเหล็กของกิจกรรมทางเพศรูป BDSM นั้นก็คือ ‘Consent’ หรือการยินยอมเพราะ BDSM นั้นเป็นกิจกรรมที่มีการใช้อำนาจบังคับและทำร้ายร่างกายและจิตใจของอีกฝ่าย ดังนั้นทั้งสองฝ่ายควรตกลงและยินยอมที่จะดำเนินกิจกรรมด้วยกัน เป็นสิ่งสำคัญที่ทั้งนายและบ่าวจะต้องยึดถือเป็นหลักอยู่เสมอ หากวันใดใครคนหนึ่งเบื่อและไม่ยินยอมความสัมพันธ์และกิจกรรมแบบ BDSM ก็จะจบลงไป!
